
'ปู'ดูแนวกั้นน้ำ'นวนคร'เชื่อเอาอยู่
"ยิ่งลักษณ์" ชมการทดสอบกำแพงกั้นน้ำ "นวนคร" เชื่อเอาอยู่ ชาวปทุมธานีนอกแนวคันกั้นน้ำเดือดร้อนหนัก เหตุสร้างแนวกำแพงติดกับบ้านชาวบ้านนับ 100 หลังคาเรือน ม็อบน้ำท่วม"อยุธยา"บุกมหาดไทยหลังเยียวยาไม่เป็นธรรม
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 10 ส.ค. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เยี่ยมชมการทดสอบประสิทธิภาพกำแพงป้องกันน้ำถาวรที่เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมนวนคร จ.ปทุมธานี ทั้งนี้โครงการก่อสร้างกำแพงป้องกันน้ำถาวรดังกล่าวมีความ 20.6 กิโลเมตร ฝังแผ่นคอนกรีตชนิด พิเศษลงไปใต้ดิน 9 เมตร โดยแผ่นคอนกรีตและคานฝาจะอยู่เหนือผิวคันดิน 1.5 เมตร ซึ่งจะสามารถป้องกัน ทั้งน้ำซึมลอด ผ่านและน้ำท่วมจากผิวดิน รวมความสูงของกำแพงจากผิวดิน 5.5.เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวภายหลังกดดริ่งเปิดการทดสอบกำแพงป้องกันน้ำถาวรจากการใช้เรือผลักดันน้ำของกรมอู่ทหารเรือสร้าง แรงดันน้ำว่า ตนสบายใจและมั่นใจจากการทดสอบประสิทธิภาพกำแพงป้องกันน้ำถาวรของเขตส่งเสริม อุตสาหกรรมนวนคร โดยเฉพาะจากเหตุการณ์น้ำท่วมที่ผ่านมาเราได้รับความมือร่วมใจเป็นอย่างดี แต่ปีนี้มีการเตรียมพร้อมอย่างดีและด้วย ความแข็งขันของผู้บริหารในการป้องกันน้ำอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตามรัฐบาลได้ดำเนินการตามแผนการป้องกันน้ำทั้งต้นน้ำ กลาง น้ำ และปลายน้ำ เชื่อว่าจะสามรถรองรับสถานการณ์น้ำในปีนี้ได้
ชงครม.ปรับลดคุณสมบัติผู้รับเหมาโครงการจัดการน้ำ
ที่สำนักงานนโยบายและบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ(สบอช.)ได้มีการประชุมคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกกรอบแนวคิด เพื่อออกแบบก่อสร้างระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนและระบบแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศ เป็นนัดแรก เพื่อวางเกณฑ์คัดเลือกบริษัทเอกชนเข้ามาดำเนินโครงการแก้ไขปัญหาอุทกภัยตามกรอบวงเงินกู้ 3.5 แสนล้านบาท โดยมีนายปลอดประสพ สุรัสวดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นประธานการประชุม
นายสุพจน์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะรักษาการเลขานุการสบอช. เปิดเผยผลการประชุมว่า ที่มีประชุมมีมติเห็นชอบแต่งตั้งเลขานุการ และผู้ช่วยเลขานุการ ของคณะกรรมการชุดใหญ่จากเดิมมี 17 คนเป็น 21 คน รวมทั้งยังเห็นชอบแต่งตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมา 3 ชุด
"สัปดาห์หน้าคณะอนุกรรมการพิจารณาคุณสมบัติฯที่ผมเป็นประธานจะมีหนังสือส่งไปให้เอกชนทุกรายว่าจะต้องยื่นเอกสารกี่ชุด และต้องเป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษเท่านั้น ถ้าเป็นภาษาจีนหรือญี่ปุ่นก็ต้องแปลมาเพราะเราอ่านไม่ออก เนื่องจากเหลืออีก 14 วันที่เราต้องยื่นภายในวันที่ 24 สิงหาคม ให้ส่งมา 31 ชุด และวันที่ 24 ก.ย.จะประกาศว่าผ่านคุณสมบัติกี่ราย โดยคณะอนุฯของผมจะเคาะทันทีว่าผ่านหรือไม่ผ่านแล้วมาส่งคณะกรรมการชุดใหญ่ แล้วจากนั้นจะทำหนังสือถึงบริษัทให้ทราบว่าผ่านการคัดเลือก”นายสุพจน์ กล่าว
นายสุพจน์ กล่าวอีกว่า หลังจากนั้นเอกชนที่ผ่านการคัดเลือกจะมีเวลา 90 วันในการส่งร่างเอกสารเสนอกรอบแนวคิดและเอกสารตัวจริงเข้ามาภายในวันที่ 28 ธันวาคม และต่อจากนั้นจะมีการส่งต่อให้คณะอนุกรรมการฯอีก 2 ชุดไปพิจารณา เป็นเพียงความเห็น ไม่ได้เป็นการให้คะแนน โดยจะพิจารณาว่าบริษัทใดมีข้อดีข้อเสียอย่างไรเพราะอะไร ไม่มีสิทธิ์ให้คะแนน เพื่อนำเสนอคณะกรรมการชุดใหญ่เพื่อให้คะแนนคัดเลือก แล้วจะประกาศในวันที่ 31 ม.ค. 2556
นายสุพจน์ กล่าวว่าสำหรับเกณฑ์การให้คะแนนนั้นเป็นการรวบรวมจากที่นายปลอดประสพได้แจ้งต่อเอกชนทุกรายในการประชุมชี้แจงซึ่งจะพิจารณา8 ข้อเป็นหลักนั้น ปรากฏว่าคณะกรรมการฯได้สรุปเหลือ 4 ข้อ คือ 1.แนวคิดวิธีการดำเนินการและเทคนิค ซึ่งเป็นงานวิชาการทั้งหมด 35% 2.กรอบวงเงินและระยะเวลาที่เสนอ 35% 3.ประสบการณ์ของบริษัทหรือกลุ่มบริษัท 20% และ4.ข้อเสนออื่นๆหรือเอ็กซ์ตรา 10% อาทิ ถ้าสามารถทำคันกันน้ำทะเล เรื่องการจัดการภัยแล้ง หรือแล้วแต่อยากจะนำเสนออะไรที่เป็นประโยชน์กับประเทศไทย รวมแล้วทั้ง 4 ข้อ คิดเป็นคะแนน 100% โดยเกณฑ์ดังกล่าวจะเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ในวันอังคารที่ 14 สิงหาคมเพื่อรับทราบเกณฑ์นี้
“ยืนยันว่างานนี้ไม่ใช่เทิร์นคีย์ เพราะทุกท่านก็ทราบว่าเทิร์นคีย์เหมือนอาแปะคนนึงมีความรู้แต่ไม่มีตังค์ เอาเงินไปสร้างตึกแล้วมาส่งมอบเขาเรียกว่าเทิร์นคีย์ แต่อันนี้ไม่ใช่ อันนี้มันงานระดับยากจะตาย ขืนเทิร์นคีย์มันเอาอะไรมาส่งก็ไม่รู้ ตาย พอดี ดังนั้นอย่างที่บอกว่าขั้นแรกต้องมีกรอบแนวคิด จากนั้นจะมาออกแบบเพื่อพิจารณาว่าใครเสนอดีที่สุด คือการดีไซน์บิวท์ คือออกแบบไปสร้างไป โดยต้องส่งแบบมาล่วงหน้าหนึ่งเดือนเพราะจะมีการจัดจ้างกลุ่มบริษัทที่ปรึกษาขึ้นมา 2 กลุ่ม กลุ่มแรกเป็นโปรเจคแมเนจเมนท์ทีม และเอ็นจิเนียริงซุปเปอร์วิชั่น เพื่อคุมการก่อสร้างอีกชั้น”นายสุพจน์ กล่าว
ชาวปทุมธานีนอกแนวคันกั้นน้ำเดือดร้อนหนัก
ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบความคืบหน้าในการก่อสร้างแนวคันกั้นน้ำตามแนวคันคลองรังสิตประยูรศักดิ์ บริเวณด้านหลังหมู่บ้านเมืองเอก ในพื้นที่ ต.หลักหก อ.เมือง จ.ปทุมธานี ซึ่งโครงการดังกล่าวนี้เป็นโครงการของกรมชลประทาน ที่จะใช้เป็นแนวป้องกันน้ำท่วมในฤดูน้ำหลาก ซึ่งจากการตรวจสอบการดำเนินการก่อสร้างพบว่ารุดคืบหน้าไปมาก โดยมีการระดมคนงานและเครื่องจักรกลขนาดใหญ่ลงมาทำงานโดยไม่มีวันหยุด
นายสรายุทธ ที่พิมาย โฟร์แมนหน้างาน บริษัท นวรัตน์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัท นวรัตน์ จำกัด นั้น ได้รับช่วงงานตั้งแต่ประตูระบายน้ำจุฬาลงกรณ์ เลียบแนวคลองรังสิตเรื่อยมาจนถึงคลองประปา ระยะทางประมาณ 5 กม. โดยการทำงานในขณะนี้เราทำงานทุกวัน ไม่มีวันหยุดเพื่อเร่งตอกเสาเข็มซึ่งเป็นโครงสร้างหลักให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 31 สิงหาคมนี้ และโครงการทั้งหมดจะเสร็จสิ้นในวันที่ 5 ธันวาคมนี้ ซึ่งเมื่อโครงการแล้วเสร็จหมดแล้วตัวแนวคันจะสูงประมาณ 2 เมตร และจะสามารถป้องกันน้ำท่วมได้อย่างถาวร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการลงพื้นที่ดูการก่อสร้างคันกันน้ำในครั้งนี้พบว่า บางช่วงตัวของคันกันน้ำจะอยู่เลียบตรงข้ามฝั่งถนนเลียบคลองรังสิต และบางช่วงก็จะอยู่ติดถนนฝั่งริมคลอง ซึ่งมีบ้านเรือนประชาชนอยู่อย่างหนาแน่นตลอดแนว ทำให้แนวเขื่อนที่ก่อสร้างนั้นติดกับบ้านของประชาชน ทำให้ประชาชนจำนวนมากต่างหวั่นเกรงว่า หลังการก่อสร้างแล้วเสร็จแล้วนอกจะทำให้บ้านเรือนของตนเองอยู่นอกแนวเขื่อนแล้ว ยังจะทำให้การเข้าออกบ้านหรือการดำเนินชีวิตประจำวันจะได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก
นายพงษ์ศักดิ์ บุตรธรรม อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 59/2 ม.4 ต.หลักหก อ.เมือง จ.ปทุมธานี อาชีพขับรถแท็กซี่ ซึ่งปลูกบ้านอยู่ริมคลองรังสิตประยูรศักดิ์ กล่าวว่า โครงการก่อสร้างแนวคันกั้นน้ำนั้น ตัวกำแพงอยู่ฝั่งถนนด้านหลังหมู่บ้านเมืองเอก ซึ่งไม่ได้อยู่ฝั่งติดริมคลองหน้าบ้านของตัวเอง จึงทำให้การเข้าออกบ้านของตนไม่ได้รับผลกระทบ แต่ในช่วงหน้าน้ำท่วม อาจจะได้รับผลกระทบเพราะบ้านเราอยู่ริมคลองและอยู่นอกแนวคันกั้นน้ำ แต่เราก็ต้องยอมรับสภาพเพราะบ้านเรานั้นปลูกอยู่ในที่ของหลวงและถูกน้ำท่วมมาตลอดแทบทุกปี
ด้านนางไพรัตน์ ปากคีบทอง อายุ 58 ปี ชาวบ้านริมคลองรังสิต กล่าวว่า โครงการทำคันกันน้ำในช่วงนี้แนวคันกั้นน้ำมีการก่อสร้างติดกับหน้าบ้านของตน ซึ่งในขณะนี้การก่อสร้างยังไม่เสร็จ เรายังมีทางเข้าออกได้ แต่ถ้าสร้างเสร็จแล้วแนวกำแพงจะสูงประมาณ 2 เมตร ซึ่งจะปิดบังหน้าบ้านและทางเข้าออกทั้งหมด ซึ่งมีบ้านชาวบ้านนับ100หลังคาเรือน ที่เจอสภาพแบบนี้ ซึ่งก็มีการรวมตัวกันทำหนังสือถึงผู้เกี่ยวข้อง ก็ได้รับการชี้แจงว่าจะมีการเว้นทางเข้าออกให้ทุกบ้าน แต่จากการดูการก่อสร้างแล้ว ก็ยังไม่รู้ว่าเขาจะเว้นทางเข้าออกให้เราจริงหรือไม่ ถ้าไม่มีทางเข้าออกพวกชาวบ้านแถวนี้คงเดือดร้อนกันเป็นอย่างมาก
ม็อบน้ำท่วม"อยุธยา"บุกมหาดไทยหลังเยียวยาไม่เป็นธรรม
เมื่อเวลา 11.30 น. นางณัฏฐ์สรวง สุคนธาภิรมย์ ประธานศูนย์ช่วยเหลือประชาชน พร้อมด้วยชาวบ้านจ.พระนครศรีอยุธยา จำนวนประมาณ 200 คนจากอำเภอภาชี บางไทร บางบาล อุทัย และเสนา ได้ชุมนุมที่หน้ากระทรวงมหาดไทย และยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมในการจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยเมื่อปี 2554 ต่อนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย โดย ระบุว่า การสำรวจความเสียหายจากอุทกภัย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) บางแห่งไม่ได้ลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย แต่ใช้วิธีประเมินเอาเอง ข้อมูลที่ได้จึงไม่ตรงกับความจริง การจ่ายเงินเยียวยาไม่มีความยุติธรรม หากเป็นญาติพี่น้อง พรรคพวกของเจ้าหน้าที่รัฐ จะได้รับการช่วยเหลือเงินจำนวนมากทั้งที่อยู่ใกล้เคียงกัน ซึ่งลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้นหลายพื้นที่ของอยุธยา และเมื่อร้องขอความเป็นธรรม ตั้งแต่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด อำเภอ อปท. ก็ไม่ได้รับการตอบสนอง จึงขอให้ รมว.มหาดไทย ตั้งคณะกรรมการสอบสวนร่วมกับภาคประชาชน และเมื่อพบความผิดของเจ้าหน้าที่รัฐ ขอให้สั่งการลงโทษอย่างเด็ดขาด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นตัวแทนชาวบ้านจำนวน 6 คนเข้าไปร่วมกับหารือกับนายประชา เตรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย และนายยศวริศ ชูกล่อม ผู้ช่วยเลขานุการรมว.มหาดไทย ถึงข้อร้องเรียนดังกล่าว ซึ่งในระหว่างการหารือ นายประชา ได้ต่อสายโทรศัพท์ถึงนายวิทยา ผิวผ่อง ผวจ.พระนครศรีอยุธยา และระบุว่า ให้นายวิทยา และนายอำเภอในท้องที่ ไปร่วมหารือกับชาวบ้านกลุ่มนี้ แล้วทำประชาคมกันว่าจะเพิ่มเงินเยียวยาได้อีกเท่าไหร่ และจ่ายอย่างเท่าเทียมกัน แต่จะให้เฉพาะชาวบ้านที่ได้ทำเรื่องอุทธรณ์ไว้ ส่วนหลักฐานที่แสดงว่าบ้านถูกน้ำท่วมก็ไม่ต้องไปเรียกเอาจากชาวบ้าน เนื่องจากเลยช่วงนั้นมานานแล้ว คงจะหามายืนยันได้ยาก
"ธาริต"เมิน"ปชป."ร้องผู้ตรวจฯเสนอบอร์ดคดีพิเศษรับคดีเงินบริจาคช่วยน้ำท่วม
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมดีเอสไอ กล่าวถึงกรณีพรรคประชาธิปัตย์ยื่นเรื่องให้ผู้ตรวจการแผ่นดินตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่มิชอบของดีเอสไอกรณีตรวจสอข้อเท็จจริงการบริจาคเงินช่วยเหลือน้ำท่วมเข้าบัญชีพรรคประชาธิปัตย์ว่า เป็นสิทธิที่พรรคประชาธิปัตย์จะทำได้ โดยตนไม่ขโต้แย้งส่วนผลสรุปจเนอย่างไรขึ้นอยู่กับการพิจารณาของผู้ตรวจการแนดินและศาลปกครอง ส่วนดีเอสไอการตรวจสอข้อเท็จริงเบื้อง้นเสร็จสิ้นแล้ว หลังจากนี้จำเข้าสู่การประชุมของคณะกรรมการคดีพิเศษ(กคพ.) เพื่อให้พิจารณาว่าจะรับไว้เป็นคดีพิเศษหรือไม่