ข่าว

'กูเกิลเอิร์ธ3มิติ'..หนีตาย'ซ่องบาห์เรน'

'กูเกิลเอิร์ธ3มิติ'..หนีตาย'ซ่องบาห์เรน'

02 ก.ย. 2555

'กูเกิลเอิร์ธ3มิติ'..หนีตาย'ซ่องบาห์เรน' : ทีมข่าวรายงานพิเศษ

              "ช่วยด้วย พวกเราถูกจับขังอยู่ในตึกฟารีฟ 4 ตรงข้ามสถานทูตฝรั่งเศส ถนน 1906 ด้านขวาเป็นมิแชลโฮเต็ลและมีออฟฟิศของกัลฟ์แอร์ ด้านข้างใกล้โรงแรมวินด์เซอร์ โปรดช่วยพวกเราด่วน มีหญิงไทย 10 คนถูกขังในนี้ ต้องการกลับบ้าน !!"
   
              หลังส่งข้อความเอสเอ็มเอสภาษาอังกฤษความหมายข้างต้นไปยังผู้สื่อข่าวและตำรวจไทย "วาดี" ก็นั่งลุ้นว่าจะมีใครบุกมาช่วยเหมือนในหนังแอ็กชั่นหรือเปล่า? จนล่วงเลยผ่านไปหลายคืนทุกอย่างยังเงียบ...เสมือนไม่มีใครรับรู้ข้อความร้องทุกข์ของพวกเธอ สุดท้ายจึงตัดสินใจกระโดดลงตึก วิ่งกระเซอะกระเซิงเสี่ยงตายหลบหนีออกมาเอง!?!
   
              "วาดี" (นามสมมติ) หญิงวัย 30 ปีเศษ 1 ใน 10 สาวไทยเหยื่อค้ามนุษย์ที่ถูกกักขังในซ่องบาห์เรน กลายเป็นข่าวดังไปทั่วโลก เพราะส่งข้อความเอสเอ็มเอสขอความช่วยเหลือข้ามทวีป เปิดเผยเบื้องหลังเส้นทางหนีตายให้ "คม ชัด ลึก" ฟังว่า เมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ขณะกำลังช่วยแม่ขายของอยู่นั้น ได้รับโทรศัพท์ขอร้องจากเพื่อนสาวที่เคยอยู่กลุ่มเดียวกันว่า ตอนนี้ทำงานร้านนวดอยู่ในประเทศบาห์เรน พอดีหัวหน้าไม่อยู่ 10 วัน แล้วไม่มีใครในร้านพูดภาษาอังกฤษได้ เลยอยากชวนให้มาช่วยทำงานชั่วคราว จะให้ค่าแรง 5 หมื่นบาท พร้อมซื้อตั๋วเครื่องบินให้ด้วย
   
              แม้ไม่เคยมีประสบการณ์นวดมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นนวดแผนไทยหรือนวดสปา แต่ถ้านวดแค่ 10 วันแล้วได้เงิน 5 หมื่นบาท "วาดี" ก็ไม่อยากปฏิเสธเพื่อน รู้สึกดีใจที่จะได้ทำงานในประเทศแปลกใหม่ จึงตอบ "ตกลง" หลังจากนั้นไม่กี่วัน เพื่อนส่งตั๋วเครื่องบินไปบาห์เรนมาให้ทางอีเมล ราคา 2.9 หมื่นบาท เดินทางวันที่ 7 สิงหาคม เธอรู้สึกตื่นเต้นแต่ไม่กลัวเพราะเพื่อนแนะนำรายละเอียดให้ทุกอย่างพร้อมส่งหนังสือรับรองว่ามาเยี่ยมชั่วคราวให้ด้วย ไม่ต้องขอวีซ่าเพราะประเทศไทยกับบาห์เรนเป็นพันธมิตรกัน เพียงแต่เวลาไปถึงสนามบินสุวรรณภูมิต้องไปติดต่อกับเคาน์เตอร์กระทรวงแรงงานให้ออกเอกสารเพิ่มเติมก่อนเดินเข้าไปด่านตรวจคนเข้าเมือง
       
              "เอกสารที่เขาส่งให้ทางอีเมล เป็นหนังสือรับรองของผู้ชายคนหนึ่ง บอกว่าหนูเป็นแฟนของเขา จะมาเที่ยวเยี่ยมชั่วคราว ทุกอย่างผ่านสะดวก นั่งเครื่องบินไป 7 ชั่วโมง ถึงกรุงมานามา เมืองหลวงที่นั่นประมาณช่วงบ่าย มีผู้ชายถือป้ายชื่อหนูรอรับ เขาพาขึ้นรถบอกว่าเพื่อนให้มารับ ไม่รู้จะทำอย่างไรก็ตามเขาไป นั่งรถไปสักพักก็มาจอดที่ตึกเล็กๆ สูง 6 ชั้นคล้ายโรงแรม เข้าประตูด้านหลังทำให้เราไม่เห็นป้ายชื่อโรงแรม เราถามซ้ำว่าเพื่อนอยู่ไหน สักพักผู้หญิงชื่อ "เจ๊หนึ่ง" ลงมารับ บอกว่าเพื่อนรออยู่ข้างบน ผู้ชายที่มาด้วยก็ขอพาสปอร์ตบอกว่าจะเอาไปประทับตราให้ หนูเริ่มรู้สึกไม่ดีแล้วล่ะ แต่เจ๊หนึ่งหันมาพยักหน้าบอกว่าไม่เป็นไร หนูเลยให้เขาไป" 
      
              วินาทีนั้น "วาดี" รู้ว่าทุกอย่างเริ่มไม่เป็นไปตามฝัน เมื่อลิฟต์ขึ้นมาถึงชั้น 5 พอเปิดประตูห้องเข้าไป ภาพที่เห็นทำให้เธอรู้สึกอยากกรีดร้องออกมา ผู้หญิงเกือบ 10 คน นั่งนอนเบียดเสียดอยู่ในห้องเล็กๆ ข้าวของกระจัดกระจายเหมือนเป็นที่พักชั่วคราว "วาดี" พยายามทำใจดีสู้เสือหันไปถามว่าเพื่อนอยู่ที่ไหนอีกครั้ง แต่เจ๊หนึ่งไม่ตอบ พร้อมขู่ว่า ต่อไปนี้ห้ามออกจากห้องจนกว่าจะใช้เงินให้ "แม่แท็ก" หรือ "แม่เล้า" จนหมดก่อน ตอนนี้มูลค่าตัวเธอคือ 1 แสนบาท เป็นค่าตั๋วเครื่องบินและค่าอำนวยความสะดวกต่างๆ และจากวันนี้ไปต้องเสียอีกอาทิตย์ละ 2 หมื่นบาท หรือเดือนละ 8 หมื่นบาท เป็นค่าห้องกับค่าอาหาร ถ้าไม่ยอมมีเซ็กส์กับลูกค้า ก็ต้องหาเงินมาไถ่ตัวเอง
     
              "หนูนิ่งอึ้งไปเลยนะ ไม่เชื่อว่าเพื่อนเราจะหลอกกันได้ เริ่มทำใจดีสู้เสือขอเจรจาต่อรองว่าจะให้แฟนส่งเงินมาให้ 5 หมื่นบาท เพราะรู้ว่าค่าตั๋วที่เขาจ่ายให้เราก่อนแค่ 2.9 หมื่นบาทเท่านั้น แต่เขาไม่ยอม คืนนั้นก็เลยแอบคุยๆ กับผู้หญิงที่อยู่มาก่อน ทำให้รู้ว่ามี 2 คนที่ถูกหลอกมา อีก 7 คนรู้อยู่แล้วว่าต้องมาขายตัว บางคนอยู่มานานถึง 4 ปี ช่วงนี้เป็นเทศกาลถือศีลอด ไม่ค่อยมีแขกมาเที่ยว ต้องรอวันที่ 17 สิงหาคมจะหมดเทศกาล แขกจะล้นเลย"
   
              เหลือเวลาอีกแค่ไม่ถึง 10 วัน "วาดี" ตัดสินใจทันทีว่าต้องหนี แต่แกล้งทำเป็นยอมรับเงื่อนไขทุกอย่าง เพื่อไม่ให้พวกนั้นรู้ตัว ในแต่ละคืนเจ๊หนึ่งจะนั่งขู่ให้กลัวว่าพวกเขามีเส้นสายทั้งตำรวจบาห์เรน สถานทูตไทย หากใครคิดหนีจะโดนซ้อมและบังคับให้ขายตัวใช้หนี้อย่างโหด ไม่มีอิสระแบบนี้ แม้คิดวิธีหนีทั้งวันทั้งคืน แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะถูกขังในตึก ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนในโลกใบนี้ คนที่อยู่มาหลายปีเท่านั้นถึงมีสิทธิใช้โทรศัพท์มือถือแบบเติมเงิน ในที่สุดโอกาสก็มาถึง เจ๊หนึ่งแจ้งว่า แม่เล้าใหญ่ต้องการดูตัวเด็กใหม่ที่มีอยู่ 3-4 คน สักพักก็ส่งรถมารับพาไปสถานที่แห่งหนึ่ง แต่ทุกคนถูกยึดโทรศัพท์มือถือไว้ชั่วคราว พวกเขาพาเธอเดินลงจากรถไปที่ตึกแห่งหนึ่งช้าๆ พอเดินไปถึงประตูก็ให้หมุนตัวเดินกลับไปที่รถ แสดงว่าแม่เล้าใหญ่แอบซ่อนตัวอยู่ใกล้ๆ พอที่จะมองเห็นทุกคนอย่างละเอียดระหว่างเดินไปเดินมา เมื่อพอใจแล้วจึงส่งสัญญาณมาให้คนคุมพากลับห้องได้
   
              โชคดีที่ "วาดี" มีเงินสดไทยติดตัวมาหลายพันบาท จึงขออนุญาตซื้อบัตรเติมเงินเอง ซึ่งผู้คุมก็ไม่ขัดข้อง แต่การเติมเงินหากโทรศัพท์ไปเมืองไทยต้องเสียนาทีละ 100 บาท เขาให้เติมแค่ 400 บาทเท่านั้น เพราะอยากให้ใช้แค่ติดต่อภายในบาห์เรน!!
   
              ระหว่างทางกลับ "วาดี" พยายามจดจำว่า เส้นทางผ่านตึกอะไรบ้าง สถานที่ใหญ่ๆ ชื่ออะไร โดยเฉพาะบริเวณใกล้ตึกที่อยู่ เมื่อรถมาจอดจึงแอบดูชื่อตึกเขียนว่า "ฟารีฟ" เมื่อเติมเงินโทรศัพท์ได้แล้ว วาดีพยายามเชื่อมหาสัญญาณต่อเข้าอินเทอร์เน็ต และเคยมีประสบการณ์ใช้แผนที่กูเกิลในเว็บไซต์ต่างๆ ทำให้พยายามค้นหาชื่อถนนที่อยู่กับชื่อตึกใน "แผนที่กูเกิล เอิร์ธ 3 มิติ" จนกระทั่งเห็นรูปตึกที่ตัวเองอยู่ และรู้ว่ามีสถานทูตฝรั่งเศสอยู่ด้านข้าง จึงส่งข้อความเอสเอ็มเอสไปให้ตำรวจและผู้สื่อข่าวโดยหาจากเว็บไซต์ต่างๆ นอกจากนี้ยังพยายามติดต่อตำรวจไทย ปรากฏว่าหลายคนรับโทรศัพท์แล้วรับปากบอกว่าจะช่วย กำลังประสานงานอยู่
     
              ทั้งนี้ กูเกิล เอิร์ธ (Google Earth) เป็นซอฟต์แวร์ที่พัฒนาโดยบริษัทกูเกิล สามารถใช้ผ่านทางเครื่องคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือ เพื่อดูภาพถ่ายทางอากาศ เส้นทางถนน และผังเมืองในแผนที่ ในรูปแบบ 3 มิติ
    
              เวลาผ่านไป วันที่ 13 ,14 และ 15 สิงหาคม ยังไม่มีใครติดต่อมา ใกล้ถึงวันอันตราย 17 สิงหาคมแล้ว วันนั้นผู้หญิงทั้ง 10 คนที่อยู่ที่นี่จะถูกส่งตัวไปขายตามโรงแรมต่างๆ กระจัดกระจายกันไป "วาดี" จึงตัดสินใจวางแผนกับเพื่อนอีก 2 คน ขออนุญาตไปทิ้งขยะหน้าห้อง แกล้งทิ้งโทรศัพท์ กระเป๋าทุกอย่างไว้ให้ดูเพื่อไม่ให้น่าสงสัย จากนั้นหนีลงลิฟต์มาที่ชั้น 1 แล้วกระโดดออกทางแท็งก์น้ำวิ่งออกด้านประตูหลังไปที่ถนนใหญ่ ระหว่างที่วิ่งได้แต่นึกในใจว่า
   
              "วิ่งให้เร็วที่สุด เร็วที่สุด ไม่งั้นต้องถูกฆ่าตายแน่ๆๆๆๆ" 3 สาววิ่งหนีอย่างสุดชีวิตมาถึงถนนใหญ่ จึงรีบโบกมือเรียกแท็กซี่ให้ไปส่งสถานทูตไทย แต่เหลือบตาดูนาฬิกาจึงรู้ว่าเป็นเวลาตีสอง เมื่อไปถึงได้กล่าววิงวอนขอร้องเพื่อเข้าไปนั่งรอด้านใน แต่ยามประตูสถานทูตไม่อนุญาตให้รอที่บริเวณนั้น แท็กซี่ชาวบาห์เรนรู้สึกเห็นใจ จึงพาไปส่งโรงแรมแห่งหนึ่งพร้อมจ่ายเงินค่าห้องพักให้ในราคา 2,000 บาท พร้อมกำชับพวกเธอว่าห้ามติดต่อกับใครทั้งสิ้นแม้กระทั่งตำรวจ พอเช้าแล้วให้รีบไปสถานทูตไทยทันที...คืนนั้นสามสาวไม่สามารถฝืนตาหลับลงได้ ต่างปลอบใจกันไปมาว่า พวกเราทุกคนต้องรอดตายกลับเมืองไทยให้ได้
      
              จนกระทั่ง 9 โมงเช้า...3 สาวกลับมาสถานทูตไทยอีกครั้ง และได้รับความช่วยเหลือ พร้อมกับติดต่อตำรวจให้ไปช่วยหญิงไทยอีก 7 คนที่ถูกขังอยู่ออกมาจากซ่องนรกบาห์เรนได้สำเร็จ!!
     
              โปรดติดตามตอนต่อไป... "เส้นทางค้ากาม 30 นาที 2,000 บาท"


...........

(หมายเหตุ : 'กูเกิลเอิร์ธ3มิติ'..หนีตาย'ซ่องบาห์เรน' : ทีมข่าวรายงานพิเศษ :ขอบคุณภาพจาก software.thaiware.com)