ข่าว

สรุปป่วนใต้102เหตุพบ'ติดปักธงมาเลย์'

สรุปป่วนใต้102เหตุพบ'ติดปักธงมาเลย์'

31 ส.ค. 2555

กอ.รมน.ภาค 4 แถลงสรุปเหตุป่วนจังหวัดชายแดนภาคใต้รวม 102 เหตุ พบ "เผาธงไทย-วางกล่อง-ปักธงมาเลย์" เชื่อหวังสร้างความแตกแยกระหว่างประเทศ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานีเชื่อเป็นฝีมือแนวร่วมกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ ส่วนธงชาติมาเลเซียอยู่ระหว่างตรวจสอบ

               เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 31 สิงหาคม ที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ในฐานะรองโฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยถึงเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ผ่านมา ว่า ก่อนอื่นทางกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ต้องขอแสดงความยินดีกับทางประเทศมาเลเซีย เนื่องจากในเป็นวันที่ครบรอบ 50 ปี การประกาศเอกราชของประเทศมาเลเซีย จากประเทศอังกฤษ หรือวันเมอร์เดก้า (Merdeka) ซึ่งกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า และพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดชายแดนภาคใต้ และชาวไทยขอแสดงความความยินดีไปยังพี่น้องชาวมาเลเซียทุกคนด้วย

               ส่วนกรณีเหตุความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ตั้งแต่ช่วงหลังเที่ยงคืนที่ผ่านมา จากการตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่าเป็นการก่อเหตุในลักษณะการก่อกวน เป็นวัตถุต้องสงสัย การเผาทำลายธงชาติ และติดธงชาติมาเลเซียในหลายพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และบางส่วนของสงขลา โดยแยกเป็นในพื้นที่ยะลา 34 จุด นราธิวาส 44 จุด ปัตตานี 12 จุด และสงขลา 12 จุด รวมทั้งสิ้น 102 จุด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลักษณะก่อกวน ต่างๆ ส่วนที่เป็นการลอบวางระเบิดรวม 5 จุดในพื้นที่ จ.นราธิวาส คือที่ อ.เมือง อ.ระแงะ อ.จะแนะ อ.บาเจาะ และ อ.สุไหงปาดี ทำให้มีเจ้าหน้าที่บาดเจ็บรวม 6 นาย เป็นเจ้าหน้าที่ของนาวิกโยธิน กองทัพเรือ 3 นาย ของหน่วยเฉพาะกิจทหารพราน 45 จำนวน 2 นาย และหน่วยเฉพาะกิจทหารพราน 46 จำนวน 1 นาย

               “จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เชื่อว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุต้องการให้เป็นภาพข่าวเพื่อปรากฎไปเป็นภาพข่าวทางสาธารณะ โดยเลือกวันที่เป็นวันเชิงสัญลักษณ์ คือวันที่ 31 สิงหาคม ซึ่งตรงกับวันประกาศเอกราชของประเทศมาเลเซีย รวมทั้งเป็นวันครบรอบการจัดตั้งขบวนการณ์เบอร์ซาตู ทั้งนี้เพื่อต้องการกระตุ้นจิตใจของแนวร่วมในการสร้างสถานการณ์ในพื้นที่ สำหรับการเผาทำลายธงชาติไทย และติดธงมาเลเซีย นั้นกลุ่มคนร้ายต้องการสร้างความเกลียดชังระหว่างประเทศไทยกับประเทศมาเลเซีย ให้มีความหวาดระแวงซึ่งกันและกัน ซึ่งถือว่าเป็นการแสวงประโยชน์จากความรุนแรงที่กลุ่มผู้ก่อเหตุสร้างขึ้นแล้วต้องการโยนความผิดให้กับประเทศเพื่อนบ้าน ก็อยากจะเรียนให้ทราบว่าประเทศไทยและประเทศมาเลเซียนั้นยังคงมีความสัมพันธ์ที่ดีมาโดยตลอดทั้งในระดับนโยบาย และระดับปฎิบัติในพื้นที่ การสร้างสถานการณ์เช่นนี้คงจะไม่ทำให้ประเทศไทยและมาเลเซียเกิดความขัดแย้งกันได้” รองโฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า กล่าว

               พ.อ.ปราโมทย์ ยังกล่าวอีกว่า ในช่วงนี้หลายส่วนกำลังเตรียมพร้อมในการเข้าสู่ประชาคมอาเซี่ยนในปี 58 การเข้าสู่ประชาคมอาเซี่ยน จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นอย่างมาก สิ่งที่กลุ่มก่อเหตุรุนแรงต้องการในขณะนี้นอกจากการก่อเหตุสร้างความขัดแย้งระหว่างประเทศ ส่วนหนึ่งคือมีความต้องการไม่ให้ประเทศไทยเข้าสู่ประชาคมอาเซี่ยน เพราะหลังจากเข้าไปแล้วก็จะสูญเสียมวลชนไปเยอะ เนื่องจากพี่น้องประชาชนอยากที่จะมีคุณภาพชีวิตที่ดี และอยู่อย่างปกติสุข แต่อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นท่านผู้บัญชาการทหารบก ท่านแม่ทัพภาคที่ 4 ก็ได้สั่งกำชับให้ทุกหน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่เข้าไปควบคุมสถานการณ์ จัดชุดเก็บก็วัตถุระเบิดเข้าตรวจสอบวัตถุต้องสงสัย เพื่อความไม่ประมาท รวมทั้งทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ซึ่งก็มีความเข้าใจดี ทั้งนี้หากพี่น้องประชาชนท่านใดที่พบวัตถุต้องสงสัย ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ เพื่อเข้าตรวจสอบ โดยสามารถโทรแจ้งได้ที่หมายเลข 1341 ตลอด 24 ชั่วโมง

 

"แม่ทัพภาค4" ชี้ปักธงมาเลย์หวังให้เกิดความขัดแย้ง


             พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์คนร้ายป่วนเมือง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ด้วยการรอบวางระเบิด และเผาธงชาติไทยว่า กลุ่มคนร้ายพยายามแสดงศักยภาพของตัวเองว่ายังมีอิทธิพลในพื้นที่ ซึ่งสั่งการให้หน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพราะเกรงว่ากลุ่มคนร้ายจะออกก่อกวนอีก เนื่องจากวันนี้เป็นวันครบรอบ 55 ปี ของมาเลเซีย และวันสถาปนาเบอร์ซาตู จึงทำให้กลุ่มคนร้ายพยายามก่อเหตุมากขึ้น แต่เราก็ไม่ได้ประมาทพยายามเร่งแก้ไขปัญหาอยู่

             "คนร้ายต้องการสร้างสถานการณ์เพื่อให้มาเลเซียเข้าใจผิด ถือเป็นการปฏิบัติการทางจิตวิทยาอย่างหนึ่งที่คนร้ายถนัดเพื่อให้เกิดความขัดแย้งกัน และบ่อนทำลาย การกระทำครั้งนี้กลุ่มคนร้ายต้องการกระจายข่าวว่าเขายังมีกำลังมากพอต่อการปฏิบัติการตอบโต้เจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งกำลังของเขามีไม่มาก"

             แหล่งข่าวควมมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ วิเคราะห์ว่า การก่อเหตุในครั้งนี้เพื่อเป็นการแสดงสัญลักษณ์ของกลุ่มโจรก่อการร้ายในพื้นที่ว่ากำลังยังมีความเข้มแข็งกว่าเจ้าหน้าที่รัฐ ขบวนการใต้ดินของกลุ่มโจรก่อการร้ายค่อนข้างมีอิทธิพลมาก ทั้งนี้ดัชนีชี้วัดของกลุ่มโจรก่อการร้ายเหตุการณ์ฆ่าเจ้าหน้าที่ทหาร 4 ศพ ซึ่งกลุ่มโจรก่อการร้ายต้องกระจายข่าวไทั่วโลก จึงก่อเหตุเพื่อให้กล้องซีซีทีวีบันทึกภาพเอาไว้ ถือว่าเป็นการฏิบัติการทางจิตวิทยา และทางด้านการเมืองอย่างได้ผล

             "กลุ่มโจรก่อการร้ายพยามยามแสดงสัญลักษณ์ความรุนแรงว่ายังมีอิทธิพล เพื่อให้ประชาชนหวาดกลัว และหันกลับไปร่วมมือในการจัดตั้งรัฐปัตตานี นอกจากนี้เหตุการณ์เผากล้อง ซีซีทีวี ในช่วงที่ผ่านมาบริเวณตามท้องถนนได้เป็น 100 จุด ถือว่าไม่ธรรมดา ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่รัฐไม่ได้จัดกำลังดูแลพื้นที่ดังกล่าวแต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญอะไรมาก แต่ประเด็นสำคัญอยู่ที่กลุ่มโจรก่อการร้ายต่างรอจังหวะเพื่อดีสเครดิสเจ้าหน้าที่รัฐว่าไม่สามารถทำอะไรพวกเขาได้"

             แหล่งข่าวยังมองว่า การปักธงชาติมาเลเซียในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้กว่า 100 จุด ถือเป็นเรื่องใหญ่มาก แม้ว่าจะไม่มีการสูญเสียใดใดก็ตาม แต่การกระทำเป็นการส่งสัญญาณให้กับมวลชนให้ได้รับรู้ว่าการปฏิวัติรัฐปัตตานีของพวกเขาใกล้สำเร็จแล้ว และเป็นการบ่งชี้ให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่รัฐไม่สามารถทำอะไรได้เลย เพราะการปักธงเป็น 100 จุด ไม่ใช่เรื่องง่าย ข่าวพวกนี้ถูกกระจายออกไปทั่วโลก ดังนั้นเจ้าหน้าที่รัฐอย่าประมาทต้องปรับกลยุทธ์ และตื่นตัวตลอด 24 ชั่วโมง

             "การปักธงครั้งนี้กลุ่มก่อการร้ายต้องการส่งสัญญาณว่าการปฏิวัติรัฐปัตตานีใกล้สำเร็จแล้ว กลุ่มก่อการร้ายพยายามทำทุกอย่างเพื่อปลดแอก ซึ่งการปักธงครั้งนี้ก็ไม่ได้ปักเฉพาะตามเส้นทางถนนเพียงอย่างเดียว แต่บางโรงเรียนก็มีการชักธงมาเลเซียขึ้นสู่ยอดเสาแทนที่ธงชาติไทยด้วย" แหล่งข่าวระบุ



ผู้การฯเร่งสอบปักธงเมเลย์

               ความคืบหน้าเหตุการณ์คนร้ายก่อเหตุป่วนพื้นที่ จ.ปัตตานี หลายจุด ล่าสุดทาง พล.ต.ต.พิเชษฐ์ ปิติเศรษฐพันธ์ ผบก.ภ.จว.ปัตตานี เปิดเผยว่า ให้พนักงานสอบสวนนำหลักฐานที่เกิดเหตุมาตรวจสอบลายนิ้วมือ พร้อมทั้งนำลายนิ้วมือและดีเอ็นเอ ไปตรวจสอบรายชื่อในสารบบว่าตรงกับใครบ้าง พร้อมทั้งให้ทุกพื้นที่ตรวจสอบสอบจากกล้องวงจรปิดด้วย เบื้องต้นเชื่อว่าน่าจะเป็นแนวร่วม ที่เป็นเยาวชน ของกล่มอาร์เคเค ที่อยู่ในพื้นที่นั้นๆ ที่ก่อเหตุดังกล่าว เพื่อก่อกวนให้เกดความวุ่นวายในพื้นที่

               ส่วนธงนั้นได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบตามร้านค้าต่างๆ ในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง ว่ามีการซื้อร้านไหนบ้าง เพื่อตรวจสอบรูปพรรณสัณฐานของคนร้าย ซึ่งเชื่อว่าส่วนหนึ่งซื้อในพื้นที่ เนื่องจากปัจจุบัน ธงของชาติเอเขีย มีจำหน่ายหลายร้าน เพราะเป็นช่วงประชาคมอาเซี่ยน มักจะมีหน่วยงานราชการ โรงเรียน และบุคคลอื่นซื้ออยู่บ่อยครั้ง เพื่อมาประดับ ทำให้หลายร้านนำมาจำหน่าย และส่วนหนึ่งอาจจะซื้อจากประเทศเพื่อนบ้าน อยู่ระหว่างตรวจสอบเช่นกัน


ปาบึ้มป่วนเพิงขายข้าวเหนียวไก่ทอดที่รือเสาะไร้คนเจ็บ-ตาย

               นอกจากนี้เมื่อเวลา 12.30 น.วันที่ 31 ส.ค. ร.ต.ท.วันชัย รักบุญเมือง ร้อยเวร สภ.รือเสาะ จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุคนร้ายขว้างระเบิดใส่เพิงขายข้าวเหนียวและไก่ทอด ที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามโรงเรียนรือเสาะวิทยา ม.3 ต.รือเสาะออก จึงสั่งระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารจำนวนหนึ่งรุดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบที่บริเวณริมขอบฟุตบาทมีร่องรอยถูกสะเก็ดระเบิดได้รับความเสียหายเล็กน้อย และมีซากเศษชิ้นส่วนของระเบิดแสวงเครื่องชนิดขว้างที่ผลิตเองใส่ไว้ในกระป๋องของปลากระป๋องยี่ห้อหนึ่ง หนัก 0.5 ก.ก.ตกกระจายเกลื่อนพื้นถนน เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน ส่วนเจ้าของเพิงขายข้าวเหนียวไก่ทอด หลังเกิดเหตุเกิดความกลัวได้ขี่รถจักรยานยนต์หนีไป ซึ่งขณะนี้ยังไม่ทราบชื่อ

               จากการสอบสวนทราบว่า ในระหว่างที่ผู้เสียหายกำลังยืนทอดไก่อยู่ที่เพิงนั้น ได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวน ใช้รถยนต์กระบะสีบรอนด์เงิน ไม่ทราบยี่ห้อและแผ่นป้ายทะเบียนเป็นพาหนะ เมื่อแล่นผ่านคนร้ายที่นั่งกระบะหลัง ได้ใช้ระเบิดแสวงเครื่องชนิดขว้างที่ผลิตเอง ขว้างใส่เพิงขายข้าวเหนียวและไก่ทอด แต่ระเบิดได้ตกที่บริเวณริมฟุตบาท จึงทำให้ผู้เสียหายรอดตายได้อย่างหวุดหวิด ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่า มีส่วนพัวพันและเชื่อมโยงกับกลุ่มคนที่ลอบก่อเหตุร้ายในพื้นที่ทั้ง 12 อำเภอ ของ จ.นราธิวาส ในช่วงหัวรุ่งที่ผ่านมา เพื่อเป็นการตอกย้ำความปั่นป่วนให้เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

               ล่าสุด พล.ต.ต.โชติ ชวาลวิวัฒน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.นราธิวาส ได้สั่งการไปยัง ผู้กำกับการ รวมถึงสารวัตรใหญ่ในพื้นที่ทั้ง 13 อำเภอ จำนวน 19 สถานี ทำการตรวจสอบภาพวงจรปิดที่ติดไว้บริเวณหน้าจุดตรวจในแต่ละพื้นที่ เพื่อตรวจสอบหาข้อพิรุธของยานพาหนะที่แล่นผ่านในช่วงเวลาใกล้เคียงกับเหตุร้ายที่เกิดขึ้น ซึ่งใช้เป็นข้อมูลในการติดตามกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุมาลงโทษต่อไป