
เทพไทยันปชป.ไม่เปลี่ยนม้ากลางศึก
"เทพไท" ยันปชป.ไม่เปลี่ยน"ม้ากลางศึก" มาร์ค ยังนั่งเก้าอี้ หน.จนครบวาระ ยก เป็นนักการเมืองคุณภาพ เย้ย พท.กลับไปหาหน.พรรคตัวจริงมาเทียบเคียง "มาร์ค" เสียก่อน เย้ย "พท."ปอดแหก ตั้ง 3 ทีมองค์รักษ์พิทักษ์ "ปู" สู้ศึก งบ 56 เหน็บ ไหนบอก "ปู.ชั่วโมงบินสูง
วันที่ 11 ส.ค.55 นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่สมาชิกพรรคเพื่อไทยออกมาระบุถึงข่าวการเปลี่ยนแปลงหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์โดยเห็นว่า เป็นการเสียมารยาททางการเมืองอย่างร้ายแรงที่มีการปล่อยข่าวโคมลอยอย่างต่อเนื่องทั้งๆ ที่ไม่มูลความจริง ตนขอยืนยันว่า พรรคประชาธิปัตย์ยังมีความเป็นเอกภาพ ไม่มีความแตกแยกเกิดขึ้น และอยากให้พรรคเพื่อไทยกลับไปดูภายในพรรคว่ามีกี่ก๊ก กี่เหล่า กี่มุ้ง กี่แกงค์ กี่ก๊วนทางการเมือง และสามารถสรรหาหัวหน้าพรรคตัวจริงได้หรือยัง ดังนั้นก่อนที่จะวิพากษ์วิจารณ์พรรคการเมืองอื่น ควรกลับไปกวาดบ้านตัวเองเสียก่อนจะดีกว่า
“แม้ว่าจะมีขบวนการเสี้ยมจากพรรคเพื่อไทยมา ก็ไม่สามารถสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นภายในพรรคประชาธิปัตย์ได้ เพราะพรรคประชาธิปัตย์มีภูมิคุ้มกันทางการเมืองภายในพรรคอย่างแข็งแรง เป็นพรรคการเมืองที่มีวัฒนธรรมองค์กร มีแบบแผนและกติกาอย่างชัดเจน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นหัวหน้าพรรคมาได้ แค่ 1 ปี ก็ยังคงดำรงตำแหน่งอีก 3 ปี จนครบวาระ จึงไม่มีเหตุผลใดที่จะเปลี่ยนแปลงหัวหน้าพรรคในขณะนี้ ถือว่าเป็นการเปลี่ยนม้ากลางศึก ยืนยันว่านายอภิสิทธิ์ ยังเป็นผู้นำพรรคที่เข้มแข็ง เป็นที่ยอมรับของประชาชน และเป็นนักการเมืองที่มีความเพียบพร้อมในทุกๆ ด้านคนหนึ่งในยุคนี้ จึงอยากให้พรรคเพื่อไทยหาคนที่เป็นผู้นำพรรคขึ้นมาเทียบเคียงกับนายอภิสิทธิ์ให้ได้เสียก่อน”นายเทพไท กล่าว
นายเทพไท กล่าวว่า ส่วนการที่พรรคเพื่อไทยพยายามปล่อยข่าวโดยยกชื่อนายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ประธานวิปฝ่ายค้าน ขึ้นมาเป็นผู้นำพรรคนั้นนายเทพไท ชี้แจงว่า บุคคลทั้ง 2 เป็นบุคลากรที่มีคุณภาพของพรรค และยังมีอีกหลายคนที่พร้อมจะนำพรรคได้ในอนาคต แต่ไม่ใช่ห้วงเวลาในขณะนี้ เพราะขณะนี้นายอภิสิทธิ์ยังเป็นที่ยอมรับของสมาชิกพรรคทุกคน
"เทพไท”เย้ย พท.ปอดแหก ตั้ง 3 ทีมองค์รักษ์พิทักษ์ “ปู” สู้ศึก งบ 56
นายเทพไท กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยตั้ง 3 ทีมองครักษ์พิทักษ์นายกฯ ในอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2556ว่า เป็นการตีตนไปก่อนไข้ เพราะการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบฯวาระ 2 เป็นการอภิปรายตั้งคำถาม และขอคำชี้แจงจากกรรมาธิการงบฯ เท่านั้นไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเลย ดังนั้นตนจึงไม่เข้าใจว่าจะมีการตั้งองครักษ์ขึ้นมา 3 ทีมทำไม เพราะเป็นที่รู้กันอยู่ว่านายกฯ ไม่สนใจและให้ความสำคัญกับงานด้านนิติบัญญัติ ทั้งนี้เชื่อว่าการประชุมเพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบฯวาระ 2 และ 3 นั้น ตนเชื่อว่านายกฯคงจะไม่มารับฟังการอภิปรายของดังเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา หากนายกฯในฐานะผู้นำรัฐบาลมีความเก่งกล้าสามารถตามที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯชื่นชมอีกทั้งลิ่วล้อเชียร์ ว่า มีพัฒนาทางการเมืองดีขึ้นจนหาตัวจับได้ยาก ก็ไม่จำเป็นต้องตั้งองครักษ์ขึ้นมาให้รกสภาฯ และทำลายบรรยากาศการประชุม อย่างไรก็ตามในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ก็จะอภิปรายในขอบเขตตามข้อบังคับที่สงวนคำแปรญัตติไว้ และรู้จักหน้าที่ดีพอว่า การอภิปรายร่างพ.รบ.งบฯ ในวาระ 2 และ 3 ไม่ใช่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะฉะนั้นพรรคเพื่อไทยอย่าเป็นกระต่ายตื่นตูม หรือแสดงออกซึ่งความเป็นคนขี้ขลาดตาขาวให้สังคมได้รับรู้