ข่าว

'ราชินี'ทรงห่วงชาวใต้พระสึกมาก

'ราชินี'ทรงห่วงชาวใต้พระสึกมาก

08 ส.ค. 2555

รองสมุหราชองครักษ์ เปิดเผย "พระราชินี" ทรงห่วงชาวใต้แนะสร้างฟาร์มตัวอย่างและธนาคารอาหาร รวมถึงพระสงฆ์ที่จำพรรษาพบสึกมาก ชาวพุทธขาดขวัญกำลังใจ กองทัพสนองพระราชเสาวนีย์ขอความร่วมมือไปยังพระสงฆ์ภาคอีสานและกลางเตรียมประชุมผู้นำนานาชาติเพื่อสันติภาพ

               8ส.ค.2555 พล.อ.ณพล บุญทับ รองสมุหราชองครักษ์  เปิดเผยว่า สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงห่วงใยประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม และภัยพิบัติต่างๆ จึงได้มีพระราชเสาวนีย์ในการสร้างฟาร์มตัวอย่างทั่วประเทศกว่า 60 แห่ง ส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่ภาคใต้ ทั้งนี้เพื่อให้ประชาชนมีแหล่งอาหารเป็นหลัก โดยเฉพาะที่ภาคใต้ซึ่งกำลังเกิดปัญหา พระองค์ได้แนะนำให้ประชาชนได้รวมตัวสร้างฟาร์มตัวอย่างในพื้นที่ดินสาธารณะ จากนั้นนำผลผลิตเพื่อบริโภคในชุมชนและท้องถิ่น เพื่อตัดปัญหาการเดินทาง ซึ่งรวมถึงการเป็นธนาคารอาหารที่ไม่ต้องไปซื้ออาหารจากตลาดทุกวัน อันเป็นการสุ่มเสี่ยงต่อการถูกซุ่มโจมตีของผู้ก่อความไม่สงบ

               "นอกจากนี้พระองค์ยังทรงห่วงพระสงฆ์ในภาคใต้อย่างมาก เนื่องจากขณะนี้พบว่าพระสงฆ์จำนวนมากได้ลาสิกขาบท และย้ายออกจากบริเวณที่เกิดปัญหาทางภาคใต้ ทำให้ประชาชนที่ยังนับถือพุทธศาสนาไม่มีขวัญกำลังใจ และไม่สามารถประกอบพิธีทางศาสนาได้ ดังนั้น ทางกองทัพได้รับสนองพระราชเสาวนีย์ในการขอความร่วมมือ ถามความสมัครใจไปยังพระสงฆ์ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคกลาง ในการที่จะไปจำวัดในภาคใต้ให้ได้วัดละ 5 รูป ทั้งนี้เพื่อที่จะสามารถประกอบศาสนกิจและพิธีกรรมต่างๆได้ ยังเป็นขวัญกำลังใจแก่คนในพื้นที่ด้วย"  รองสมุหราชองครักษ์ กล่าว

"ดร.สุเมธ"เผย"ในหลวง-ราชินี"ห่วงไฟใต้ตลอด

               เมื่อเวลา 14.00 น. ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา กล่าวถึงกรณีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงห่วงสถานการณ์ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ตอนนี้สถานการณ์ค่อนข้างจะรุนแรง ที่ไหนมีทุกข์ ที่ไหนมีปัญหา พระองค์ท่านก็ทรงห่วงทั้งนั้น ตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุการณ์ไม่สงบจนมาถึงตอนนี้

               ส่วนเรื่องโครงการ เราดำเนินมาโดยต่อเนื่องพระองค์ท่านทรงทำแบบไม่ได้หยุด ซึ่งขณะนี้ทีมมูลนิธิชัยพัฒนาดำเนินการส่วนเดียว โดยมุ่งไปที่ด้านการสร้างอาชีพ เพราะตามโรงเรียนสอนศาสนานั้นมีเวลาว่าง หลังจากเลิกเรียนเยอะมาก โดยผู้หญิงจะเน้นทำอาชีพเย็กปักถักร้อย เช่น การปักผ้าคลุมศีรษะผู้หญิงมุสลิม หรือ ฮิญาบ และจะส่งไปขายที่ประเทศบรูไนและมาเลเซีย รวมถึง การทำขนมสำหรับจำหน่ายตามร้านน้ำชา จากเดิมที่ต้องนำเข้าจากมาเลเซีย ส่วนผู้ชายจะเน้นการฝึกอาชีพในด้านการซ่อมรถจักรยานยนต์ ซึ่งตนเชื่อว่าแนวทางดังกล่าวเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว เช่นเดียวกับแนวทางการให้ความช่วยเหลือของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ในฐานะประธานมูลนิธิชัยพัฒนา ก็ทรงให้การช่วยเหลือเยาวชนในพื้นที่ ด้วยการให้ทุนการศึกษา ซึ่งเป็นรูปแบบใหม่ที่เน้นให้ทุนแบบเป็นทีม โดยมีเงื่อนไขสำคัญว่า เมื่อเรียนจบแล้วต้องกลับมาทำงานในพื้นที่บ้านเกิด

               เมื่อถามว่า ส่วนมากปัญหาที่เกิดขึ้นมียาเสพติดเข้ามาเกี่ยวข้องบ้างหรือไม่ ดร.สุเมธ กล่าว่า ในส่วนนี้ก็เป็นทั้งประเทศโดยมียาเสพติดแทรกไปหมด เพราะสุดท้ายก็วนกลับมาที่เรื่องผลประโยชน์ อยากฝากสื่อพยายามชี้ให้เห็นต่อภัยอันตราย ส่วนแนวทางที่จะช่วยแก้ปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ดีที่สุดนั้น ขอให้ไปถามคนรุ่นหนุ่มดีกว่า เพราะตนแก่แล้วตอบไม่ถูก แต่จะช่วยในส่วนที่ตนรับผิดชอบ เพราะปัญหาสลับซับซ้อนและเกี่ยวข้องกับหลายกระทรวง ทบวง กรม ปัจจัยสำคัญคือ ต้องเข้าไปแก้ไขบูรณาการความคิดและด้านกำลังและแนวทางทั้งหมดให้เป็นหนึ่งเดียว จุดนี้อาจจะพูดง่ายแต่ต้องทำให้ได้ ทั้งนี้ตนยังเชื่อว่า คนในพื้นที่ภาคใต้ส่วนใหญ่ไม่มีเจตนาจะแบ่งแยกพื้นที่และหวังก่อเหตุรุนแรงไปทั่วประเทศตามที่พล.อ.ณพลระบุ สำหรับแนวทางในการแก้ปัญหาของรัฐบาลมาถูกจุดหรือไม่ ตนไม่รู้ว่านโยบายเป็นยังไงเพราะไม่ได้มีเวลาศึกษา ตนทำในแง่การช่วยเหลือประชนเท่านั้น ส่วนเรื่องนโยบายใหญ่ๆเป็นเรื่องของฝ่ายความมั่นคง

 

เตรียมประชุมผู้นำนานาชาติเพื่อสันติภาพ


               ดร. พระมหาหรรษา ธัมมหาโส ผู้ช่วยอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.)  เปิดเผยผ่านทางเฟซบุ๊คนาม "Hansa Dhammahaso" ความว่า วันที่ 8 สิงหาคม 2555 ผู้แทนศาสนาที่เป็นคณะกรรมการดำเนินการสภานานาชาติศาสนานานาชาติ ร่วมประชุม ณ มูลนิธิสหพันธ์สันติภาพสากล หัวหมาก บางกะปิ กรุงเทพฯ เพื่อร่วมปรึกษาหาเกี่ยวกับการจัดงาน "ประชุมผู้นำนานาชาติเพื่อสันติภาพ" ณ จังหวัดสงขลา ในระหว่างวันที่ 15-16 กันยายา 2555  ซึ่งการประชุมในวันที่ 8 ส.ค.นี้ได้มี พลเอกเทอดศักดิ์ มารมย์ ประธานมูลนิธิสหพันธ์สันติภาพสากล เป็นประธานการประชุม โดยมีผู้แทนศาสนาต่างๆ ร่วมประชุม เช่น นายสุเทพ เลาะลาเมาะ ผู้แทนศาสนาอิสลาม นายสถิตย์ กุมาร ปาวา ผู้แทนศาสนาพราหมณ์ นายสุเทพ สุริยาอมฤทธิ์ ผู้แทนศาสนาซิกซ์ และ ศาสนาจารย์นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน ผู้แทนศาสนาคริสต์

               "สำหรับตัวเองแล้ว ในอดีตจนถึงปัจจุบันเผชิญหน้ากับงานและสิ่งท้าทายมาจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม งานท้าทายประการหนึ่งที่ปรารถนา และมุ่งหวังที่จะทำมากว่า 10 ปี คือ "งานด้านสันติภาพ" วิทยานิพนธ์เกี่ยวกับเรื่องสันติภาพ หนังสือเกี่ยวกับสันติภาพ การบรรยายเรื่องสันติภาพ กิจกรรมด้านสันติภาพ ล้วนทำไปหมดแล้ว เหลือเพียง "หลักสูตรสันติศึกษา" (Peace Studies) ที่กำลังผลักให้ผ่านสภาวิชาการ และสภามหาวิทยาลัย เพื่อจะได้เปิดโอกาสให้นักสันติวิธี นักสันติภาพได้เข้ามามีส่วนร่วมในการศึกษา เรียนรู้ แลกเปลี่ยน และทำงานร่วมกัน หากไม่มีสิ่งใดผิดพลาด หวังว่าพวกเราคงได้พบกัน และเรียนในหลักสูตรสันติศึกษา ระดับปริญญาโทในปีการศึกษา 2556" ดร. พระมหาหรรษาระบุ

 

“สุกุมล”สั่งทุกกรมลุยงานวัฒนธรรมดับไฟใต้

               นางสุกุมล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม กล่าวภายหลังการประชุมผู้บริหารระดับสูงกระทรวงวัฒนธรรม(วธ.) ว่า ที่ประชุม ได้มีการหารือถึงประเด็นการมีส่วนร่วมแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3จังหวัดชายแดนภาคใต้ในมิติวัฒนธรรม ตามนโยบาย น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ขณะนี้ สถานการณ์เริ่มบานปลาย และเกิดเหตุความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตนจึงได้สั่งการให้ทุกกรม กลับไปทบทวนโครงการในมิติวัฒนธรรม ที่เคยได้ดำเนินการหรือ อยู่ระหว่างการดำเนินการที่มีประสิทธิภาพ เพื่อนำกลับมาดำเนินการเยียวยาจิตใจผู้ได้รับผลกระทบ รวมถึงสร้างความเชื่อมั่นในการอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุข ซึ่งตนไม่ต้องการให้มองว่า เมื่อเปลี่ยนรัฐบาลชุดใหม่แล้ว โครงการที่ได้ดำเนินการมาในรัฐบาลชุดเก่าจะต้องหยุดชะงักลง

               รมว.วัฒนธรรม กล่าวต่อไปว่า สำหรับโครงการที่ตนเห็นว่า เหมาะสมอย่างยิ่งที่ควรจะเร่งดำเนินการในระหว่างนี้ คือ การให้ความสำคัญเรื่องจะทำอย่างไรให้คนในพื้นที่รักกัน และอยู่ร่วมกัน โดยไม่เกิดความแตกแยก อย่างเช่นโครงการมหกรรมวัฒนธรรมภาคใต้ “รักบ้านเรา” ที่สำนักงานปลัด วธ. ถือว่าเป็นโครงการที่ดี ซึ่งควรขยายไปยังพื้นที่ 3 จังหวัด เพื่อใช้งานศิลปะ และวัฒนธรรม สร้างจิตสำนึกให้ประชาชนรู้สึกหวงแหนศิลปวัฒนธรรมในท้องถิ่น มีความรับผิดชอบ และเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาบ้านเกิด โดยมีศิลปวัฒนธรรมเป็นสะพาน หลอมรวมเชื่อมใจให้เป็นหนึ่งเดียวกันของประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงโครงการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชน เป็นโครงการอนุรักษ์และต่อยอดภูมิปัญญาท้องถิ่นให้แก่คนในพื้นที่เกิดความสมานสามัคคี นอกจากนี้ยังควรขยายโครงการ ค่ายศิลปะเพื่อมวลมนุษยชาติ หรือ Art for all ซึ่งเป็นการใช้งานศิลปะสร้างโอกาสในการเยียวยาจิตใจให้แก่ผู้ด้อยโอกาส ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย เพราะปัญหาที่เกิดขึ้น มีความละเอียดอ่อน ซึ่งจะทำให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบได้รับการฟื้นฟูทั้งทางด้านร่างกาย และจิตใจ

               “นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้เสนอถึงการให้ทุนทรัพย์ แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในการเดินทางไปแสวงบุญฮัจญ์ ณ ประเทศซาอุดิอาระเบีย โดยเบื้องต้นได้เสนอแนวทางการพิจารณาให้โควตา 12 ทุน แบ่งเป็นจังหวัดละ 4 ทุน ซึ่งจะต้องพิจารณาจากผู้ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์และได้รับความเดือดร้อนถึงขั้นไม่มีโอกาสที่จะได้ไปแสวงบุญเป็นหลักก่อน ส่วนหลักเกณฑ์การพิจารณาอื่นๆจะมีการประชุมอย่างเป็นทางการอีกครั้ง” นางสุกุมล กล่าว


ตำรวจยะลาล่อซื้อยาบ้าเจอฮึดสู้ชักปืนยิงพ่อค้ายาเจ็บ

               พ.ต.ท.ไชยยงค์ ชำนาญดี สว.กก.สส.ภ.จ.ยะลา พร้อมด้วย ร.ต.ต.โกศล ปิ่นเพชร หัวหน้าชุดปราบปรามยาเสพติด ร้อย.ตชด.445 นายอุรุพงษ์ ชนะกุล ปลัดป้องกันอำเภอเบตง รับผิดชอบงานยาเสพติด ได้นำกำลัง ตำรวจ ตชด. อส. เข้าทำการล่อซื้อยาบ้า โดยนัดส่งยาบ้าภายในสวนยางพารา บ.บูเก๊ะดาราเซ ต.ยะรม อ.เบตง จ.ยะลา เมื่อถึงเวลานัดหมาย นายสมชาย แซ่เห้อ อายุ 36 ปี ที่อยู่ 41/ช ม.13 ต.เวียง อ.เชียง ขอม จ.เชียงราย และนางมอ แซ่เห้อ อายุ 33 ปี ซึ่งเป็นภรรยาได้นำยาบ้า 10 ถุง จำนวน 2,000 เม็ด ราคา 200,000 บาทมาส่งให้กับสายลับ

               เมื่อสายลับได้ยาแล้วจึงส่งสัญญาณให้ ส.ต.ท.สุทธิรักษ์ สุวรรณมณี เข้าทำการจับกุมแต่นายสมชาย ต่อสู้ขัดขืนไม่ยอมให้จับกุมพร้อมทั้งพยายามใช้มีดแทง ขณะนั้นส.ต.อ.ภูริวัจน์ เพชรสีดำ ซุ่มอยู่ในป่าได้ออกมาพร้อมสั่งให้นายสมชายหยุดพร้อมทั้งยิงปืนขึ้นฟ้า 1 นัด แต่นายสมชายไม่ยอมหยุด ส.ต.อ.ภูริวัจน์ จึงตัดสินใจยิงปืนไปที่มือข้างที่ถือมีด 1 นัดแต่กระสุนไปถูกบริเวณเอวด้านซ้าย ทำให้นายสมชายทิ้งมีด เจ้าหน้าจึงนำตัวนายสมชายส่งโรงพยาบาลเบตงพร้อมทั้งนำตัวนางมอ มาสอบที่กองร้อย ตชด.445

               จากการสอบถามจึงทราบว่ายาบ้าเป็นของนายสุรชัย แซ่เจียง อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 186 ม.9 ต.ดงมาหาวัน อ.เชียงรุ้ง จ.เชียงราย และนางสางนันทิตา แซ่เฮ้อ อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 193 ม.11 ต.เวียง อ.เชียงของ จ.เชียงราย เจ้าหน้าที่จึงวางแผนเข้าทำการจับกุมตัวไว้ได้ และตรวจยึดรถจักรยานยนต์จำนวน 3 คัน เงินสดจำนวน 22,000 บาท สร้อยคอทองคำหนัก 2 สลึงจำนวน 1 เส้น ซึ่งคาดว่าได้มาจากการขายยาเสพติด เจ้าหน้าที่ยังแจ้งข้อหาทั้ง 4 คนว่าร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท1(ยาบ้าหรือเมทแอนเฟตามีน)ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต และกล่าวหานายสมชายว่า พยายามฆ่าเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ พร้อมทั้งนำตัวและของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.ยะรม ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป