
ผบ.ตร.โรงเรียนนายร้อนาแก
ร่ายประวัติ พล.อ.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.คนใหม่ กับ 'วีรบุรุษนาแก'
สื่อทีวีบางสำนักรายงานการแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ ด้วยการร่ายประวัติของ พล.อ.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว สมัยเป็นนายร้อยตำรวจหนุ่มที่จับปืนยืนสู้กับ ผกค. ที่สมรภูมิภูพาน แต่เกิดความคลาดเคลื่อนที่ระบุว่าเป็น 'วีรบุรุษนาแก'
จริงๆ แล้ว นายตำรวจที่ได้รับการยกย่องเป็นวีรบุรุษนาแกคือ พ.ต.ท.เสรี เตมียเวส สารวัตรใหญ่โรงพักนาแก (ยศ/ตำแหน่งขณะนั้น)
แต่ว่าที่ ผบ.ตร.ก็เคยเป็นลูกน้อง 'สารวัตรใหญ่เสรี' เมื่อปี 2520 ซึ่งในช่วงเวลานั้น อ.นาแก จ.นครพนม เป็น 'ดงคอมมิวนิสต์' รบกันทุกวัน ตายกันทุกคืน
หลังจากจบการศึกษาโรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน 'ร.ต.ต.อดุลย์' เริ่มรับราชการที่สถานีตำรวนนครบาลปทุมวัน กรุงเทพมหานคร ปี 2519 ซึ่งในปีนั้นได้ช่วยชีวิตชายชราคนหนึ่งจนได้รับหนังสือชมเชยการปฏิบัติงานจากมูลนิธิธารน้ำใจ
ปี 2520 นายร้อยหนุ่มชาวนครพนม ได้ทำหนังสือถึงกรมตำรวจ อาสาสมัครไปปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยงอันตราย อ.นาแก ซึ่งขณะนั้นมีสถานการณ์การสู้รบรุนแรงมาก 'ร.ต.ท.อดุลย์' ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้านปราบปรามอย่างเข้มแข็ง จนได้รับพระราชทาน 'เหรียญพิทักษ์เสรีชนประดับเปลวระเบิด'
เพื่อนนายตำรวจหนุ่มที่ประจำการที่ บก.ยุทธวิธี อ.นาแก พ.ศ.โน้น คือ ร.ต.อ.ไพฑูรย์ ชูชัยยะ ซึ่งปัจจุบันคือ พล.ต.ท.ไพฑูรย์ ชูชัยยะ ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้
ต่อมา 'ร.ต.อ.อดุลย์' ได้ย้ายไปเป็นสารวัตรสถานีตำรวจภูธร กิ่ง อ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร เขาได้นำตำรวจใต้บังคับบัญชาออกเยี่ยมเยียนราษฎร ช่วยพัฒนาหมู่บ้าน ช่วยเกี่ยวข้าว สร้างธนาคารข้าว ดูแลประชาชนผู้เจ็บป่วย สอนหนังสือนักเรียน จนกระทั่งประชาชนให้ความรัก เชื่อมั่น และศรัทธาในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ปี 2527 มูลนิธิธารน้ำใจ จึงพิจารณายกย่องให้เขาเป็น 'คนไทยตัวอย่าง'
ย้อนกลับมาที่ 'คนไทยตัวอย่าง' ปี 2522 ที่ชื่อ พ.ต.ท.เสรี เตมียเวส (ยศ/ตำแหน่งขณะนั้น) ซึ่งได้รับรางวัลและการเชิดชูยกย่องมากมายในยุคการต่อสู้เอาชนะคอมมิวนิสต์
21 มีนาคม 2520 มีเหตุการณ์สำคัญในชีวิต 'สารวัตรใหญ่นาแก' เมื่อ พิศาล มูลศาสตรสาทร ซึ่งเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ได้จัดพิธีสถาปนาให้เป็น 'ขุนพลของประชาชน', 'ขุนพลอาสาศึก' ที่ศาลาประชาคมจังหวัดนครพนม และประชาชนขนามนามว่า 'วีรบุรุษนาแก'
"ช่วงปี 2519 กรมตำรวจประกาศหาสารวัตรใหญ่นาแก ผมก็เลยอาสา.." พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ให้สัมภาษณ์ รศ.ดร.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ สมัยที่เป็นคณบดี คณะรัฐประศาสนศาสตร์ นิด้า เมื่อปี 2530
จุดเด่นของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ มิใช่แค่การปราบคอมมิวนิสต์ หากแต่สิ่งที่ 'ปุระชัย' สนใจศึกษาในตัวเขาคือ หลักสูตรการสร้างคน และสร้างผู้นำ ในช่วงที่เป็น 'สารวัตรใหญ่นาแก' และ 'ผู้กำกับการตำรวจภูธรมุกดาหาร'
"เมื่อผมได้พัฒนาคนให้มีความรู้ ให้มีระเบียบวินัย และจัดสวัสดิการต่างๆ ให้แล้ว เขาก็จะมีอุดมการณ์เพิ่มขึ้น มีความคิดที่จะทำงาน.."
'ร.ต.ท.อดุลย์' เป็นลูกน้องที่ 'สารวัตรใหญ่เสรี' ตั้งใจปั้นให้เป็นผู้นำ และเมื่อเขาได้รับตำแหน่งผู้กำกับการตำรวจภูธรมุกดาหาร ปี 2526 ก็ได้ดึงตัวมือขวาจากนาแก มาเป็นหัวหน้าตำรวจโรงพัก กิ่ง อ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร
"อย่างสารวัตรอดุลย์"(แสงสิงแก้ว) หรืออย่างนายตำรวจหลายคน หลังจากเขายึดแนวทางของเราแล้ว ผมก็จะกระจายออกไปเป็นหัวหน้าหน่วย เขาก็สามารถควบคุมบังคับบัญชาหน่วยของเขาได้ มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ผมก็สนับสนุนส่งเสริมเขาต่อไป"
ยุคที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ มาเป็น ผกก.มุกดาหาร ได้นำเอาบทเรียนการสร้างคน มาสร้างตำรวจใหม่ในอุดมคติ เขาจึงชวนรุ่นพี่จากโรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน คือ พ.ต.ท.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช มาเป็น รอง ผกก.มุกดาหาร (ยศและตำแหน่งขณะนั้น) เพื่อช่วยกันพัฒนาศักยภาพตำรวจไทย
ฉะนั้นในห้วงเวลาดังกล่าว จึงได้เกิดปรากฏการณ์ 'ตำรวจน้ำดี' ในสังคมไทย เมื่อ 'ดรีมทีมมุกดาหาร' ประกอบด้วย พ.ต.อ.เสรี เตมียเวส พ.ต.ท.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช และ ร.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผนึกกำลัง 'ปราบอธรรม' และขจัดอิทธิพลของนักเลือกตั้ง '3 ฉ.' จนโด่งดังไปทั่วเมืองไทย
ปัจจุบัน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีต ผบ.ตร. เดินคนละเส้นทางกับ พล.ต.อ.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช อดีตรอง ผบ.ตร. ซึ่งทั้งคู่เกษียณอายุราชการไปแล้ว
ล่าสุด 'พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์' ประกาศตัวจะลงชิงชัยในตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โดยไม่สังกัดพรรคไปแล้ว
ส่วน 'พล.อ.อชิรวิทย์' ในฐานะ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ได้โหวตให้ 'พล.ต.อ.อดุลย์' ได้เป็นว่าที่ ผบ.ตร. สมใจปรารถนา
แทบไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่าอดีต 'ขุนพลอาสาศึกนาแก' จะก้าวมาไกลได้เป็น ผบ.ตร.ถึงสองคน
คนแรกคือ ผบ.ตร.คนที่ 5 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส และคนที่สอง ผบ.ตร.คนที่ 9 พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว