
หลีไป๋กับคนเลี้ยงไก่ชน
หลีไป๋กับคนเลี้ยงไก่ชน : วันเว้นวันจันทร์ พุธ ศุกร์กับ ประภัสสร เสวิกุล
หลีไป๋ เป็นกวีเอกของจีน มีชีวิตอยู่ในปี ค.ศ.701-761 และเป็นราชบัณฑิตในสมัยจักรพรรดิถังเสียนแห่งราชวงศ์ถัง แต่ทนความแหลกเหลวของผู้มีอำนาจในบ้านเมือง และความขัดแย้งกับผู้มีอิทธิพลไม่ได้ หลังจากรับราชการได้เพียงไม่กี่ปีจึงลาออกและเดินทางกลับไปอยู่ที่บ้านเกิด
ต่อมาเกิดกบฏ หลีไป๋ ได้รวบรวมกำลังเข้าปราบกบฏร่วมกับ เจ้าชายหลี่หลิน จนมีชัยชนะ ภายหลังจักรพรรดิถูกกังฉินยุยงจนเกิดความหวาดระแวงและสั่งประหาร เจ้าชายหลี่หลิน หลีไป๋ เองก็ถูกเนรเทศไปอยู่ทางใต้แต่ระหว่างการเดินทางก็ได้รับนิรโทษกรรม หลีไป๋ มีชีวิตต่อมาได้ 3 ปี ก็เสียชีวิต ด้วยวัย 61 ปี
บทกวีของ หลีไป๋ สะท้อนภาพของบ้านเมือง ต่อต้านความไม่ถูกต้อง และเชิดชูความเป็นธรรมและคุณธรรม ปฏิเสธความงมงาย รวมทั้งแสดงถึงความรักชาติ แฝงไว้ด้วยความรู้สึกผิดหวังและน้อยเนื้อต่ำใจ และความคิดที่ว่าชีวิตเป็นแค่ความฝัน ผ่านกลวิธีการประพันธ์อันงดงามด้วยศิลปะ และจินตนาการ
แผ่นดินถังในยุคของ พระเจ้าถังเสียน พระองค์โปรดปรานการเลี้ยงไก่ชน ดังนั้น พวกประจบสอพลอจึงพากันเลี้ยงไก่ชน และได้ดิบได้ดีไปตามๆ กัน หลีไป๋ จึงเขียนกวีบทหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องนักเลี้ยงไก่ชน ซึ่ง คุณสุภัทร ชัยวัฒนพันธ์ แปลไว้ในหนังสือประวัติวรรณคดีจีน ของสำนักพิมพ์สุขภาพใจ โดยให้ชื่อว่า “คนเลี้ยงไก่ชน” ดังนี้
“รถใหญ่โอ่อ่าวิ่งฝุ่นตลบ
ทำให้ถนนมืดครึ้มแม้เป็นเที่ยงวันแสงแดดเจิดจ้า
พวกขันทีบุญหนักศักดิ์ใหญ่มีทองหยองมากมาย
มีคฤหาสน์ชั้นหนึ่งใหญ่โตโอฬารติดต่อกันเป็นผืนยาว
ระหว่างทางเห็นขันทีคนหนึ่งเลี้ยงไก่ชนในวัง
ทั้งเครื่องแต่งตัวและรถโดยสารล้วนประดับประดาเลิศหรู
วางท่าเขื่องยโสโอหังสูงเทียมฟ้า
คนเดินดินพานพบล้วนต้องหวาดผวา
ในโลกนี้ไม่มีคุณธรรมเยี่ยงเฒ่าล้างหูอีกแล้ว
ใครแยกแยะออกว่าคนไหนคือคนดีอย่างไร”
เฒ่าล้างหู ที่ หลีไป๋ กล่าวถึง คือ สี่อิ๋ว นักปราชญ์ในสมัยโบราณ มีเรื่องเล่าว่าครั้งหนึ่งจักรพรรดิเอี๋ยวต้องการจะมอบบัลลังก์ให้ สี่อิ๋ว ปกครองแทนพระองค์ แต่ สี่อิ๋ว เป็นคนรักความสันโดษ และรังเกียจลาภยศสรรเสริญ เห็นว่ารับสั่งของจักรพรรดิเรื่องการมอบราชบัลลังก์เป็นเรื่องน่ารังเกียจ จึงไปล้างหูที่แม่น้ำผู้คนจึงพากันเรียกสี่อิ๋วว่า “เฒ่าล้างหู”
เหลียวมองบ้านเมืองเราทุกวันนี้ คนที่เป็นใหญ่เป็นโตบางคนนั้น เป็นคนประเภทเดียวกับคนเลี้ยงไก่ชนในสมัยถังเสียน ที่ขาดความรู้ ความสามารถ คุณธรรม และจริยธรรม แต่ก็ทำตัวเขื่องวางท่าข่มขู่ผู้คน ด้วยความหลงเหลิงในอำนาจวาสนา คนแบบนี้แหละครับที่ทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย และคนดีไม่มีที่จะยืน
น่าเสียดายนะครับ ที่เราไม่มีคนอย่างเฒ่าล้างหูและหลีไป๋