ข่าว

'ณัฐวุฒิ'ชี้รายงาน คอป.พูดคล้าย'ปชป.'

'ณัฐวุฒิ'ชี้รายงาน คอป.พูดคล้าย'ปชป.'

18 ก.ย. 2555

"ณัฐวุฒิ" ชี้รายงาน คอป.พูดคล้าย "ปชป." อัดรายงานแค่ผิวนอกไม่ลงลึกต้นตอความขัดแย้ง จี้เปิดรายละเอียดคำสั่งกระชับพื้นที่ "เฉลิม" เมินรายงานคอป. อ้างไม่มีผลทางกฎหมาย ต่างจากคำสั่งศาล รอลุ้นดีเอสไอชงสำนวนฟัน "มาร์ค-สุเทพ" สั่งสลายชุมนุม

          วันที่ 18 ก.ย.55  นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงกรณีรายงาน ของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ว่า  เคารพผลการศึกษาและเข้าใจว่า คอป. ทำงานเต็มที่แล้ว แต่รายง่านของ คอป. ในรายละเอียดไม่ต่างจากที่สื่อมวลชนเคยรายงานไปแล้ว คือเป็นการแตะระดับพื้นผิวไม่ได้ลึกซึ้งถึงต้นตอความขัดแย้ง แม้ว่าเรื่องนี้จะลึกซึ้งและละเอียดอ่อนมาก
 
          นายณัฐวุฒิกล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องชายชุดดำ ตนมองว่ารายงานของ คอป.ไม่ต่างไปจากสิ่งที่นักการเมืองเคยพูด โดยเฉพาะสิ่งที่พูดคล้ายกับพรรคประชาธิปัตย์ หากมีตรงนี้ก็ให้ชี้แจงออกมาเลย ว่าเกี่ยวข้องอะไรที่ไหนอย่างไร และขอถามไปยัง คอป. ให้ชี้แจงเรื่องการสั่งการกระชับพื้นที่ รายละเอียดว่าใช้ปืนกี่กระบอก พลซุ่มยิงกี่คน
 
          ส่วนที่นายคณิต ณ นคร ประธาน คอป.  ระบุให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร  เสียสละนั้น นายณัฐวุฒิระบุว่า  ยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่ใช่ต้นตอความขัดแย้ง แต่เป็นหนึ่งในเหยื่อที่ต้องการความยุติธรรม ตนเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้ต้องการเป็นรัฐบุรุษแค่อยากได้ความยุติธรรมคืน  เพราะคงไม่มีมีใครที่เกิดมาแล้วต้องรองรับปัญหาทุกอย่าง ทั้งนี้เชื่อว่าความจริงที่ คอป. สรุปออกมาไม่น่าจะเป็นกุญแจเดียวที่จะคลี่คลายความขัดแย้งได้




"ดร.เหลิม" เมินรายงานคอป. อ้างไม่มีผลทางกฎหมาย ต่างจากคำสั่งศาล

          ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ศาลอาญาได้ไต่สวนชันสูตรพลิกศพการเสียชีวิตของ นายพัน คำกอง สมาชิกแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่ร่วมชุมนุมเมื่อปี 53 ว่า ข้อเท็จจริงที่ออกมาเห็นเป็นอย่างอื่นไม่ได้ เมื่อศาลได้วินิจฉัยแล้วว่าการเสียชีวิตของนายพัน เป็นการตายจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ทำตามคำสั่งของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ดังนั้น ศอฉ. ต้องรับผิดชอบ โดยเมื่อคำสั่งดังกล่าวออกมา เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนต้องส่งสำนวนให้ พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ทำการสอบสวน ซึ่งรูปแบบการสอบส่วนเป็นคณะทำงานร่วมที่ประกอบด้วย พนักงานสอบส่วนดีเอสไอ พนักงานอัยการ และเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล ทั้งนี้ตนได้สั่งการไปยัง นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ แล้วว่าไม่ต้องรายงานเรื่องดังกล่าวกับตน แต่ให้พิจารณาไปตามข้อเท็จจริง ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรให้ทำตามนั้นอย่าไปกลั่นแกล้งและอย่าไปปกป้อง
 
          ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องดังกล่าวจะเป็นทิศทางที่ทำให้เกิดการคลี่คลายคดีไปได้โดยเร็วหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า แล้วแต่ศาลไต่สวนเป็นรายคดี ต้องแยกเป็นรายคดีเนื่องจากบางคดีการเสียชีวิตอาจไม่ได้เกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐแต่ถ้าเกิดจะไปเข้า ป.อาญา มาตรา 84 ใช้จ้างวานให้ผู้อื่นกระทำความผิด และหากความผิดสำเร็จผู้ใช้ต้องรับโทษเหมือนตัวการ ซึ่งหมายถึงการกระทำโดยเจตนา โดยแม้ไม่ประสงค์ต่อผลแต่เล็งเห็นผลที่จะเกิดขึ้น อาทิ การสั่งสลายการชุมนุมในเวลากลางคืนที่หลักสากลเขาไม่ทำกัน ส่วนจะมีการสอบสวนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในฐานะอดีต ผอ.ศอฉ.หรือไม่นั้น อยู่ที่พนักงานสอบสวน
 
          เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า  จะมั่นใจได้อย่างไรว่าสามารถจะเอาผิด ศอฉ.ได้ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่มั่นใจว่าจะเอาผิดใครได้เพราะจะหาว่าเป็นการชี้นำ แต่พยานหลักฐานอย่างไรก็ว่าไปตามนั้น และคำสั่งที่ออกมาเพียงคดีเดียวก็จับได้แล้วไม่ต้องรอคดีอื่น
 
          ส่วนรายงานของคณะกรรมการอิสระเพื่อค้นหาความจริง เพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ที่แถลงออกมานั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า เรื่องนั้นไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย แตกต่างจากคำสั่งศาลที่ออกมามีผลทางกฎหมาย