
โพรง
โพรง : วันเว้นวัน จันทร์ พุธ ศุกร์ กับ ประภัสสร เสวิกุล
ในหนังสือหิโตปเทศ ของเสฐียรโกเศศ และนาคะประทีป ที่ผมเคยอ่านเมื่อตอนเล็กๆ มีอยู่บทหนึ่งที่ติดอยู่ในใจผมมาเป็นเวลานาน ก็คือบทที่กล่าวว่า “ปัญญาที่อยู่ในเรือนกายอันทราม ร้ายยิ่งกว่าเทวราชอยู่ในเรือนหลังคามุงฟาง” เพราะผมไม่เข้าใจในคำอุปมาดังกล่าวว่ามีความเกี่ยวข้องกันได้อย่างไร จวบจนกระทั่งในเวลาต่อมาได้อ่านเรื่องสามก๊กที่กล่าวถึงตัวละครตัวหนึ่งคือบังทอง จึงทำให้บรรลุปรัชญาที่แฝงอยู่ในหิโตปเทศบทนั้น
ในยุคสามก๊กนั้นมีคำกล่าวประโยคหนึ่งว่า “หากใครสามารถครอบครองมังกรและหงส์ได้ คนผู้นั้นจะได้ครอบครองแผ่นดิน” มังกรนั้นหมายถึง จูกัดเหลียง ฉายาขงหมิน หรือ ขงเบ้ง มังกรหลับแห่งเทือกเขาโงวลังกั๋ง ส่วน หงส์ฝังทง หรือฮองซู ที่สามก๊กฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน) เรียกว่า บังทอง ทั้งขงเบ้งและบังทองเป็นนักปราชญ์ที่มีความรอบรู้ มีอายุไล่เลี่ยกัน และเป็นเพื่อนรักกัน ต่างกันที่ขงเบ้งที่ “สูงหกศอก สีหน้าขาวเหมือนหยวก แต่งกายโอ่โถง ท่วงทีเป็นอาจารย์ผู้ใหญ่” ต่างกับบังทองที่ “เห็นคิ้วใหญ่ จมูกโด่ง หน้าสั้น รูปร่างวิปริตนัก” ซึ่งหนังสือสามก๊กคำกลอนของขุนสนานุชิต (เจต) บรรยายไว้ว่า
“เมื่อนั้น เล่าปี่พิศวงให้สงสัย
เหนรูปร่างก็ตระหนกตกใจ นิ่งขึงตลึงไปไม่พาที
พิศแต่หัวจดเท้าขาวแต่ตา เกษาเส้นแดงเปนแสงสี
หัวทุยนุยโหนกขวางรี เกษีหยิกหยงตองตอย
หูลี่ไหล่หลอบสอบซุ้ม ขนพันเป็นกลุ่มเหมือนก้นหอย
สบักงอกขึ้นไปถึงท้ายทอย หนวดสั้นหรอกหรอยรุงรัง
ฟันออกนอกปากเงอะงะ ปากปะลิ้นใหญ่น้ำลายขัง
จมูกโด่งโง้งลงมาดูน่าชัง แผลเปนมีทั้งกายา...”
บังทองเป็นคนที่ชอบเดินทางท่องเที่ยวและสั่งสอนลูกศิษย์ลูกหา แต่ต่อมาจิวยี่กับโลซกแห่งง่อก๊กได้ชักชวนบังทองเข้ารับราชการกับซุนกวน แต่เมื่อซุนกวนเห็นรูปร่างหน้าตาของบังทองก็ไม่ได้เลื่อมใส และค่อนข้างจะดูถูกเสียด้วยซ้ำ ดังนั้นเมื่อโลซกเสนอที่จะให้บังทองมาดำรงตำแหน่งสมุหกลาโหมแทนตน ซุนกวนจึงไม่เห็นด้วย โลซกเกรงว่าบังทองจะไปอยู่กับโจโฉ จึงมีจดหมายแนะนำตัวบังทองให้ไปอยู่กับเล่าปี่ที่เป็นพันธมิตร ซึ่งก่อนหน้านี้ขงเบ้งก็เคยแนะนำให้เล่าปี่เชื้อเชิญบังทองมาอยู่ด้วยอยู่แล้ว แต่นั่นแหละครับ พอเล่าปี่เห็นบังทองก็เกิดอาการเดียวกับซุนกวน แต่เล่าปี่เป็นคนที่สุภาพ จึงไม่ได้ออกอาการอะไรมากนัก แต่ก็ตั้งให้บังทองเป็นเพียงนายอำเภอในอำเภอเล็กๆ บังทองก็เอาแต่กินเหล้าเมามายไม่เอาใจใส่ในหน้าที่การงาน จนเตียวหุยไปตรวจราชการจึงสั่งลงโทษบังทอง แต่บังทองแสดงความสามารถด้วยการใช้เวลาเพียงไม่นานสะสางงานที่คั่งค้างให้เสร็จสิ้นลงได้ จนเตียวหุยชื่นชมและพาบังทองไปพบเล่าปี่อีกครั้ง ซึ่งในครั้งนี้ขงเบ้งก็ได้ช่วยพูดจนเล่าปี่ยินยอมให้บังทองรับราชการอยู่ใกล้ชิด กินตำแหน่งที่ปรึกษาใหญ่คู่กับขงเบ้ง
จากกรณีของบังทอง จะเห็นว่าปัญหาของบังทองก็คือรูปร่างหน้าตาอันอัปลักษณ์ที่ทำให้คนทั่วไปมองข้ามความสามารถที่เขามีอยู่ไปอย่างน่าเสียดาย ทั้งนี้เป็นเพราะคนเรามักจะมองคนอื่นด้วยรูปลักษณ์ภายนอก อะไรมิอะไรก็ขอให้หล่อขอให้สวยไว้ก่อน เรื่องสติปัญญาไม่ต้องไปพูดถึง
บ้านเมืองใด ที่ผู้คนในบ้านนั้นเมืองนั้นเอาความสวยความหล่อเป็นเกณฑ์ในการส่งคนลงสมัครรับเลือกตั้ง และคนที่ลงคะแนนก็ลงเพราะเห็นแก่ความหล่อความสวย มิใช่เพราะความรู้ความสามารถ ความดี หรือวิสัยทัศน์ ก็นับเป็นเรื่องที่น่าวังเวงอย่างมากทีเดียวแหละครับ เพราะมีโอกาสที่จะเจอคนประเภทที่ “ข้างนอกสุกใส ข้างในเป็นโพรง” ได้ง่ายๆ