
'รัก'ของหนุ่มเดนมาร์ก-สาวภูสิงห์
'รักปอนปอน'หนุ่มเดนมาร์ก-สาวภูสิงห์ : คอลัมน์เขยฝรั่ง สะใภ้อินเตอร์ : โดย...เสาวลักษ์ คงภัคพูน // พงษ์พัฒน์ ไตรพิพัฒน์
"ปอน ใจละออ" สาวบ้านนอก บ้านโอว์บังโก ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ติดชายแดนไทย-กัมพูชา เติบโตมาในชีวิตและสิ่งแวดล้อมเฉกเช่นเดียวกับคนในหมู่บ้าน เรียนจบก็ยึดอาชีพทำนาและรับจ้าง ถึงวัยมีครอบครัวก็แต่งงานกับชายหนุ่มในหมู่บ้านเดียวกัน มีลูกด้วยกันสองคน แต่ที่สุดแล้วก็ต้องปิดฉากชีวิตรัก เมื่อหัวหน้าครอบครัวไม่ดำเนินชีวิตให้เป็นเสาหลัก แค่ลำพังชีวิตคนเดียวกับลูกน้อยก็ยังสู้กัดฟันให้ผ่านไปในแต่ละวันยังยากเย็นแสนเข็ญ ฝ่ายชายกลับมาเป็นภาระเพิ่มให้หนักอึ้งเข้าไปอีก "ปอน" จึงตัดสินใจโบกมือลาพร้อมกับพาลูกน้อยกลับสู่บ้านเกิด
เมื่อต้องเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ไม่ใช่ตัวคนเดียวอีกต่อไป "ปอน" ขอแรงเพื่อนบ้านมาช่วยสร้างเพิงเล็กๆ ที่หน้าบ้านไว้ขายก๋วยเตี๋ยว จากที่เคยไปเป็นลูกจ้างร้านขายก๋วยเตี๋ยวที่กรุงเทพฯ อาศัยครูพักลักจำ พอได้สูตรก๋วยเตี๋ยวมาบ้าง และก็ไม่ผิดหวัง เมื่อลูกค้าติดใจในรสชาติ เล่าขานต่อๆ กันไปทั้งตำบล บ่อยครั้งที่มีคนในตัวอำเภอภูสิงห์ตามมาชิมไม่ขาดสาย
เมื่อปี 2553 มีฝรั่งคนหนึ่งเดินเข้ามาหน้าร้าน สั่งก๋วยเตี๋ยว พูดไทยไม่ชัดฟังแทบไม่ได้ ปอนเดาว่ เมื่อที่ร้านขายก๋วยเตี๋ยวอย่างเดียว ก็คงมากินก๋วยเตี๋ยวเท่านั้น ทำขายไปตามปกติ สังเกตว่า ใช้ตะเกียบไม่เป็น ท่าทางเก้ๆ กังๆ แต่สุดท้ายก็กินจนหมด
มารู้สึกแปลกเมื่อฝรั่งกลับมาอีกครั้งในช่วงมื้อเย็น "ปอน" ต้องทำไม้ทำมือจนเมื่อยว่า "ปิดร้านแล้ว" เขาทำสีหน้าผิดหวังแล้วกลับไป
รุ่งเช้าก็มาใหม่ สร้างความแปลกใจให้เจ้าของร้าน จนคิดเลยเถิดว่าเขาประสงค์ร้ายอะไรหรือไม่ จึงได้สอบถามกับเพื่อนบ้านจนทราบว่า เขามางานแต่งงานน้องชายจากประเทศเดนมาร์กที่เป็นเขยฝรั่งในหมู่บ้าน
ตลอด 5 วัน เขาแวะเวียนมากินก๋วยเตี๋ยวทุกเช้า-เย็น มิใช่แค่เพราะติดใจในรสชาติของก๋วยเตี๋ยวเท่านั้น แต่ติดใจในรอยยิ้มและมิตรไมตรีที่คนไทยหยิบยื่นให้ โดยเฉพาะกับแม่ค้าสาวสวยคนนี้
"โอเล ทูเพย์" ปัจจุบันอายุ 63 ปี บ้านเกิดอยู่ประเทศเดนมาร์ก เลิกกับภรรยาเก่านานแล้ว ชอบท่องเที่ยวไปตามประเทศต่างๆ ภายหลังจากเกษียณอายุจากงานที่เป็นช่างของบริษัทน้ำมัน ชอบเดินทางมาเที่ยวแถบเอเชีย เพราะค่าของเงินถูก และคนผิวเหลืองแถบนี้นิสัยดี มีไมตรีจิตงาม โดยเฉพาะคนไทย และเมื่อน้องชายมาแต่งงานกับคนไทยจึงอยากตามมาดูว่าสาวไทยสวยจริงไหม นิสัยดีจริงหรือ ทำไมน้องจึงยอมข้ามน้ำข้ามทะเลมาขอแต่งงานกับคนไทย ทั้งที่สาวเดนมาร์กก็มีคนสวยอยู่มากมาย
"โอเล" เล่าว่า เมื่อเริ่มเดินทางมุ่งสู่ประเทศไทย ยังไม่ถึงปลายทางก็รู้สึกประทับใจในรอยยิ้มของสาวไทยบนเครื่องบิน แอร์โฮสเตสคนไทยยิ้มสวยงามมาก ประทับใจ พอลงจากเครื่องก็ไปหาหนังสือท่องเที่ยวเมืองไทย หาหนังสือแปลภาษาไทยกับภาษาอังกฤษ อยากสื่อสารกับคนไทยรู้เรื่อง และพอเดินทางมาชายแดนไทย ตามน้องชายที่ จ.ศรีสะเกษ มาที่หมู่บ้านโอว์บังโก บ้านอะไรก็ไม่รู้ชื่อแปลกๆ แต่คนในหมู่บ้านนิสัยดีมาก เห็นฝรั่งมาก็พยายามเข้ามาพูดด้วย มาแนะนำอาหารการกิน ถามว่ากินอะไรได้บ้าง
"มิตรภาพดีๆ หาได้ที่นี่ ผู้คนเป็นห่วงสอบถาม หาอาหารดีๆ มาให้กิน ทั้งที่ไม่รู้จักกันมาก่อน เมื่อได้พบน้องปอน แม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยว ติดใจในรสชาติของก๋วยเตี๋ยว อร่อยจริงๆ ขอมากินทุกวันเลย เพราะส่วนตัวชอบผู้หญิงทำอาหารเก่ง จากนั้นก็ขอให้เขาทำอาหารประเภทอื่นๆ ให้ชิมบ้าง น้องปอนก็ไม่ขัด อร่อยทุกอย่าง พอทราบว่าไม่มีแฟนก็เลยขอเป็นแฟน ชอบน้องปอน ประทับใจที่เป็นคนขยันทำมาหากิน ไม่ถือตัว นิสัยดี พูดเพราะ"
หลังจากพูดคุยกันทางภาษามืออยู่ 5 วัน โอเล ก็เดินทางกลับเดนมาร์ก บอกเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะโทรกลับมาหา และรับปากว่าจะเดินทางมาไทยอีก จนเวลาผ่านไป 5 วัน เขาก็โทรมาที่บ้าน ลูกสาวรับแต่คุยกันไม่รู้เรื่อง ได้แต่ฮาโหลๆๆๆ พอ "ปอน" รับสายก็จำเสียงได้ว่าเป็นโอเลโทรมาจากต่างประเทศ ตอนนั้นไม่รู้ว่าประเทศอะไร ห่างไกลขนาดไหน จึงรับสายเพียงครู่เดียวพอคุยไม่รู้เรื่องก็วางสายไป
เขาโทรมาทุกวัน จนวันหนึ่งรู้สึกแปลกใจที่เขาเริ่มพูดไทยได้บางคำ เขาบอกว่า ไปเรียนภาษาไทยช่วงเย็นเพื่อจะได้สื่อสารกับคนรักรู้เรื่อง ที่สำคัญอยากบอกความในใจว่าคิดถึงมาก
เวลาผ่านไปเดือนเศษ เขาก็กลับมาหาที่เพิงขายก๋วยเตี๋ยว ที่ที่วันแรกได้รู้จักกัน มาขอให้พาเที่ยวทั่วเมืองไทย เพราะอยากรู้จักประเทศไทย และจะได้มีโอกาสอยู่ด้วยกัน ฝ่ายหญิงต้องอธิบายให้เข้าใจถึงวัฒนธรรมประเพณีของไทย จู่ๆ จะให้ไปค้างอ้างแรมด้วยคงไม่ได้ เป็นเรื่องเสียหาย หากรักจริงก็ต้องบอกผู้ใหญ่ทั้งพ่อแม่และผู้ใหญ่บ้านให้รับรู้ เขาก็ทำตาม ทั้งสองจึงได้จูงมือกันไปท่องเที่ยวเพื่อเรียนรู้ซึ่งกันและกัน
"ไปเที่ยวทะเลภูเก็ต หาดใหญ่ พัทยา เชียงใหม่ เชียงราย กรุงเทพฯ ระยอง ใช้เวลาอยู่ด้วยกันราว 1 เดือนเศษ เขาบอกว่า รักเรามาก รักที่เป็นตัวเรา ชอบเสน่ห์ปลายจวัก ทำอาหารอร่อย ทุกมื้อเขาอยากกินอาหารจากฝีมือเรา แม้กระทั่งไปเที่ยวทะเลก็ยังต้องไปเดินหาซื้ออาหารทะเลสดๆ มาทำให้เขากิน พอเดินทางกลับจากเที่ยว เขาขอแต่งงาน และพาญาติมาสู่ขอทำพิธีมงคลสมรสในเดือนกันยายน ปี 2554"
ปัจจุบันชีวิตของทั้งสองมีความสุขมากกับการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นสิ่งที่โอเลวางแผนไว้ว่าหลังเกษียณเขาจะเที่ยวไปกับคนรักให้ทั่วโลก เมื่อพอใจแล้วก็จะกลับมาปักหลักใช้ชีวิตบั้นปลายที่เมืองไทย เพราะรักเมืองไทย ชอบคนไทย ชอบคนศรีสะเกษ ชอบคนในหมู่บ้านโอว์บังโก ขอบคุณประเทศไทยที่ทำให้ชีวิตมีความสุขสมบูรณ์ขนาดนี้
....................................
('รักปอนปอน'หนุ่มเดนมาร์ก-สาวภูสิงห์ : คอลัมน์เขยฝรั่ง สะใภ้อินเตอร์ : โดย...เสาวลักษ์ คงภัคพูน // พงษ์พัฒน์ ไตรพิพัฒน์)