ข่าว

งด!ด่านกลางวันสั่งตั้งกลางคืนแทน

งด!ด่านกลางวันสั่งตั้งกลางคืนแทน

17 ส.ค. 2555

รอง ผบช.น. ลงนามคำสั่ง งดการตั้งด่านกวดขันวินัยจราจรในเวลากลางวัน สั่งตั้งด่าน "จราจร" กลางคืน แทน เน้นเมาแล้วขับ ขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  เมื่อวันที่ 17 ส.ค. 55  พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) รับผิดชอบงานด้านการจราจร ชี้แจงการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรในการตั้งด่านกวดขันวินัยจราจร ว่า ได้ลงนามคำสั่งกองบัญชาการตำรวจนครบาล งดการตั้งด่านกวดขันวินัยจราจรในเวลากลางวัน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยให้ตั้งด่านกวดขันวินัยจราจร หลังจากเวลา 21.00 น.ไปแล้ว แต่หากเวลากลางวันฝ่ายป้องกันปราบปรามขอกำลังตำรวจจราจรเข้าไปสนับสนุนในการตั้งด่านป้องกันอาชญากรรมก็สามารถเข้าร่วมได้ 

          รอง ผบช.น.กล่าวต่อว่า ในส่วนของการตั้งด่านกวดขันวินัยจราจรนั้นมีข้อปฏิบัติว่า ในถนนเส้นเดียวกันจะต้องไม่มีการตั้งด่านที่ซ้ำซ้อน ไม่ว่าจะเป็นกองบังคับการเดียวกันหรือต่าง บก.ก็ตาม โดยให้ผู้ปฏิบัติประสานงานกันโดยตรง โดยด่านกวดขันวินัยจราจรในเวลากลางคืนนั้น จะเน้นข้อหาเมาแล้วขับ ข้อหาขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด ข้อหาแข่งรถในทางสาธารณะ และ 12 ข้อหาหลัก และในระหว่างการตั้งด่านหากเกิดปัญหาการจราจรติดขัดให้หยุดการตรวจค้นและเร่งระบายรถโดยด่วน ส่วนกรณีบนทางด่วนนั้นเน้นการจับกุมความเร็ว แต่ต้องมีการติดตั้งป้ายประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบว่ามีการใช้เครื่องตรวจจับรถที่ขับเร็วเกินกฎหมายกำหนด 

          กรณีความผิดนอกเหนือจาก 12 ข้อหาหลัก รวมถึงกรณีรถป้ายแดง และรถที่ไม่ได้ติดป้ายทะเบียน ทางกรมการขนส่งได้ทำหนังสือชี้แจงถึง บช.น.แล้ว ขอความร่วมมือในการผ่อนผันโดยมีคำสั่งให้ทุก สน.ใช้มาตรการว่ากล่าวตักเตือนแทนการจับกุมเท่านั้น ทั้งนี้ในการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร ไม่ว่าจะเป็นระดับ บก.และ สน.ก็ดี ผู้บังคับบัญชาจะต้องควบคุมการปฏิบัติในการตั้งด่านกวดขันวินัยจราจรเพื่อไม่ให้มีการทุจริตหรือมีการเรียกรับผลประโยชน์โดยเด็ดขาด

          รอง ผบช.น. ชี้แจงนโยบายให้ตำรวจจราจรติดกล้องกระดุมหรือกล้องปากกาเพื่อบันทึกภาพเหตุการณ์ กรณีผู้ขับขี่โต้แย้งการกระทำความผิด ส่งผลให้สภาทนายความออกมาแสดงความเห็นว่าอาจเข้าข่ายละเมิดสิทธิ ว่า ขอขอบคุณทุกท่านที่เป็นห่วง แต่กรณีใช้กล้องดังกล่าวเป็นเพียงแนวคิด ส่วนขั้นตอนการปฏิบัติยังไม่ถึงขั้นใช้งานจริง กรณีที่ว่าอาจละเมิดสิทธิประชาชนเชื่อว่า เป็นการได้ข้อมูลผิดๆ เนื่องจากการใช้กล้องนั้นใช้เพื่อควบคุมการทำงานของตำรวจและผลดีก็มีมากมาย โดยจะให้เฉพาะหัวหน้าผู้ควบคุมการปฏิบัติเป็นผู้ติดกล้องเท่านั้น ที่สำคัญใช้ในการป้องกันกรณีพวกที่ชอบอวดเบ่งกับตำรวจด้วย ประชาชนทั่วไปไม่ต้องกลัว 

          "เชื่อว่าการมีกล้องจะควบคุมการทำงานของตำรวจจราจรให้เป็นไปอย่างมี ประสิทธิภาพ และผู้บังคับบัญชาก็จะทำงานอยู่ในกรอบไม่ออกนอกลู่นอกทาง ที่สำคัญการมีกล้องทำให้ระมัดระวังตัวไม่ให้ทำผิดกฎหมาย เชื่อว่าประชาชนจะเคารพกฎหมายมากขึ้นเมื่อนำกล้องมาใช้"

          ความจริงแล้วกล้องตรวจจับวินัยจราจรมีการดำเนินการอยู่แล้ว และมีในหลายจุดส่วนใหญ่เป็นกล้องวีดิโอ ทุก สน.จะมี สน.ละ 1 ชุดเพื่อให้ผู้บังคับบัญชาสามารถตรวจสอบการทำงานของลูกน้องได้ว่าพฤติกรรมของตำรวจแต่ละคนขณะปฏิบัติหน้าที่มีพฤติกรรมล่อแหลมหรือไม่ หรือประพฤติตัวอยู่ในรูปแบบในกรอบหรือเปล่า แต่ผลของการใช้กล้องกระดุมอาจมีการถ่ายพฤติการณ์ของผู้กระทำความผิดในบางกรณีที่อาจมีคดีความเกิดขึ้นในอนาคตเท่านั้น 

          ส่วนกรณีหลายฝ่ายวิพากษ์วิจารรณ์ว่าเป็นการละเมิดสิทธิเป็นความผิดส่วนบุคคลนั้น เป็นเรื่องที่ต้องกวดขันดูแลกันหากพบว่า ตำรวจนายใดนำกล้องไปใช้ในทางที่ผิดก็ต้องถูกดำเนินการที่จะเอาข้อแม้เล็กๆ น้อยๆ ในการใช้กล้องของตำรวจจราจรมาพูดเรื่องสิทธิมนุษยชน ต่อจากนี้ไปตำรวจก็คงจะทำงานอะไรกันไม่ได้เลย