ข่าว

เร่งสร้างผู้เชี่ยวชาญประเทศเพื่อนบ้าน

เร่งสร้างผู้เชี่ยวชาญประเทศเพื่อนบ้าน

03 ก.ย. 2555

เร่งสร้างผู้เชี่ยวชาญประเทศเพื่อนบ้าน : มองมุมยุทธศาสตร์ โดยเรือรบ เมืองมั่น Facebook: ruarob.muangman

               กำหนดการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนอย่างสมบูรณ์ใกล้เข้ามาทุกทีพร้อมกับการตื่นตัวของทุกภาคส่วน รวมทั้งกองทัพในการพัฒนาตนเองให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ อะไรที่เสริมศักยภาพหรืออะไรที่อุดช่องโหว่ได้ก็เริ่มลงมือทำกัน แต่สิ่งหนึ่งที่น่าเป็นห่วงคือการขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญอย่างแท้จริงของประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งที่ทุกคนทราบดีว่ารอบบ้านทั้งสี่ทิศเรายังวางใจด้านความมั่นคงไม่ได้ ทางออกนั้นต้องอาศัยการลงทุนจูงใจและอดทนในการสร้างคน
   
               ในยุคสงครามเย็นที่ไทยมีปัญหากับแทบทุกประเทศรอบบ้าน ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงของกองทัพมีมาก เพราะเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย อาจกล่าวได้ว่ากองทัพมีผู้เชี่ยวชาญประเภทนี้มากที่สุด ขณะที่มหาวิทยาลัยเพิ่งจะตื่นตัวสอนแบบแอเรียสตัดดี้ประมาณ 20 ปีมานี้เองซึ่งเป็นไปตามแนวโน้มของฝรั่งที่หันมาสนใจศึกษาเฉพาะพื้นที่ให้รู้ทุกเรื่องมากกว่าการลงลึกเฉพาะแขนง กาลเวลาผ่านไป การพัฒนาของบุคลากรของกองทัพกับนักศึกษากลับสวนทางกัน โดยขณะที่ในโลกของพลเรือนมีการสร้างความชำนาญเจาะลึกประเทศเพื่อนบ้านเฉพาะมากขึ้นจนสร้างคนเก่งพม่า เก่งเวียดนาม ได้มากและกระจายไปในที่ต่างๆ กองทัพเองกลับมีบุคลากรที่เชี่ยวชาญเฉพาะพื้นที่น้อยลง โดยเฉพาะบุคลากรเชิงยุทธศาสตร์ ที่ต้องวิเคราะห์ภาพรวมจนถึงรายละเอียดของประเทศเฉพาะให้ได้
   
               ที่เป็นเช่นนี้เพราะคนเก่าแก่เกษียณ ขณะที่การสร้างคนรุ่นใหม่ต้องใช้เวลา แต่ด้วยสถานการณ์ที่ไม่กดดันเท่ายุคสงครามเย็น ไทยไม่ได้เป็นปรปักษ์ต่อชาติใดโดยตรง จึงทำให้ลดทอนความใส่ใจต่อการสร้างคนระยะยาวที่ต้องติดอยู่กับเรื่องของประเทศใดประเทศหนึ่งไปจนตลอดชีวิตราชการหรือไม่ต่ำกว่า 30 ปี ซึ่งอันนี้กลับไม่สอดคล้องต่อการที่กองทัพยกระดับความสำคัญของประเทศเพื่อนบ้าน โดยจัดตั้งกรมกิจการชายแดนทหาร โดยที่หน่วยข่าวต่างๆ ก็ยังมีกลไกเกี่ยวกับประเทศเพื่อนบ้านอยู่ ขณะที่มี “นาย” ที่บริหารข้อมูลมากขึ้น ปริมาณข้อมูลที่รู้ที่ไหลเข้ามาจากนอกประเทศมีมากขึ้น แต่ความชำนาญโดยรวมของบุคลากรมีน้อยลง เนื่องจากการขาดความรู้ทางภาษา ความรู้พื้นฐานครบด้านซึ่งก็มาจากการขาดการศึกษาแบบแอเรียสตัดดี้ และประสบการณ์ไม่ได้คลุกคลีกับประเทศเป้าหมายอย่างลึกซึ้ง นี่ยังไม่รวมถึงความจำเป็นของงานที่ส่งผลต่อเวลาในการพัฒนาตนเองของบุคลากร เช่น เจ้าหน้าที่โต๊ะต้องไปทำงานอื่น หรือต้องเปลี่ยนงานเพื่ออนาคตทางอาชีพ

               ทางแก้นั้นต้องเกณฑ์คนที่น่าจะมีศักยภาพเข้ามาตั้งแต่เด็ก ส่งอบรมหลักสูตรและสัมมนาที่เกี่ยวกับประเทศเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง โดยให้คนเก่าแก่ถ่ายทอดวิทยายุทธให้หมดเปลือกก่อนเกษียณ นำคนเข้ามาให้มาก อย่าไปคิดว่าเวียดนามมีความสำคัญด้านความมั่นคงน้อยกว่าพม่า ส่งเสริมการเรียนภาษาให้ครบมิติ รู้ยาวีนั้นใช้ประโยชน์กับมาเลเซียไม่ได้เพราะคนละภาษา นอกจากนี้ยังควรจูงใจให้อยู่แต่ในงานนานด้วยระบบแบบสิงคโปร์