คุกตลอดชีวิต'ซ้อสี่'จ้างฆ่า'เสี่ยอ๊อด' | คมชัดลึก

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 25 ก.ย. 55  ที่ศาลจังหวัดเลย ผู้พิพากษาศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีแดงที่ 3462/55 ตามที่สำนักอัยการจังหวัดเลย เป็นโจทย์ยื่นฟ้อง จำเลย ประกอบด้วย จำเลยที่ 1 นายตรัย ต้นต่อพันธ์ อายุ 51 ปี จำเลยที่ 2 นายสมบูรณ์ หรือ กุ่ย แสงประดับ อายุ 60 ปี จำเลยที่ 3 นายอภิรมย์ หรือ หนุ่ย รามศิริ อายุ 30 ปี ในข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น โดยไตร่ตรองไว้ก่อน , ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต

          จำเลยที่ 4 นางสาวธรณนาฏ หรือ กิตติยา หรือ กิมเอ็ง หรือ เจ๊อ้วน กนกคุณ อายุ 54 ปี และจำเลยที่ 5 นางศุภลักษณ์ หรือ ปัญจรัตน์ หรือ ธนพร ชายชีวินลิขิต อายุ 55 ปี ข้อหาจ้างวานฆ่า นายนาวิน ชายชีวินลิขิต อายุ 48 ปี ในขณะนั้น ประธานกรรมการบริษัท อีซูซุชุมแพ จำกัด อยู่บ้านเลขที่ 333 หมู่ 10 ต.ไชยสอ อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น ขณะเดินทาง ด้วยรถโตโยต้า อัลพาร์ด สีขาว ทะเบียน ชห 6336 ขอนแก่น มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 คน เพื่อร่วมงานแต่งงานของ นางสาวเขมมิกา ใจจะดี อายุ 39 ปี ขณะนั้น อดีตคนในครอบครัว ที่บ้านเลขที่ 85 หมู่ 2 บ้านทรายขาว ต.ทรายขาว อ.วังสะพุง เหตุเกิดเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2553 เวลา 17.00 น. บนถนนสายวังสะพุง-ภูหลวง กม.ที่ 4 บริเวณป่าช้าจีน สมาคมพ่อค้าวังสะพุง กม.บ้านเล้า หมู่ 2 ต.วังสะพุง อ.วังสะพุง จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ แต่จำเลยที่ 1-3 ให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวน

          ผู้พิพากษาศาลพิเคราะห์ตามพยานหลักฐาน ตามที่อัยการส่งมา ตัดสินว่า จำเลยมีความผิดจริงทุกข้อกล่าวหาตามคำฟ้อง ให้จำคุกตลอดชีวิตจำเลยทั้ง 5 คน โดยทนายยื่นต่อศาลขอประกันตัว เพื่อไปสู้คดีในชั้นศาลอุธรณ์ต่อไป โดยศาลกำหนดประกันตัวรายละ 800,000 บาท จากนั้นทนายฝ่ายจำเลยได้นำเงินพร้อมหลักทรัพย์ ประกันตัวจำเลยที่ 1 ที่ 4 และที่ 5 ส่วนจำเลยที่ 2 และที่ 3 เนื่องจากหลักทรัพย์ไม่เพียงพอ จึงนำตัวไปฝากขัง เพื่อรอญาตินำหลักทรัพย์มาประกัน ในวันที่ 26 กันยายน นี้

          ที่มาของคดีนี้ เกิดขึ้นเมื่อปี 2548 ตระกูล "ชายชีวินลิขิต" ตกเป็นข่าวใหญ่บ่อยครั้ง เริ่มจากเหตุลอบยิงเสี่ยชีวิน ในกรุงเทพฯ เจ้าตัวสงสัยว่าจะมาจากปัญหาแย่งชิงอำนาจกันภายในเครือญาติ โดยเสี่ยหนุ่มใหญ่สร้างอาญาจักร "ชายชีวินลิขิต" เป็นเจ้าของกิจการจำหน่ายรถยนต์อีซูซุ รายใหญ่ของชุมแพ เจ้าของโรงแรมใหญ่ และกิจการอีกมากมายในหลายจังหวัด รวมทั้งกรุงเทพฯ ที่ผ่านมาจะแบ่งให้เมียรวม 6 คน และลูกๆ อีกนับสิบช่วยกันดูแล

          อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดเหตุถูกลอบยิง เสี่ยชีวิน เริ่มสงสัยคนใกล้ตัว และไม่อยากให้เกิดปัญหาเหมือนตระกูลอื่นๆ จึงตัดสินใจแก้พินัยกรรมไม่แบ่งมรดกให้ใครทั้งสิ้น แต่ให้เก็บไว้เป็นกองกลาง หรือ "กงสี" นำดอกผลมาแบ่งปันกัน โดยกำหนดระยะเวลานานถึง 100 ปี เรียกว่าต่อให้เมียและลูกๆ ทุกคนตายหมดแล้ว ก็ไม่มีสิทธิ์แบ่งมรดก ต้องรอไปถึงรุ่นหลาน เพื่อป้องกันการแย่งชิงกันนั่นเอง

          เสี่ยชีวิน มีภรรยาถึง 6 คน ประกอบด้วย นางพเยาว์ ชายชีวินลิขิต ขณะนี้อาศัยอยู่ต่างประเทศ มีลูก 1 คน คือ นายนาวิน ภรรยาคนที่ 2 นางอรัญญา เหลืองแสงธรรม หรือ เจ๊หงส์ มีลูก 2 คน คือ นางกานดา ชายชีวินลิขิต และนายเนวิน ชายชีวินลิขิต หรือ เสี่ยกล้า ภรรยาคนที่ 3 นางศิรินธร แซ่โอ๊ว มีลูก 1 คน คือ น.ส.ดาวิน ชายชีวินลิขิต ภรรยาคนที่ 4 นางธนพร หรือ ปัญจรัตน์ หรือ ศุภลักษณ์ ชายชีวินลิขิต มีลูก 3 คน คือ นายรัฐธีร์ ชายชีวินลิขิต น.ส.ธัญญรัตน์ ชายชีวินลิขิต และนายชายวิน ชายชีวินลิขิต ภรรยาคนที่ 5 นางสุชาดา ขุ่ยหนองบัว มีลูก 1 คน คือ ด.ญ.โฟร์ (ขอสงวนนาม) และภรรยาคนที่ 6 น.ส.เขมิกา ใจจะดี ไม่มีบุตรด้วยกัน ได้ออกจากตระกูลไปมีครอบครัวใหม่

          กระทั่งปี 2549 เสี่ยชีวิน เสียชีวิตจากอาการป่วย ไม่นานจากนั้น เริ่มจากความขัดแย้งภายใน จากการแบ่งทำธุรกิจระหว่างเมียและลูกๆ รวมถึงการแบ่งจ่ายเงินกงสี ต่อมา "เจ๊หงส์" หรือ ซ้อสอง นางอรัญญา เหลืองแสงธรรม ภรรยาคนที่ 2 ของเสี่ยชีวิน ถูกมือปืนยิงตายที่ อ.วังสะพุง จ.เลย เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2552

          ถัดมาอีก 1 ปี นายนาวิน ชายชีวินลิขิต หรือ "เสี่ยอ๊อด" บุตรชายคนโตของนายชีวิน ซึ่งดูแลกิจการสำคัญๆ แทนบิดา ถูกยิงถล่มรถที่ อ.วังสะพุง จ.เลย เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2553 แต่นายนาวิน รอดชีวิตมาได้ ไม่นานจากนั้นมีคนร้ายยิงถล่มและปาระเบิดบ้านเสี่ยนาวิน ที่เมืองขอนแก่น

          ทั้งสองคดี ตำรวจสืบสวนภาค 4 ได้ข้อมูลว่า เป็นฝีมือของคนร้ายกลุ่มเดียวกัน หรือโยงใยกัน แนวทางการสืบสวนพบว่า พัวพันไปถึงคนในตระกูลชายชีวินลิขิต สาเหตุมาจากปัญหามรดก และเงินกงสี ที่มีนายนาวิน ลูกคนโต นางกานดา และนายเนวิน ลูก 2 คนของซ้อสอง หรือเจ๊หงส์ เป็นผู้จัดการมรดกร่วมกัน ในการนี้พบว่ามีเมียบางคนไม่พอใจ เพราะแทบไม่มีส่วนร่วมในการบริหารเงินกงสี และยังเกิดปัญหาขัดแย้งภายในอีกด้วย กระทั่งนำไปสู่คดีสังหารซ้อสอง และยิงถล่มนายนาวิน ผู้จัดการมรดก โดยตำรวจสามารถติดตามจับมือปืนไว้ได้ ซึ่งทุกคนให้การซัดทอดถึงนางศุภลักษณ์ ชายชีวินลิขิต หรือซ้อสี่ นำไปสู่การจับกุมและมีคำสั่งศาลตัดสินในคดีแรกวันนี้