
ไปเมืองดอกบัวแวะ'วิลามาศฟาร์ม'
ไปเมืองดอกบัวแวะ'วิลามาศฟาร์ม'ดูใช้เทคโนโนยีทันสมัยเลี้ยงไก่ไข่ : คอลัมน์ท่องโลกเกษตร : โดย...ดลมนัส กาเจ
ลงจากเครื่องบินที่สนามบินเมืองดอกบัว คณะของเราเริ่มต้นที่ตัวเมืองอุบลราชธานีใช้เส้นทางอุบลฯ-ตระการ เข้าสู่เส้นทางผ่าน ต.หนองบก อ.เหล่าเสือโก้ก ตัดเข้าถนนลูกรังใช้เวลาเดินทางราว 1 ชั่วโมงบนเส้นทางยาวราวกว่า 50 กม. เป้าหมายปลายทางที่ "วิลามาศฟาร์มไก่ไข่" ของ นสพ.บัณฑิต วิลามาศ ชาวบ้านเรียกติดปากว่า "หมอบัณฑิต" ที่หันมาเอาดีในด้านการปศุสัตว์เลี้ยงไก่ไข่เป็นอาชีพเสริม ที่หมู่ 4 ต.หนองบก อ.เหล่าเสือโก้ก จ.อุบลราชธานี
"วิลามาศฟาร์มไก่ไข่" ของ นสพ.บัณฑิต ใช้พื้นที่กว่า 13 ไร่ ซึ่งเดิมทีเป็นที่รกร้าง แต่ถูกแผ้วถางเนรมิตเป็นฟาร์มไก่ไข่ที่นำเอาเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้อย่างสมบูรณ์แบบ ในทุกๆ ขั้นตอนการจัดการ ที่สำคัญแม้ฟาร์มจะอยู่ท่ามกลางชุมชน หากแต่ก็สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างผาสุก เพราะฟาร์มแห่งนี้มีการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปด้วย โดยการปลูกต้นไม้ อาทิ ยางพารา บริเวณท้ายโรงเรือน เพื้อป้องกันกลิ่นที่อาจกระทบต่อแหล่งชุมชน
ภายในพื้นที่ 13 ไร่นั้น ประกอบไปด้วยส่วนหนึ่งเป็นอาคารสำนักงาน บ้านพัก โรงฆ่าเชื้อ ส่วนโรงเรือนที่เลี้ยงไกไข่ใช้พื้นที่ราว 3 ไร่ เป็นโรงเรือนระบบปิด หรืออีแวป ลักษณะของโรงเรืองเป็นรูปแบบ ดีพ ทิพ (DEEP PIT) คือเป็นโรงเรือน 3 ชั้น ด้านที่เลี้ยงแม่ไก่ไข่มีแม่ไก่ไข่ทั้งหมด 36,160 ตัว ชั้นล่างของโรงเรือนเป็นที่รองรับมูลไก่ หรือขี้ไก่นั่นเอง ซึ่งแต่ละปีหมอบัณฑิตสามารถแปรรูปมูล ทำเป็นปุ๋ยอินทรีย์ได้ 1 หมื่นกระสอบ น้ำหนักกระสอบละ 25 กก.
ก่อนตัดสินเลี้ยงไก่ไข่ของหมอบัณฑิตนั้น เขาบอกว่า ไปรับราชการเป็นนายสัตวแพทย์ประจำสำนักปศุสัตว์ อ.สว่างวีระวงศ์ จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการเลี้ยงไก่ไข่จำนวนหลายฟาร์ม จึงได้มีโอกาสเข้าไปดูแลเกษตรกร ระหว่างนั้นได้ยินเกษตรกรพูดถึงปัญหาการเลี้ยง และได้เห็นวิธีการเลี้ยงทั้งถูกวิธีและผิด ทำให้อยากพิสูจน์ด้วยตัวเองว่าถ้าเลี้ยงอย่างถูกวิธี มีการดูแลเอาใจใส่อย่างจริงจังจะทำให้ประสบความสำเร็จได้หรือไม่
จึงตัดสินใจทำฟาร์มไก่ไข่ และมุ่งตรงเข้าไปหาบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ เป็นที่แรกและที่เดียว พร้อมบอกกับเจ้าหน้าที่ของบริษัทว่าอยากทำฟาร์มไก่ไข่ ทั้งที่ตอนนั้นไม่มีเงินสดแม้แต่บาทเดียว มีเพียงที่ดิน โดยเป้าหมายคือการทำฟาร์มไก่ไข่ระบบปิด หรืออีแวป ที่ควบคุมโดยระบบคอมพิวเตอร์ทั้งหมด ตั้งแต่ระบบน้ำ พัดลม แสง อุณหภูมิในโรงเรือน ไปจนถึงการเก็บไข่ไก่
"ผมไปหาซีพีเอฟ ได้รับคำตอบจากเจ้าหน้าที่ซีพีเอฟว่า มาถูกที่แล้ว และเห็นด้วยกับแนวคิดที่ผมตั้งใจ เพราะเป็นระบบที่ซีพีเอฟทำอยู่แล้วและประสบความสำเร็จด้วย พูดง่ายๆ ว่า เรามีอุดมการณ์ตรงกัน ผมจึงตัดสินใจเริ่มต้นเข้าโครงการส่งเสริมการเลี้ยงไก่ไข่กับซีพีเอฟ ในระบบประกันราคารับซื้อไข่ไก่ โดยทางซีพีเอฟ ช่วยพูดคุยกับธนาคารเพื่อกู้เงินมาลงทุน ด้วยเงินทุนประมาณ 13 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างโรงเรือนและระบบคอมพิวเตอร์ คาดจะคืนทุนภายใน 7 ปี ตามมาตรฐานที่บริษัทตั้งไว้ ผมจึงเริ่มต้นทำฟาร์มปี 2549 ครับ" หมอบัณฑิต กล่าว
สำหรับการเลี้ยงไก่ที่ใช้ระบบโรงเรือนปิดที่ควบคุมโดยระบบคอมพิวเตอร์นั้น มีการจัดการที่ไม่ยุ่งยาก หลังจากที่สร้างโรงเรือนแล้ว เริ่มต้นรับไก่ไข่สาวอายุ 17-18 สัปดาห์ เลี้ยงในโรงเรือนได้อีก 52 สัปดาห์จึงปลดแม่ไก่ โดยแม่ไก่จำนวน 36,160 ตัว จะให้ไข่แต่ละวันระหว่าง 85-90% ซีพีเอฟจะเป็นผู้รับซื้อทั้งหมดในราคาประกันฟอง 2.50 บาท หากน้ำหนักดีจะเพิ่มราคาให้อีก ส่วนการให้อาหารจะยึดตามมาตรฐานของซีพีเอฟ โดยคำนวณไว้ให้เหมาะสมกับช่วงอายุของแม่ไก่ เช่นเดียวกับอุณหภูมิของโรงเรือนที่มีมาตรฐานเช่นกัน ทั้งหมดนี้จะถูกควบคุมโดยคอมพิวเตอร์ รวมถึงการเก็บไข่ไก่ด้วย
"ก่อนที่ผมจะเลือกร่วมโครงการกับซีพีเอฟ ส่วนหนึ่งจากหน้าที่การเป็นสัตวแพทย์ ทำให้เกิดความสนิทสนมกับน้องๆ ที่เป็นสัตวบาลของบริษัท ที่เราได้แลกเปลี่ยนข้อมูลกันอยู่แล้ว หลังจากได้ศึกษาข้อมูลทั้งหมดก็เห็นว่าซีพีเอฟน่าจะเป็นคำตอบของแนวคิดการทำเกษตรก้าวหน้าของตัวเองได้ ที่สำคัญทางซีพีเอฟไม่จำกัดจำนวนไก่ไข่ที่เลี้ยงด้วย เมื่อเทียบกับบริษัทอื่นที่จำกัดจำนวนไก่ให้เลี้ยง 5,000-10,000 ตัวเท่านั้น ตรงนี้ผมว่าไม่คุ้มค่ากับการบริหารจัดการ เพราะใช้คนไม่แตกต่างกัน จึงเลือกที่จะร่วมธุรกิจกับซีพีเอฟ เพื่อให้เกษตรกรคนอื่นๆ ได้เห็นว่าการเป็นเกษตรกรแนวใหม่ที่ใช้ระบบการจัดการเช่นเดียวที่ผมใช้อยู่ เป็นสิ่งที่ทำได้ และประสบความสำเร็จได้" หมอบัณฑิต ระบุ
กระนั้นหมอบัณฑิต ยอมรับว่า ซีพีเอฟเป็นผู้นำด้านการเลี้ยงสัตว์ที่มีระบบบริหารจัดการอย่างมืออาชีพ มีระบบดูแลเกษตรกรพร้อมให้คำปรึกษาเป็นพี่เลี้ยงที่ดีตลอดเวลา มีสิ่งดีๆ ก็นำมาบอกต่อโดยไม่เคยปิดบัง ที่สำคัญการเลี้ยงไก่กับซีพีเอฟมีข้อดีตรงที่ไม่ต้องเสี่ยงเรื่องของตลาด ไม่ต้องห่วงเรื่องการจัดหาพันธุ์และอาหารไก่ สิ่งเดียวที่ต้องทำคือจัดการฟาร์มที่ถูกต้อง ดูแลเอาใจใส่อย่างเต็มที่ ไม่ปล่อยปละละเลย และจากการที่ได้ใกล้ชิดกับเกษตรกรมานานทำให้รู้ว่าปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกษตรกรไม่ประสบความสำเร็จในอาชีพคือ เพราะขาดความใส่ใจในอาชีพไม่เหมือนกับตอนที่เริ่มต้นอาชีพใหม่ๆ ที่แทบไม่ปล่อยให้ใครดูแลแทน แต่เมื่ออาชีพมั่นคง มีรายได้มากขึ้นก็ละเลยจุดนี้ ทำให้หลายคนต้องล้มเลิกอาชีพไปอย่างน่าเสียดาย
นี่เป็นการอธิบายของหมอบัณฑิตในช่วงเวลาไม่มากที่เราแวะเยี่ยมชมฟาร์ม "วิลามาศฟาร์มไก่ไข่" แห่งนี้ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งฟาร์มตัวอย่างที่ประสบผลสำเร็จในการดำเนินกิจการ
...................................
(ไปเมืองดอกบัวแวะ'วิลามาศฟาร์ม'ดูใช้เทคโนโนยีทันสมัยเลี้ยงไก่ไข่ : คอลัมน์ท่องโลกเกษตร : โดย...ดลมนัส กาเจ)