ข่าว

พ่อแม่รังแกลูก

พ่อแม่รังแกลูก

07 ก.ย. 2555

พ่อแม่รังแกลูก : วันเว้นวัน จันทร์ พุธ ศุกร์กับ ประภัสสร เสวิกุล

            มีนิทานจีนอยู่เรื่องหนึ่งชื่อ “พ่อแม่รังแกฉัน” กล่าวถึงเศรษฐีที่เลี้ยงดูลูกชายด้วยการตามใจลูก ลูกอยากได้อะไรอยากทำอะไรก็ให้ได้ทุกอย่าง โดยไม่ทักท้วง ห้ามปราม หรือสั่งสอนลูกให้รู้จักคิด รู้จักยับยั้งชั่งใจ และรู้จักเหตุผล เมื่อเศรษฐีเสียชีวิตลง ทรัพย์สมบัติที่ลูกได้รับมรดกมาก็ถูกลูกจับจ่ายใช้สอยอย่างสุรุ่ยสุร่ายจนหมดสิ้น ในที่สุดลูกก็เลยกลายเป็นขอทานอยู่ข้างถนน และกล่าวโทษพ่อแม่ว่าเป็นต้นเหตุที่ไม่อบรมบ่มนิสัย ทำให้ตนเป็นเช่นนี้
 
              นิทานข้างต้น เป็นนิทานเก่าแก่ แต่เนื้อหายังคงทันสมัย โดยเฉพาะในสังคมไทยทุกวันนี้ที่พ่อแม่กำลังรังแกลูกกันอย่างสนุกสนาน ลูกอยากได้อะไรก็หามาประเคนให้ลูก ลูกอยากทำอะไรถึงเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องก็ไม่ห้ามปรามตักเตือน และหากลูกทำผิดก็ช่วยกลบเกลื่อนหรือแก้ให้ดำเป็นขาว
 
              เด็กไทยในเวลานี้จึงไม่ต่างจากลูกเศรษฐีในนิทานจีนนั่นแหละครับ
 
              มีผู้วิเคราะห์ให้ฟังว่า ปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้เกิดภาวะ “พ่อแม่รังแกลูก” ขึ้น ก็คือ สภาพของครอบครัวและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม กล่าวคือในรุ่นพ่อแม่นั้น ปู่ย่า ตายายมักจะเป็นครอบครัวใหญ่มีลูกหลายคน ทำให้มีฐานะไม่สู้ดี ลูกๆ คุ้นเคยกับความลำบาก ความอัตคัดขาดแคลน และเรียนรู้การสู้ชีวิตมาแต่เยาว์ เมื่อเติบโตขึ้นมาจึงมีความอดทน ขยันหมั่นเพียร หนักเอาเบาสู้ และเก็บหอมรอมริบจนมีชีวิตที่สุขสบายกว่าคนรุ่นก่อน ที่น่าสนใจคือ คนรุ่นนี้จะมีลูกน้อยเพียงครอบครัวละคนสองคน ดังนั้น จึงทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างให้แก่ลูกตามวิถีของลัทธิวัตถุนิยม จะว่าจะกล่าวก็เกรงว่าลูกจะน้อยใจ เด็กๆ พวกนี้จึงขาดทักษะชีวิต และกลายพันธุ์เป็นคนที่เอาแต่ใจตัวเอง ไม่มีเหตุผล ไม่รู้จักความอดทน ขาดความยับยั้งชั่งใจ นึกจะทำอะไรก็ทำ ถ้าเกิดเรื่องเกิดราวอะไรขึ้นก็มีพ่อมีแม่คอยวิ่งเต้นช่วยเหลือ เพราะสังคมไทยยังเป็นระบบเส้นสาย และเงินตราธิปไตย ที่คนมีเงินมักจะได้รับสิทธิพิเศษเสมอ
 
              ไม่แปลกหรอกครับ ที่พฤติกรรมของเด็กไทยในทุกวันนี้ จึงก้าวร้าวรุนแรง ใช้ชีวิตสนุกสนาน ใช้จ่ายอย่างไม่อั้น และไม่มีจุดหมายที่ชัดเจนสำหรับอนาคต และก็ไม่แปลกอีกเหมือนกันที่สังคมไทยจะกลายเป็นสังคมที่ขาดระเบียบวินัย เป็นสังคมที่คนเห็นแก่ตัวมากขึ้น บูชาเงินมากขึ้น และไม่มีความอดทนทั้งในเรื่องการเรียน การทำงาน หรือในยามที่เผชิญกับปัญหาและแรงกดดันต่างๆ เพราะเด็กรุ่นนี้ถูกพ่อแม่รังแกมาตั้งแต่เกิด
 
              อย่างไรก็ตามสำหรับพ่อแม่ที่รักลูก ปรารถนาดีต่อลูก และไม่อยากเห็นอนาคตของลูกจบลงแบบในนิทานจีนเรื่องนี้ คุณก็ควรต้องเลิกวิธีการเลี้ยงลูกแบบอุ้มโอ๋ แต่จะต้องสอนให้ลูกรู้จักคุณค่าของการศึกษา คุณค่าของการทำงาน คุณค่าของเงินทอง คุณค่าและศักดิ์ศรีของตัวเอง คุณค่าของความรักที่พ่อแม่มีต่อลูก รวมทั้งความผิดชอบชั่วดี กับฝึกฝนประสบการณ์และทักษะชีวิตตั้งแต่เยาว์วัย ลูกๆ ที่ไม่ถูกพ่อแม่รังแกเหล่านี้แหละครับ จะมีชีวิตที่มั่นคงและผาสุกในอนาคต
 
              วัฏจักรของครอบครัวนั้น ส่วนหนึ่งมักจะลำบากในคนรุ่นปู่ สบายในคนรุ่นพ่อ และล่มสลายลงในคนรุ่นหลาน ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะคนรุ่นพ่อรังแกลูกของตนเอง
 
              ถ้ารักลูก ไม่ต้องกอดหรือไม่ต้องตีก็ได้ครับ เพียงแต่ให้ความรัก ความห่วงใย การดูแลเอาใจใส่ และวิถีที่ถูกต้องดีงามแก่พวกเขา ก็พอครับ