ข่าว

'พัลลภ'ปูดโจรใต้ฝึกอาวุธที่อินโดฯ

'พัลลภ'ปูดโจรใต้ฝึกอาวุธที่อินโดฯ

06 ส.ค. 2555

“พัลลภ”กระตุ้นทหารรบ”โจรใต้” แนะรบ.-ทหารเลิกหัวหด จี้ค้นหาแกนนำแล้วทำลายล้าง รับแค้นโจรใต้ฆ่าทหาร เร่งปรับยุทธวิธีสู้ ปูดโจรใต้ฝึกกองกกล.ติดอาวุธจากอินโดฯ ด้านทบ.เผย”ประยุทธ์”เข้าถก”ปู” คุยโครงสร้างศูนย์ดับไฟใต้ ยิงอส.เจาะไอร้องดับอีก1ราย

             6ส.ค.2555  พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และอดีตรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (รอง ผอ.รมน.) เปิดเผยถึงสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ หลังจากเจ้าหน้าที่ตกเป็นเป้าหมายของกลุ่มผู้ก่อเหตุว่า ขณะนี้สถานการณ์ในพื้นที่ถือเป็นสงครามกองโจรแล้ว ตามแบบสากลเมื่อเป็นลักษณะกองโจรก็ต้องสู้ด้วยกองโจร โดยหลักมี 3 ขั้นตอน1.search คือ ค้นหาแกนนำติดอาวุธและแนวร่วมว่าเป็นใคร 2.destroy คือ เมื่อสืบทราบว่าเป็นใครแล้วก็ให้ใช้กำลังทางทหารเข้าทำลาย และดึงแนวร่วมเข้ามาเป็นพวก 3.reconstruction คือ หลังจากนั้นก็เข้าสู่การบูรณาการและปรับแผนเพื่อให้เข้าสู่ภาวะปกติ

               “ตอนนี้สถานการณ์กลับไปเหมือนปี 2520 แม้ว่า ขบวนการจะมีการเปลี่ยนแปลงบุคคลไปบ้าง แต่มันยังเป็นกองโจร เป็นขบวนการแบ่งแยกดินแดน ต่อสู้ในลักษณะกองโจร ผมเห็นภาพทหารนั่งรถจักรยานยนต์ลาดตระเวนหรือรถหุ้มเกราะถูกระเบิดแล้ว รู้สึกอึดอัดและแค้นที่มาทำกับทหารของเรา ผมมองว่าการทำงานของทหารควรปรับยุทธวิธีโดยใช้การลาดตระเวนเดินเท้าเข้าพื้นที่เป้าหมาย หากเจอกับโจรซัดกันเลย อย่างนี้ไม่ผิดตัว ถ้าเราใช้วิธีให้ทหารเดินเท้าเข้าไปภายใน 3 - 4 ปี ต้องเห็นหน้าเห็นหลัง ทหารในพื้นที่มี 4 - 5 หมื่นนายที่ทำงานปกติก็ทำไป แต่มาใช้สำหรับภารกิจนี้บางส่วนก็พอ ในสมัยตนใช้กำลัง 2 - 3 พันนายเท่านั้น ทหารและรัฐบาลอย่าไปกลัว เพราะสถานการณ์มาถึงขนาดนี้แล้ว ผมคันไม้คันมือ ดูคลิปทหารที่โดนจ่อยิงยิงดูก็ยิงแค้น จับใครก็ไม่ได้ เป็นไปได้อย่างไร ถ้าไม่เริ่มทำเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ประชาชนจะตายอีกเป็นหมื่นคน ซึ่งที่ผ่านมสถิติตั้งแต่ปี 2547 มีผู้เสียชีวิตแล้วเป็นหมื่นคนเช่นกัน แม้ว่าขณะนี้นายกฯยังไม่ได้ปรึกษาผมในการแก้ไขปัญหาภาคใต้ แต่ถ้าปรึกษามาก็จะบอกไปอย่างนี้ ในอีกด้านหนึ่งงานด้านการพัฒนาสร้างความเข้าใจกับมวลชนเป็นยุทธศาสตร์ที่เราต้องทำต่อไป แต่ด้านยุทธวิธีเราต้องมีการปรับ ทั้งนี้การข่าวของผมทราบมาว่ากองกำลังติดอาวุธไปฝึกจากประเทศอินโดนีเชีย ใช้เวลาฝึก 8 เดือน เป็นสงครามกองโจรที่ฝึกนอกประเทศ ต้องยอมรับว่ามีบางส่วนที่มาจากนอกประเทศ ” พล.อ.พัลลภ กล่าว

               พล.ต.นักรบ วงษ์บัวทอง รองผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เปิดเผยว่า ในวันที่ 7 ส.ค.นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก จะเดินทางเข้าพบน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อหารือเกี่ยวกับโครงสร้างการจัดการศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาภาคใต้ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน รวมถึงหาข้อสรุปเกี่ยวกับที่ทำการศูนย์ปฏิบัติการ ซึ่งขณะนี้มีตัวเลือกอยู่ 2 สถานที่ คือ ตึกกองบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาเกี่ยวกับสถานที่เพื่อหาสถานที่ที่เหมาะสมที่สุดในการตั้งศูนย์ปฏิบัติการ
 
               พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก(ทบ.) กล่าวถึงสถานการณ์ในพื้นที่ภาคใต้ ว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ทั้งตำรวจ ทหารได้วางมาตรการเพื่อป้องกันเหตุคาร์บอมบ์อย่างเข้มงวดในพื้นที่เซฟตี้โซน รวมถึงการตั้งจุดตรวจโดยมีรูปรถที่หายพร้อมประวัติฐานข้อมูลของรถแจกจ่ายให้ตามจุดตรวจทั้งหมด เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจเช็คว่าทะเบียนรถนั้นถูกต้องหรือไม่ และใครเป็นเจ้าของ ถือเป็นมาตรการหนึ่งที่จะช่วยสกัดกั้นการก่อเหตุคาร์บอมบ์ เนื่องจากผู้ก่อเหตุจะหาโอกาสก่อเหตุเสมอ เพราะพื้นที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีพื้นที่กว้างมาก แต่การรักษาความปลอดภัยในพื้นที่เซฟตี้โซนเจ้าหน้าที่สามารถปฏิบัติงานได้อย่างดี เพราะจะสังเกตได้ว่า เหตุที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาอยู่นอกเซฟตี้โซนทั้งหมด อย่างไรก็ตามพื้นที่นอกเขตเซฟตี้โซนเจ้าหน้าที่ให้ความสำคัญในการรักษาความปลอดภัยเช่นเดิมและยังมีมาตรการคุ้มครอง พระ ครู นักเรียน โรงเรียน วัดและสัญลักษณ์ทางศาสนาต่างๆ นอกจากนี้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.)กำลังเร่งสร้างการมีส่วนร่วมภาคประชาชน ผู้นำศาสนาหรือผู้นำท้องถิ่น โดยได้รับความร่วมมือดีขึ้นเป็นลำดับ ทุกครั้งที่เกิดสถานการณ์ภาคประชาชนหรือกลุ่มผู้นำศาสนาจะแสดงออกให้เห็นว่าเขาไม่ได้เห็นด้วยกับการก่อเหตุรุนแรง และบางท่านยังพูดว่า การกระทำแบบนี้ไม่ใช่การกระทำที่ถูกต้องตามหลักศาสนา

               เมื่อถามว่า กองทัพจะเสนอให้มีการประกาศเคอร์ฟิว ต่อที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาภาคใต้ในวันที่ 8 ส.ค.นี้หรือไม่ พ.อ.วินธัย กล่าวว่า เรื่องการประกาศใช้มาตรการเคอร์ฟิวขึ้นอยู่กับ พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะ ผอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เพราะท่านจะรู้ดีที่สุด ส่วนการใช้ข้อกำหนด หรือข้อห้ามนั้น ขึ้นอยู่กับสถานการณ์จริงในพื้นที่และต้องคำนึงถึงความจำเป็น

               ด้านพล.อ.ต.มณฑล สัชฌุกร โฆษกกองทัพอากาศ เปิดเผยถึงการจัดทำแผนปฏิบัติการการบินของเครื่องบิน เอยู-23 ในการช่วยสนับสนุนภารกิจการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า อยู่ระหว่างดำเนินการและประสานงาน ซึ่งปัจจุบันภารกิจของเครื่องบินรุ่นดังกล่าวใช้สำหรับถ่ายภาพทางอากาศอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้เป็นการเพิ่มภารกิจในการลาดตระเวนคุ้มกันหน่วยภาคพื้นดินเพิ่มเข้าไปเท่านั้น ไม่ได้ติดอาวุธ ไมได้บินประกบ โดยจะทำการบินในการสำรวจถ่ายภาพเส้นทางก่อนออกปฏิบัติการของกำลังพลและยานพานหะ ของหน่วยภาพพื้นตามเส้นทางที่จะเข้าไป เพื่อส่งภาพ real time ไปยังที่กองบัญชาการฯ และส่งให้หน่วยที่เคลื่อนที่ รวมถึงหน่วยสนับสนุน เพื่อเห็นภาพสถานการณ์จริงในเวลานั้นจริง

               “เป็นการดูพื้นที่ล่วงหน้า ที่จะต้องประสานงานอย่างใกล้ชิด โดยภาคพื้นดินเป็นคนกำหนด และทอ. จะเป็นผู้สนับสนุน ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงานมากขึ้น โดยรายละเอียดจะเป็นการนำเสนอไปถึงระดับผู้บังคับบัญชา ซึ่งได้รับมอบหมายนโยบายลงมา คงไม่สามารถเปิดเผยแผนได้ เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ซึ่งผู้ก่อความไม่สงบฯ อาจจะรู้ข้อมูลของเราได้ สำหรับแนวทางการใช้อากาศยานไร้คนขับ หรือ ยูเอวีนั้น ขีดความสามารถยังไม่พอที่จะทำภารกิจนี้ได้ เนื่องจากอยู่ระหว่างการจัดตั้งศูนย์ขึ้น ยังไม่ได้ใช้งาน และไม่เกี่ยวกับการใช้ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้”โฆษกกองทัพอากาศ กล่าว

               โฆษกกองทัพอากาศ กล่าวว่า ปัจจุบันกองทัพอากาศได้ตั้ง กองกำลังเฉพาะกิจที่ 9 ในพื้นที่สนามบินบ่อทอง จ.ปัตตานี มีภารกิจในการดูแลรักษาความปลอดภัยสนามบิน และ สนับสนุน ดูแลการส่งกำลังทางอากาศ เช่น การขนส่งกำลังเข้าพื้นที่ และการลำเลียงสิ่งของเข้า- ออกในพื้นที่ พร้อมทั้งขึ้นทำการบินถ่ายภาพทางอากาศสนับสนุนภาคกิจของกอ.รมน.ภาค 4 ส่วนการลาดตระเวนปฏิบัติล่วงหน้ามีมานานแล้ว สำหรับกรณีที่มองว่าเป็นการขี่ช้างจับตั๊กแตน และไม่ได้ผลในการปฏิบัตินั้น ตนคิดว่าแล้วแต่คนมอง แต่ส่วนตัวคิดว่าได้ผล ซึ่งถ้าบอกรายละเอียดมากไปฝ่ายตรงข้ามก็จะรับรู้ อยู่ที่ใครจะวาดภาพว่าขี่ช้างจับตั๊กแตนหรือไม่ ทั้งนี้การทำอะไรเราไม่อยากเปิดให้รู้ทั้งหมด เพื่อความปลอดภัยของทุกฝ่าย


 ยิงอส.เจาะไอร้องดับอีก1ราย

               เมื่อเวลา 15.20 น. ร.ต.ท.สัญญบัตร ยอดดำเนิน ร้อยเวร สภ.โคกเคียน อ.เมือง จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุ อส.ประจำที่ว่าการ อ.เจาะไอร้อง ถูกยิงเสียชีวิตหน้าร้านเจนเกศนรินทร์คาราโอเกะ ไม่มีเลขที่ ต.โคกเคียน จึงพร้อมด้วย พ.ต.ท.ศุภกร พึ่งรศ สวญ.สภ.โคกเคียน พ.ต.ท.กระจ่าง รักษ์ณรงค์ หน.กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารจำนวนหนึ่งรุดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
 
               เมื่อไปถึงพบศพผู้เสียชีวิตนอนจมกองเลือดหน้าร้าน ทราบชื่อคือ อาสาสมัครอะซัน อารง อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 216 ม.3 ต.บูกิต อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ซึ่งเป็น อส.ประจำที่ว่าการ อ.เจาะไอร้อง มีบาดแผลถูกยิงด้วยกระสุนปืนพกสั้น ขนาด 9 ม.ม. ที่บริเวณศีรษะและกลางหลัง รวม 6 นัด ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบปลอกกระสุนปืนพกสั้น ขนาด 9 ม.ม. ตกอยู่ข้างศพ จำนวน 6 ปลอก เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน ก่อนที่จะนำศพส่งโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ เพื่อให้แพทย์ทำการชันสูตรพลิกศพอย่างละเอียดอีกครั้ง
 
               จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้ขี่รถจักรยานยนต์ตามลำพังมาที่ร้านจุดเกิดเหตุ และได้พูดคุยกับเพื่อนสาวซึ่งเป็นเจ้าของ ทันใดนั้นได้มีคนร้ายจำนวน 1 คน ขี่รถจักรยานยนต์มาจอดที่หน้าร้านแล้วเดินตรงไปพูดกับผู้ตาย เมื่อสบโอกาสคนร้ายได้ชักอาวุธปืนพกสั้น ขนาด 9 ม.ม. ออกมายิงใส่ผู้ตาย จำนวน 6 นัดซ้อน จนล้มทั้งยืนแล้วคนร้ายได้วิ่งไปสตาร์ทรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ขี่หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว
 
               ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่กำลังเร่งสืบสวนสอบว่าว่ามาจากสาเหตุใด ที่อาจจะเกี่ยวเนื่องจากปัญหาความมั่นคง หรือเป็นเรื่องส่วนตัว

จยย.บอมบ์ขณะรถยีเอ็มซีขับผ่านเจ็บ6นาย

               เมื่อเวลา 16.29 น. ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหาร ร้อย ร.15211 สังกัดชุดเฉพาะกิจยะลา ที่ 12 ขับรถ ยี เอ็ม ซี ออกลาดตระเวนตามเส้นทาง   เมื่อขับมาถึงบริเณหน้าธนาคารอิสลาม สาขารามัน เขตเทศบาลตำบลกายูบอเกาะ อ.รามัน จ.ยะลา คนร้ายได้กดระเบิดที่ซุกซ่อนอยู่ในรถจักรยายนต์ ที่นำมาจอดไว้ริมถนนหน้าธนาคาร แรงระเบิดทำให้ เจ้าหน้าที่ทหารได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย จำนวน 6 นาย ส่วนใหญ่มีอาการหูอื้อ นอกจากนั้นแรงระเบิดยังทำให้บริเวณหน้าด้านหน้าของอาคารธนาคารอิสลามกระจกแตกได้รับความเสียหาย

 จยย.บอมบ์รามัญเจ็บเล็กน้อย6นาย

              เมื่อเวลา 16.29 น. ศูนย์วิทยุ สภ.รามัน จ.ยะลา ได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุระเบิดขึ้นที่บริเวณหน้าธนาคารอิสลาม สาขารามัน เขตเทศบาลกายูบอเกาะ อ.รามัน จ.ยะลา มีทหารได้รับบาดเจ็บ 6 นาย จึงได้แจ้ง พ.ต.ท.เตียน ทองสมสี พนักงานสอบสวน (สบ.3) สภ.รามัน ทราบ เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ ที่ด้านหน้าธนาคาร เจ้าหน้าที่พบว่าแรงระเบิดทำให้ตัวอาคารของธนาคารได้รับความเสียหาย   ตรวจสอบพบซากรถจักรยานยนต์   ทะเบียน ขชข 800 สมุทรสาคร ในสภาพพังยับเยินจากแรงระเบิด นอกจากนั้นแรงระเบิดยังทำให้รถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ใกล้เคียงเสียหาย   7 คัน และรถตราโล่ของตำรวจ ที่จอดอยู่ฝั่งตรงข้ามก็ถูกสะเก็ดระเบิดได้รับความเสียหาย
 
              ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลรามัน คือ พลทหารจักรกฤษณ์ จานสอน อายุ 22 ปี ถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณใบหู ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย นอกจากนั้นยังมีทหารมีอาการจุก และหูอื้ออีกจำนวน 5 นาย ทั้งหมดเป็นทหารชุด รปภ.เส้นทาง และ รปภ.ครู ของ ร้อย.ร.15211 ฉก.ยะลา 12 ประกอบด้วย ส.อ.พยัคฆ์ สุขประเสริฐ  พลทหารเอกวัฒน์ องอาจ  พลทหารศุภชัย จันทร์แก้ว พลทหาร กิตติพงษ์ ดำเอียด  พลทหารวัชรินทร์ ทองแก้ว

              ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบเศษสะเก็ดระเบิดเป็นเหล็กเส้นตัดขนาด 1   เซ็นติเมตร  กระจายอยู่เป็นจำนวนมาก รวมทั้งเศษสายไฟ เศษวงจรอีเลคทรอนิค รวมทั้งเศษถังดับเพลิงขนาดเล็ก เบื้องต้นเชื่อเป็นระเบิดแสวงเครื่องน้ำหนักประมาณ 3 -5 กิโลกรัม  บรรจุในถังดับเพลิงขนาดเล็ก ที่คนร้ายนำมาซุกซ่อนในรถจักรยานยนต์  ส่วนการจุดชนวนเบื้องต้นเชื่อเป็นระบบวิทยุสื่อสาร  สอบสวนทราบว่าในขณะที่ ชุดปฎิบัติการลาดตระเวนเส้น กำลังพล 12 นาย เดินทางด้วยรถบรรทุกจีเอ็มซี กลับจาก ทำภารกิจ  เพื่อที่จะกลับฐานปฏิบัติการ เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ คนร้ายได้จุดชนวนระเบิดขึ้น เป็นเหตุให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บดังกล่าว

 

ตร.ยันบึ้มชรบ.แขนขาดเป็นคนดี

              ส่วนความคืบหน้ากรณีนายอับดุลตอเละ สูเดาะ อายุ 22 ปี  ชรบ.ลูโบะลาเสาะ ม.1 ต.ร่มไทร อ.สุคิริน จ.นราธิวาส ถูกระเบิดแสวงเครื่องแขนขาดที่บริเวณคูน้ำริมถนนใต้ต้นเงาะบ้านลูโบะลาเสาะ ในช่วงเช้าที่ผ่านมา ซึ่งล่าสุดนายอับดุลตอเละได้ออกจากห้องผ่าตัด และให้การเบื้องต้นกับพ.ต.อ.สะท้านฟ้า วามะสิงห์ ผกก.สืบสวนสอบสวนตำรวจภูธร จ.นราธิวาสว่า เหตุที่เกิดเหตุเป็นเรื่องสุดวิสัย นายอับดุลตอเละกำลังจะเข้าไปนั่งเพื่อรอเจ้าหน้าที่ทหาร ในการเดินลาดตระเวนเส้นทาง ตาเหลือบไปเห็นกระป๋องเครื่องดื่มน้ำอัดลมวางอยู่ จึงได้ใช้มือหยิบเพื่อที่จะทิ้ง  ซึ่งนายอับดุลตอเละไม่ทราบว่ามีระเบิดที่คนร้ายได้แอบซ่อนไว้อยู่อีกหนึ่งชั้น ระเบิดจึงได้เกิดทำงานขึ้นคามือของนายอับดุลตอเละจนมือขาดกระเด็นไป

              พ.ต.อ.สะท้านฟ้า กล่าวเพิ่มเติมอีกด้วยว่า ระเบิดขว้างที่คนร้ายวางไว้อาจจะมีการทำงานด้วยกัน 2 ระบบ คือ 1.จุดชนวนแล้วขว้าง 2. การจุดชนวนด้วยระบบคอนแทค ที่ถ้ามีการเคลื่อนย้ายระเบิดก็จะทำงานด้วยอัตโนมัติ ซึ่งในจุดนี้เจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบวัตถุพยานอีกครั้ง เพื่อให้เกิดความชัดเจนและจากการสอบถามผู้นำศาสนา ผู้นำชุมชน รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ทหารที่ร่วมทำงานกับนายอับดุลตอเละ ต่างยืนยันว่านายอับดุลตอเละเป็นคนดี ขยันขันแข็งในการทำงาน และรับผิดชอบหน้าที่สูง ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นน่าเชื่อว่าคนร้ายนำระเบิดมาวางไว้เพื่อดักสังหารเจ้าหน้าที่ทหาร ที่มานั่งพักร้อนเป็นประจำ แต่นายอับดุลตอเละโชคร้ายมาเห็นกระป๋องเครื่องดื่มน้ำอัดลมจึงได้ใช้มือหยิบเพื่อที่จะโยนทิ้งจนตัวเองได้รับบาดเจ็บดังกล่าว