ข่าว

พัฒนาแหลมฉบังเฟส 3

พัฒนาแหลมฉบังเฟส 3

01 ก.ย. 2555

พัฒนาแหลมฉบังเฟส 3 ความฝันที่ยากจะไปถึงเป้าหมาย : คอลัมน์รายงานพิเศษวันเสาร์ : โดย...มัทนา ลัดดาสิริพร

              "จนถึงขณะนี้ยอมรับว่าประชาชนในพื้นที่ยังคัดค้านการก่อสร้าง เนื่องจากกังวลผลกระทบสิ่งแวดล้อม ดังนั้น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม กทท.มีแผนรองรับหากการขยายแหลมฉบังเฟส 3 ไม่ผ่านความเห็นชอบด้านสิ่งแวดล้อม โดยใช้พื้นที่อื่นทดแทน ในเบื้องต้นที่วางเอาไว้มี 2 แห่ง คือ บริเวณท่าเรือจุกเสม็ด หรือท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ และพื้นที่เป้าหมายแห่งที่สองคือ บริเวณเกาะสีชัง " เรือตรี วิโรจน์ จงชาณสิทโธ" ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ระบุ

             พร้อมกันนี้ ยังได้อธิบายถึงความเหมาะสมของพื้นเป้าหมายทั้ง 2 แห่งว่า ท่าเรือจุกเสม็ดนั้น กทท.เคยบริหารเป็นท่าเรือพาณิชย์ตามโครงการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก ต่อมาได้โอนคืนให้กองทัพเรือ เนื่องจากต้องย้ายไปทำการที่ท่าเรือแหลมฉบัง ถือว่ามีความเหมาะสมมา เพียงลงทุนปรับปรุงพื้นที่หน้าท่าและหลังท่า ปรับปรุงระบบเชื่อมโยงโลจิสติกส์ เช่น รถไฟทางคู่จากแหลมฉบัง-สัตหีบ, ขยายถนน และพื้นที่ดังกล่าวยังอยู่ใกล้สนามบินอู่ตะเภาอีกด้วย ส่วนเกาะสีชัง เป็นจุดที่มีความลึกประมาณ 22-25 เมตร เหมาะสมต่อการพัฒนาเป็นท่าเรือน้ำลึก และมีความสะดวกในการเชื่อมต่อกับท่าเรือแหลมฉบังทั้งทางชายฝั่ง ซึ่งเชื่อมไปยัง จ.สุราษฎร์ธานีและเพชรบุรีได้ รวมถึงการเชื่อมทางถนนและทางรางเข้าด้วยกัน

             ทั้งนี้ ปัญหาของแหลมฉบังเฟส 3 คือ ขั้นตอนการพัฒนาพื้นที่ ซึ่งจะต้องมีการขุดทรายเพื่อถมทะเลทำท่าเรือยื่นออกไปในทะเลพื้นที่หลายร้อยไร่ โดยต้องยอมรับว่าจะกระทบต่อระบบนิเวศ พื้นที่แนวชายฝั่งอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงจากธรรมชาติ จากการมีท่าเรือยื่นออกไปในทะเล กระแสน้ำอาจจะเปลี่ยน และส่งผลกระทบไปถึงชุมชน  

             "ในช่วงที่ผ่านมากลุ่มประมงเรือเล็ก และประมงชายฝั่งในพื้นที่ ต.แหลมฉบัง และ ต.บางละมุง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ได้ทำหนังสือถึงประธานคณะอนุกรรมาธิการสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา กรณีที่ท่าเรือแหลมฉบังจะพัฒนาท่าเรือขั้นที่ 3 โดยการถมทะเลออกไป 1,600 ไร่ ความยาว ตั้งฉากกับชายฝั่งทะเล 4,500 เมตร ซึ่งจะทำให้ประมงเรือเล็ก และประมงชายฝั่งได้รับความเดือดร้อนอย่างรุนแรง ในการประกอบอาชีพ ที่ผ่านมาจากการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังในขั้นที่ 1 และ 2 ได้สร้างความเดือดร้อนให้แก่คนในท้องถิ่นมามากแล้ว ปัญหาเดิมการท่าเรือฯก็ยังไม่สามารถแก้ไขได้ แต่กลับจะมาพัฒนาในขั้นที่ 3 ต่อไปอีก พวกเราพร้อมที่จะคัดค้านโครงการนี้อย่างถึงที่สุด หากพวกเรายอมให้การท่าเรือฯ ก็เท่ากับว่าสละแผ่นดินและที่ทำมาหากินไป เพราะในขณะนี้ พื้นที่บริเวณดังกล่าว เป็นพื้นที่ผืนสุดท้ายแล้ว" รังสรรค์ สมบูรณ์ ตัวแทนชาวประมงชายฝั่งแหลมฉบัง สะท้อนความเห็น

              ข้อมูลข้างต้นคือความเห็นของผู้เกี่ยวข้องที่สะท้อนต่อโครงการลงทุนในแผนงานพัฒนาท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบังเฟส 3 ฝ่าย หนึ่งคือการท่าเรือแห่งประเทศไทย หรือ กกท. ในฐานะเจ้าของโครงการ และอีกฝ่ายคือตัวแทนประชาชน ที่ผ่านประสบการณ์จากโครงการลงทุนของภาครัฐในอดีต ท่าเรือแหลมฉบังในเฟสที่ 3 คือภาพต่อเนื่องของโครงการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก ด้วยการจัดสร้างท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง ที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ภายใต้การกำกับดูแลของ กทท. โดยได้เปิดให้บริการนับตั้งแต่ปี 2534 อันเป็นการวางรากฐานที่สำคัญต่อการสร้างศักยภาพในกิจการพาณิชย์นาวี

             การเติบโตในกิจการขนส่งทางทะเล หากพิจารณาจากจำนวนสินค้าคอนเทนเนอร์ที่ผ่านเข้า-ออกท่าเรือ ก็คือ ตู้สินค้าขาเข้าและขาออกผ่านท่าเรือแหลมฉบัง เพิ่มขึ้นร้อยละ 12 ต่อปี และคาดว่าจะสูงเกินขีดความสามารถที่จะรองรับ ในปี 2559 ทั้งท่าเรือแหลมฉบัง ขั้นที่ 1 และขั้นที่ 2  ข้อจำกัดที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจึงเป็นที่มาของการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังขั้นที่ 3 (เฟสที่ 3) เพื่อให้เพียงพอต่อบริการรองรับการขนส่งสินค้าทางทะเล เป้าหมายของเฟสที่ 3 ก็คือ รองรับปริมาณตู้สินค้าไม่ต่ำกว่า 18 ล้านทีอียูต่อปี เมื่อเปิดให้บริการเต็มศักยภาพ 

             ทั้งยังรองรับเรือบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่ มีระวางบรรทุกได้มากกว่า 1 แสนตัน หรือบรรทุกตู้สินค้าได้มากกว่า 1 หมื่นทีอียู มีร่องน้ำกว้างเพียงพอให้เรือกลับลำได้สะดวก รวดเร็ว โครงข่ายการเชื่อมโยงระบบขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ โดยเน้นการขนส่งระบบราง เพื่อเอื้อต่อธุรกิจโลจิสติกส์ สนับสนุนการเชื่อมต่อท่าเรือแหลมฉบังสู่ทุกภูมิภาคทั่วประเทศและอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ด้านแนวทางการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 ถูกกำหนดไว้ 2 ส่วน

            ส่วนที่ 1 ท่าเรือแหลมฉบัง (ทลฉ.) ลงทุนเอง อาทิ การขุดร่องน้ำใหม่เพิ่มอีก 1 ร่อง และขุดแอ่งจอดเรือสำหรับท่าเรือขั้นที่ 3 ให้มีขนาดใหญ่กว่าเดิม  บริหาร จัดการ การขนส่งและจราจรในพื้นที่ท่าเรือ การสร้างระบบจ่ายไฟฟ้าให้กับเรือ ระบบบำบัดน้ำเสียในท่าเรือ และระบบจัดการของเสีย ขณะที่ในส่วนที่ให้เอกชนเข้ามาลงทุน คือ รับสัมปทานและบริหารท่าเรือ โดยภายหลังการก่อสร้างท่าเรือแล้วเสร็จ ก็จะเปิดให้เอกชน เข้าประมูลเพื่อรับสัมปทานบริหารท่าเรือ

           ทั้งนี้ เอกชนที่ประมูลได้จะต้องดำเนินการก่อสร้างภายในท่าเรือต่อจนครบถ้วน สำหรับการดำเนินงานโครงการท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 ที่ผ่านมา ได้มีการจัดจ้างบริษัทวิศวกรที่ปรึกษา ทำการศึกษาความเหมาะสมทางด้านเศรษฐกิจ วิศวกรรม และสิ่งแวดล้อม และออกแบบรายละเอียด ส่วนแผนงานที่วางเอาไว้ หากผ่านความเห็นด้านสิ่งแวดล้อม ในปีนี้ 2555 ขั้นตอนต่อไปคือเริ่มทำการประมูลก่อสร้างในปี 2556  ใช้เวลา 3 ปี ก็จะแล้วเสร็จกลางปี 2559 พร้อมให้บริการในปี 2560 มูลค่าลงทุนในโครงการนี้อยู่ที่ 3.5 หมื่นล้านบาท

           หากพิจารณาไปที่การนำเสนอทางเลือกใหม่ของ กทท. น่าจะบ่งชี้ได้ว่าอนาคตของโครงการนี้อยู่ในภาวะที่ตีบตันเพียงใด

...............................................
(พัฒนาแหลมฉบังเฟส 3 ความฝันที่ยากจะไปถึงเป้าหมาย : คอลัมน์รายงานพิเศษวันเสาร์ : โดย...มัทนา ลัดดาสิริพร)