
อึ้ง!จับยาบ้าสูตรผสมยากันยุงปูนยาแนว
'คำรณวิทย์' แถลงทลายแหล่งผลิตยาบ้ารายใหญ่ ผงะส่วนผสมช่วยเพิ่มปริมาณ "ยาฆ่าหญ้า-ยากันยุง-ปูนยาแนว" อัดเม็ดปั๊มตอกตรา wy "30 เม็ดต่อนาที" ขณะที่สั่งการเร่งขยายผลที่มา "ระเบิด-อาวุธสงคราม" ซุกทัวร์หมอชิต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 6 ส.ค. 55 พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. พร้อมนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ร่วมกันแถลงผล เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.บางซื่อ และชุดสืบสวนปราบปรามยาเสพติดกองบังคับการตำรวจนครบาล 2 ทลายแหล่งผลิตยาบ้ารายใหญ่พร้อมแท่นปั๊มยาและอุปกรณ์ส่วนผสมในการผลิตจำนวนมากได้ผุ้ต้องหา 3 คน คือ น.ส.เยาวเรศ หรือหวาน ยะนิล อายุ 25 ปี นายทิวา หรือบอล พลับวงกร่ำ อายุ 21 ปี ทั้งสองคนภูมิลำเนา อ.ลอง จ.แพร่ และนายไนท์ (นามสมมติ) อายุ 18 ปี ชาว จ.บุรีรัมย์ เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 5 ส.ค. ที่ผ่านมา
พร้อมตรวจยึดของกลางในบ้านเช่าเลขที่ 70/140 หมู่ 12 หมู่บ้านกฤษดานคร ถนนพุทธมณฑลสาย 3 ซอย 19 เขตทวีวัฒนา กทม. ตามหมายค้นศาลตลิ่งชันลงวันที่ 4 ส.ค. 2555 ประกอบด้วยเครื่องปั๊มยาบ้า 1 เครื่อง หัวปั๊มโลหะที่มีสัญลักษณ์ wy จำนวน 24 หัว ยาบ้าเม็ดสีเขียวและฟ้าอ่อน 729 เม็ด ยาไอซ์ 30 กรัม ผงยาบ้าสีส้ม 1 กิโลกรัม โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง ครกและสาก (ใช้ตำและบดยาก่อนปั๊มเป็นเม็ด) ถังพลาสติกผสมสี พร้อมด้วยสารเคมีต่างๆ ที่ใช้เป็นส่วนผสม อาทิ น้ำยาฆ่าหญ้า ยาฉีดกันยุงชนิดน้ำ ผงปูนยาแนว สีผสมอาหาร หัวน้ำเชื้อแต่งกลิ่นจำนวนมาก
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวว่า ผู้ต้องหากลุ่มนี้เป็นเครือข่ายที่เชื่อมโยงจากผู้ต้องขังที่อยู่ในเรือนจำ จ.ฉะเชิงเทรา ลักลอบผลิตมานานแล้วมีการโยกย้ายแหล่งผลิตไปหลายที่ไม่เป็นหลักแหล่งโดยอาศัยการเช่าบ้านเช่าหอพักเช่าอพาร์ทเม้นท์ต่างๆ เป็นที่ผลิตยาและเป็นที่พักยา ซึ่งสั่งการให้ฝ่ายสืบสวนเร่งขยายผลถึงต้นตอใหญ่และผู้ร่วมขบวนการที่เหลือมาดำเนินคดีให้ได้ทั้งหมด ขณะเดียวกันอยากฝากไปถึงบรรดาเจ้าของบ้านเช่าเจ้าของกิจการอพาร์ทเม้นท์ห้องเช่าต่างๆ ให้ช่วยกันสอดส่องดูแลในส่วนนี้ด้วย หากพบเบาะแสขบวนการค้ายาบ้าหรือความไม่ชอบมาพากลของผู้ที่มาเช่าพักอาศัยให้รีบแจ้งตำรวจในพื้นที่ทันที
ด้านพ.ต.อ.พีระพงศ์ วงษ์สมาน รอง ผบก.น.2 กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้เป็นการสืบสวนขยายผลการจับกุมเครือข่ายยาเสพติดจากเรือนจำ โดยชุดสืบสวนจู่โจมปราบปรามยาเสพติด สน.บางซื่อ ออกสืบสวนหาข่าวจนทราบแน่ชัดว่า แท่นปั๊มในเครือข่ายผู้ต้องขังที่ติดคุกในเรือนจำ จ.ฉะเชิงเทรา อยู่ในเขต สน.ธรรมศาลา จึงขอหมายค้นเข้าจับกุมในที่สุด ซึ่งความจริงแล้วของกลางที่ตรวจยึดได้ในบ้านที่เกิดเหตุมีจำนวนมากกว่าที่นำมาแถลงข่าว เท่าที่เห็นนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น โดยขณะเข้าตรวจค้นจับกุมผู้ต้องหาได้ 3 คน ซึ่งจะต้องสืบสวนขยายผลต่อไปยังเครือข่ายทั้งนอกและในเรือนจำต่อไป
"ผู้ต้องหาทั้ง 3 คน โดยเฉพาะ น.ส.เยาวเรศ นั้นเคยอยู่ในขบวนการค้ายาเสพติดที่เคยถูกจับกุมก่อนหน้านี้มีความชำนาญในการผสมยาบ้า ซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาจากลูกพี่ว่าต้องผสมอย่างไรและใส่อะไรลงไปบ้าง ใช้วิธีการแบบลูกทุ่งธรรมดาๆ ไม่ได้จบด้านเคมีมาแต่อย่างใด ที่เห็นอุปกรณ์มีครกและสากนั้นใช้สำหรับตำส่วนผสมที่เป็นก้อนให้ละเอียดเป็นผงแล้วนำมาอัดเป็นเม็ด"
พ.ต.อ.พีระพงศ์ กล่าวอีกว่า ขั้นตอนการผลิตนั้นผู้ต้องหาจะใช้ยาบ้าที่เป็นเม็ดอยู่แล้วมาบดเป็นผงแล้วใช้ส่วนผสมอื่นๆ ปะปนเข้าไปเพื่อเพิ่มปริมาณให้มากขึ้น แล้วใส่ในแท่นปั๊มที่มีความสามารถในการผลิตยาบ้าได้นาทีละ 30 เม็ด โดยผู้ต้องหายอมรับว่าลักลอบทำมานานแล้วมีการย้ายบ้านเช่าไปเรื่อยๆ ซึ่งบ้านหลังที่เข้าตรวจยึดครั้งนี้เช่าเป็นแหล่งผลิตยาบ้ามาแล้ว 3 เดือน และวันที่เข้าตรวจจับนั้นเป็นวันสุดท้ายที่จะหมดสัญญาเช่าพอดีเจ้าหน้าที่จึงเร่งขอหมายค้นและจับกุมในที่สุด
รอง ผบก.น. 2 กล่าวต่อว่า ผู้ต้องหาทั้ง 3 คน จะแบ่งหน้าที่กันทำโดยมีผู้ต้องหาอีกคน คือ นายแบงก์ ที่อยู่ระหว่างการสืบสวนจับกุม เป็นคนเช่าบ้านและตระเวนหาบ้านเช่า เพื่อโยกย้ายไปตามที่ต่างๆ ส่วน น.ส.เยาวเรศ จะเป็นคนเฝ้าของและแท่นปั๊มยาและมีหน้าที่ผสมยาบ้า นายทิวา มีหน้าที่เฝ้าของกลางและอุปกรณ์ทั้งหมดและคอยดูต้นทางดูเจ้าหน้าที่ตำรวจ ด้านนายไนท์ (นามสมมติ) เป็นแฟนของ น.ส.เยาวเรศ ให้การว่า เพิ่งมาอยู่ในบ้านดังกล่าวและปฏิเสธไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดของผู้ต้องหาทั้งสอง ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ
สั่งขยายผลที่มา "ระเบิด-อาวุธสงคราม" ตรวจกล้องวงจรปิดหาเจ้าของกระเป๋า
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ แถลงข่าวคืบหน้าการตรวจยึดอาวุธสงครามที่ซุกซ่อนในกระเป๋าวางทิ้งไว้ในช่องสัมภาระรถทัวร์วิ่งจาก จ.นครราชสีมา มุ่งหน้า กทม.ภายในสถานีขนส่งหมอชิต เมื่อเย็นวันที่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา พร้อมนำของกลางมาวางประกอบการชี้แจงประกอบด้วย โดยจากการตรวจสอบพบ อาวุธปืนอาก้า 1 กระบอก พร้อมกระสุนปืนอาก้า 211 นัด แม็กกาซีน 2 อัน ลูกระเบิดแบบลูกเกลี้ยง 1 ลูก เอ็ม 26 จำนวน 3 ลูก เอ็ม 67 จำนวน 2 ลูก เอ็ม 61 จำนวน 2 ลูก ระเบิดแบบไทป์ 67 ผลิตจากประเทศจีน จำนวน 2 ลูก ระเบิดแบบ 82/2 จำนวน 1 ลูก ทุ่นสังหารบุคคลชนิดเอ็ม 14 จำนวน 4 ลูก และระเบิดแบบเอ็มดี 82 จำนวน 1 ลูก ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าเดินทางสีดำ โดยมีหมอน 2 ใบปิดอยู่
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวว่า ชุดสืบสวนกำลังลงพื้นที่ จ.นครราชสีมา ขยายผลติดตามจับกุมตัวผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการขนอาวุธทั้งหมดนี้ พร้อมตรวจกล้องวงจรปิดในจุดต่างๆ ภายในสถานนีขนส่งต้นทาง ว่ามีใครเป็นเจ้าของกระเป๋าดังกล่าว รวมถึงส่งผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านตรวจสอบอาวุธทั้งหมด ว่ามีที่มาอย่างไร มีการเบิกมาจากหน่วยงานไหน คาดว่าจะมีความชัดเจนในเร็วๆ นี้
ด้าน พ.ต.อ.ณภัทร จุลละบุษปะ รองผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (191) กล่าวว่า ตำรวจ สน.บางซื่อ กำลังตรวจสอบกล้องวงจรปิดโดยรอบสถานีขนส่งหมอชิต และพื้นที่เกี่ยวข้อง หลังพบเบาะแสว่า ขณะที่รถโดยสารคันดังกล่าว เสียบริเวณอนุสรณ์สถาน คนร้าย อาศัยช่วงเวลานี้หลบหนี ซึ่งอาวุธที่ตรวจพบนั้นเป็นอาวุธที่คาดว่าใช้งานในหน่วยราชการตำรวจและทหาร เป็นอาวุธที่พร้อมใช้งาน โดยเฉพาะวัตถุระเบิดมีศักยภาพในการทำลายล้างรัศมี 15 เมตร ส่วนคนร้ายจะเอาไปใช้ก่อเหตุที่ใดนั้นอยู่ระหว่างการตรวจสอบ
ขณะที่ พ.ต.อ.สุนทร คงกล่ำ ผู้กำกับการ สน.บางซื่อ กล่าวว่า ตำรวจ สน.บางซื่อ ประสานไปยังตำรวจ สภ.เมืองนครราชสีมา ตรวจสอบกล้องวงจรปิดหาตัวผู้ต้องสงสัยที่เป็นคนขนอาวุธจำนวนดังกล่าวขึ้นรถแล้ว อยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบยังไม่ได้รับการตอบกลับ คาดว่าเย็นวันนี้น่าจะส่งภาพมาได้
จากการสอบสวนคนขับรถทัวร์คันดังกล่าว ทราบว่า คนร้ายเป็นชายรูปร่างสูงใหญ่ ใส่เสื้อแจ็กเกตสีดำคลุม และขอลงจากรถก่อนที่รถจะเข้าเทียบท่าที่หมอชิต 2 เหมือนจะไหวตัวก่อนถึงที่หมาย จึงไม่ได้นำเอาอาวุธดังกล่าวไปด้วย
ทลายแก๊งมารศาสนาค้ายานีรกเครือข่ายเรือนจำชลบุรี
พล.ต.ต.จำนงค์ รัตนกุล ผบก.ภ.จว.ชลบุรี พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุวิชาญ ญาณกิตติกุล รอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี พ.ต.อ.สุภธีร์ บุญครอง รอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี นายภวัต เลิศมุกดา นายอำเภอสัตหีบ พ.ต.อ.ชนพัฒน์ นวลักษณ์ ผกก.สภ.สัตหีบ พ.ต.ท.นิพนธ์ ป้องสนาม รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.ประกอบ แสงพริ้ง รอง ผกก.ปป. พ.ต.ท.ฐปณัธ ชญาณพัฒน์ สว.สส. และกำลังชุดสืบสวน ได้ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติด เครือข่ายเรือนจำกลางจังหวัดชลบุรี ที่มีการลักลอบนำยาบ้าเข้ามาจำหน่ายให้กับพระสงฆ์ในวัดดังแห่งหนึ่ง ในเขตพื้นที่อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ได้ผู้ต้องรวม 11 ราย ของกลางยาบ้า 1,070 เม็ด
พ.ต.อ.สุวิชาญ ญาณกิตติกุล รอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี เปิดเผยว่า ผลการจับกุมขบวนแก๊งค้ายาเสพติดรายใหญ่ ถือเป็นแก๊งมารศาสนา ที่เป็นบ่อนทำลายชาติ และพระพุทธศาสนาให้เสื่อมเสียลง สืบเนื่องจากได้มีการจับกุม พระภูริปัญโญ หรือนายศุภชัย เดชปาน อายุ 28 ปี พระลูกวัดชื่อดังแห่งหนึ่งในอำเภอสัตหีบ พร้อมของกลางยาบ้า 25 เม็ด หลังสืบทราบแอบลักลอบนำยาบ้าเข้ามาจำหน่ายให้กับพระในวัดจำนวน 3 รูป คือ พระวัฒฑโน หรือนายกฤษดา กล่อมกำแหง อายุ 45 ปี พระถิรสทโธ หรือนายธานันทร์ เหี่ยงมณี อายุ 26 ปี และพระกตธมโม หรือนายขจรเกียรติ จตุรวิทย์ อายุ 24 ปี เบื้องต้น ทั้งหมดถูกจับศึกส่งตัวดำเนินคดี
จากนั้น ได้สืบสวนขยายผลจนสามารถจับกุมผู้ร่วมขบวนการ 7 คน พร้อมของกลางยาบ้า ที่ใช้บ้านเช่าใกล้กับวัด เป็นจุดกระจายยาบ้าเข้าสู่วัด และกลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่ คือ นายปัญจนา หรือกอล์ฟ ดีอิ่ม อายุ 24 ปี ยาบ้า 990 เม็ด นายไกรสร ชนไฮ อายุ 24 ปี ยาบ้า 40 เม็ด นายวุฒิศักดิ์ หรือโป้ บุญตรา อายุ 19 ปี ยาบ้า 5 เม็ด นายอรรถพล หรือบาส มีวงษ์ อายุ 20 ปี ยาบ้า 5 เม็ด นายเชาวลิต หรือหงอก แก้วเล็ก อายุ 30 ปี ยาบ้า 2 เม็ด นายอาทิตย์ หรือแบ็งค์ แซ่เบ๊ อายุ 31 ปี ยาบ้า 2 เม็ด และนายมาโนช หรือตุ๊ก โพธิ์สุวรรณ อายุ 38 ปี ยาบ้า 1 เม็ด
ซึ่งผู้ต้องหาทั้งหมด เป็นสมุนในเครือข่ายของ นายสายชล หรือเอ็ม บุญเอก อายุ 22 ปี ผู้ต้องขังเรือนจำกลางชลบุรี ที่ถูกสภ.สัตหีบ จับกุมในคดีค้ายาเสพติด ของกลางยาบ้า 1,865 เม็ด พร้อมอาวุธปืน 2 กระบอก เมื่อวันที่ 18 พ.ย.53 เป็นตัวการใหญ่ สั่งการออกจากเรือนจำ ล่าสุด ได้มีการรวบรวมหลักฐานส่งฟ้องศาล เพื่อเอาผิดกับ นายสายชล หรือเอ็ม บุญเอก ผู้ต้องขังในเรือนจำกลางจังหวัดชลบุรี ในความผิดฐานเป็นผู้สั่งการ และรู้เห็นเกี่ยวข้องกับการจำหน่ายยาเสพติด