
ปปช.สั่งไม่ฟ้อง'แม้ว'คดีจัดซื้อซีทีเอ็กซ์
ปปช. สั่งไม่ฟ้อง 'ทักษิณ' พร้อมพวก คดีทุจริตจัดซื้อ CTX 9000 เหตุพยานหลักฐานอ่อน ไม่เพียงพอต่อการเอาผิดผู้เกี่ยวข้องได้
28 ส.ค.55 นายวิชัย วิวิตเสวี คณะกรรมการ ปปช. ในฐานะประธานอนุกรรมการไต่สวนคดีการจัดซื้อและติดตั้งเครื่องตรวจจับระเบิด (ซีทีเอ็กซ์ 9000) และการก่อสร้างระบบสายพานลำเลียงกระเป๋าในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ แถลงว่า กรณีการจัดซื้อและติดตั้งเครื่องซีทีเอ็กซ์ฯ นั้น คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ได้ตั้งข้อหามา 2 ข้อหา คือ 1.บริษัทท่าอากาศยานสากลกรุงเทพแห่งใหม่ (บทม.) ว่าจ้างบริษัทกิจการร่วมค้าไอทีโอ จัดหาระบบสายพานฯ ไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ 2.บทม.ออกหน้าเป็นตัวแทนบริษัทนายหน้าจัดซื้อเครื่องตรวจสอบซีทีเอ็กซ์เสียเอง หรือไม่ ทั้งนี้ในการพิจารณาคดีดังกล่าวนอกจากสำนวนของ คตส. จำนวน 560 แผ่น และเอกสารอื่นๆ คณะกรรมการ ปปช.เห็นว่ายังไม่เพียงพอ เพื่อเป็นการอำนวยความยุติธรรมจึงได้ขอความร่วมมือกับทางกระทรวงยุติธรรม สหรัฐอเมริกา
โดยทางสำนักงานสอบสวนกลางแห่งสหรัฐอเมริกา (เอฟบีไอ) ได้ส่งเอกสารเพิ่มจำนวน 5,000 แผ่นมาให้ ปปช.ตรวจสอบ แต่คณะกรรมการปปช.เห็นว่าขาดหลักฐานที่จะนำไปสู่การกระทำผิดโดยปราศจากข้อสงสัย จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ไม่ฟ้องผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมด เช่น พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีต รมช.คมนาคม และผู้บริหาร บทม. ที่เกี่ยวข้องเป็นต้น เนื่องจากเห็นว่ามีหลักฐานไม่เพียงพอที่จะพิสูจน์ให้ศาลเห็นว่าผู้ถูกกล่าวหากระทำผิดได้ ซึ่งในการพิจารณาครั้งนี้ไม่มีนายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการ ปปช. ซึ่งเป็นอดีต คตส. ร่วมพิจารณาด้วย
นายวิชัย กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามคณะกรรมการ ปปช.เห็นว่าเอกสารข้อมูลบางอย่าง มีมูลความผิดบางอย่างที่ คตส. ไม่ได้ไต่สวนไว้ คือ กรณีเจ้าหน้าที่รัฐ 6 คน คือ นางศรีสุข จันทรางศุ อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานบทม. พล.อ.สมชัย สมประสงค์ รองประธาน บทม. นายชัยเกษม นิติศิริ อดีตอัยการสูงสุด นายเทิดศักดิ์ เศรษฐมานพ นายศุภเดช พูนพิพัฒน์ พล.อ.อ.ณรงค์ศักดิ์ สังขะพงศ์ เป็นกรรมการ บทม. ซึ่งเป็นกรรมการของ บทม. ได้เดินทางไปดูงานที่นครซานฟานซิสโก สหรัฐอเมริกา โดยมีหลักฐานเป็นใบเสร็จแสดงค่าใช้จ่าย ว่าบริษัทตัวแทนขายเครื่องซีทีเอ็กซ์จ่ายค่าเครื่องบิน ที่พัก ค่าเล่นกอล์ฟ และยังพบว่าบางคนพาภรรยาและครอบครัวไปด้วย ซึ่งในกรณีนี้ถือว่าเข้าความผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 149 กรณีเจ้าหน้าที่รัฐเรียกรับผลประโยชน์