ข่าว

รวบแล้ว!โจ๋ดักตี-ปล้นทรัพย์'บี้-บอมเคพีเอ็น'

รวบแล้ว!โจ๋ดักตี-ปล้นทรัพย์'บี้-บอมเคพีเอ็น'

19 ก.ค. 2555

รวบแล้ว!โจ๋ดักตี-ปล้นทรัพย์'บี้-บอมเคพีเอ็น' พร้อมล่าอีก 2 คนที่ยังหลบหนี รับสิ้นก่อเหตุมาแล้ว 3-4 ครั้ง นำเงินไปเที่ยวเตร่

                ความคืบหน้าที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 19 ก.ค. พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.พร้อมด้วย พล.ต.ต.พิสิฎฐ์ พิสุทธิศักดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สำเริง สุวรรณพงษ์ ผบก.น.2 และ พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส.บช.น.ร่วมกันแถลงข่าวผลงานฝ่ายสืบสวน บก.สส.บช.น.และ กก.สส.บก.น.2 จับกุมตัว นายทวุฒิ หรือ “เอ็ม” ประภัสสร อายุ 18 ปี อยู่บ้านเลขที่ 56 หมู่ 7 ต.ทุ่งสว่าง อ.ประทาย จ.นครราชสีมา ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1043/2555 ลงวันที่ 17 ก.ค.55 ข้อหาปล้นทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะฯ และ นายอนุสรณ์ หรือ “ป๊อบ” ยะวงศ์ อายุ 18 ปี อยู่บ้านเลขที่ 160/6 ซอยพหลโยธิน 8 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม. ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1044/2555 ลงวันที่ 17 ก.ค.55 ข้อหาปล้นทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะฯ พร้อมของกลางไม้เบสบอล 1 อัน รถ จยย.ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นมีโอ สีม่วง ทะเบียน อฉก-144 กทม. 1
คัน และโทรศัพท์มือถือแบล็กเบอรี่ อีก 1 เครื่อง โดยจับกุมตัวได้ที่บ้านพักของผู้ต้องหาก่อนนำตัวไปสอบขยายผลที่ บก.สส.บช.น.

              พล.ต.ท.คำรณวิทย์ เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 23.45 น. วันที่ 10 ก.ค.ที่ผ่านมา ผู้ต้องหาที่ถูกจับได้ทั้ง 2 คนนี้ได้ร่วมกันกับพวกที่ยังหลบหนีอีก 2 คน คือ นายมอส (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี และ นายโจ้ (ไม่ทราบอายุและชื่อนามสกุลจริง) ก่อเหตุปล้นทรัพย์นายธรรมภาคย์ ชี หรือ “บี้ KPN” อายุ 20 ปี และ นายอนุรักษ์ บุญเพิ่มผล หรือ “บอม KPN” อายุ 25 ปี สองนักร้องดังสังกัดเคพีเอ็น อวอร์ด ได้โทรศัพท์มือถือแบล็กเบอรรี่ ไป 1 เครื่อง โดยนายทวุฒิ ทำหน้าที่ขับขี่รถ จยย.ของกลางพานายอนุสรณ์ ไปปาดหน้ารถ จยย.ของผู้เสียหายให้จอด ส่วนพวกที่เหลือเป็นผู้ใช้ไม้เบสบอลตีและทำการปล้นทรัพย์ โดยคดีนี้เป็นผลงานของเจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น.และ กก.สส.บก.น.2ที่ร่วมกันจับกุมตัวคนร้ายเอาไว้ได้ซึ่งจากการสอบสวนในเบื้องต้นทั้งคู่ยังยอมให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา

              จากการสอบสวน นายทวุฒิ ให้การรับสารภาพว่า ที่ผ่านมาเคยร่วมกันก่อเหตุในลักษณะนี้มาแล้ว 3-4 คดี จะเลือกลงมือกับเหยื่อที่เดินเท้าหรือขับขี่รถ จยย.ผ่านโซนรัชดา พหลโยธิน และสุทธิสาร ในช่วงเวลาประมาณ 4 ทุ่มถึงเที่ยงคืน หลังได้เงินมาก็จะนำไปแบ่งกันส่วนทรัพย์สินโดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือจะนำไปขายให้พ่อค้ารับซื้อของเก่าย่านคลองหลอด ทั้งนี้พวกตนไม่ใช่พวกขี้ยาที่ต้องหาเงินไปซื้อมาเสพ ตลอดจนไม่ใช่คนเล่นพนันไม่จำเป็นต้องหาเงินใช้หนี้ แต่ที่ชักชวนกันลงมือทำก็เพราะชอบเที่ยวใช้จ่ายเงินไปกับการเที่ยวเตร่อย่างเช่นรวมตัวกันไปเที่ยวทะเล สำหรับกรณี บี้และบอม KPN ผู้เสียหายคดีนี้พวกตนไม่ทราบมาก่อนว่าทั้งคู่เป็นดารา เมื่อได้โทรศัพท์มือถือแบล็กเบอรี่มาก็ยังไม่ได้นำไปขายให้ใครเนื่องจาก นายอนุสรณ์ เพื่อนที่ถูกจับพร้อมกันขอเก็บไว้ใช้เอง

               ต่อมา นายธรรมภาคย์ ชี หรือ “บี้ KPN” อายุ 20 ปี และ นายอนุรักษ์ บุญเพิ่มผล หรือ “บอม KPN” อายุ 25 ปี สองผู้เสียหายได้พากันเดินทางมาชี้ตัวผู้ต้องหาที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล โดยนายธรรมภาคย์ หรือ “บี้ KPN” ซึ่งยังมีอาการบาดเจ็บต้องใช้ผ้าปิดจมูกอยู่ตลอดเวลา ให้สัมภาษณ์ว่า ขอบคุณตำรวจทุกหน่วยที่ช่วยกันติดตามคดีจนสามารถจับกุมตัวคนร้ายได้แล้วส่วนหนึ่งซึ่งคนร้ายทั้ง 2 คนนี้ตนจดจำหน้าตาและยานพาหนะที่ใช้ได้แม่นยำไม่ผิดตัวแน่นอน ส่วนอาการบาดเจ็บยังไม่ดีขึ้นเท่าใดนักเนื่องจากยังหายใจด้วยรูจมูก 2 ข้างได้ไม่เท่ากัน แม้จะตัดไหมที่เย็บออกแล้วแต่แพทย์แนะนำให้ใช้ผ้าปิดจมูกไว้ตลอดเวลาเพื่อป้องกันการติดเชื้อ ตนอยากหายไวๆ เหมือนกันเพราะตั้งแต่เกิดเรื่องก็พลาดงานสำคัญๆที่รับเอาไว้ทั้งรายได้และโอกาสไปเยอะ

               ด้าน นายอนุรักษ์ หรือ “บอม KPN” กล่าวว่า ตนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยไม่มากเท่าบี้ ขณะนี้อาการดีขึ้นเป็นปกติแล้วแต่ยังกังวลว่าคนร้ายที่ยังหลบหนีอีก 2 คน จะถูกตามจับได้เมื่อไหร่เพราะยังตกใจไม่หาย หลังเกิดเรื่องก็พยายามปรึกษากับคนใกล้ชิดหลายคนว่าตนอาจจะต้องโยกย้ายที่พักไปอยู่ที่อื่นจนกว่าจะจับกุมคนร้ายได้ทั้งหมดระยะนี้หากจะไปธุระที่ไหนก็จะประสานให้ผู้จัดการส่วนตัวไปรับและส่ง ที่สำคัญจำเป็นต้องงดเดินทางไปไหนมาไหนเวลากลางคืน

                 จากนั้นเมื่อเวลา 12.00 น.พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รอง ผบก.น.2 พร้อมด้วย พ.ต.อ.ชาตรี กาญจนกันติ ผกก.สน.พหลโยธิน พาตัว นายทวุฒิ และ นายอนุสรณ์ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพบริเวณหน้าบ้านเลขที่ 40/6 กลางซอยรัชดา 32 ซึ่งเป็นจุดที่นายทวุฒิ ขับขี่รถ จยย.ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นมีโอ สีม่วง ทะเบียน อฉก-144 กทม.พานายอนุสรณ์ ซ้อนท้ายไปปาดหน้ารถของผู้เสียหาย จากนั้นพวกที่ยังหลบหนีคือ นายโจ้ ทำหน้าที่ขับขี่ รถ จยย.ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟไอ สีแดงดำ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน พานายมอส ซ้อนท้ายไปจอดประกบ ก่อนที่นายมอส จะใช้ไม้เบสบอลตีผู้เสียหายทั้ง 2 คน จมล้มคว่ำแล้วนำโทรศัพท์มือถือพากันหลบหนีไป โดยในวันที่ 20 ก.ค.นี้ ก่อนเวลา 12.00 น. พนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน จะพาตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 รายไปฝากขังที่ศาลอาญาต่อไป

                  อย่างไรก็ตาม มีรายงานจากชุดสืบสวน บก.สส.บช.น.ว่า คนร้ายแก๊งนี้ล้วนมีคดีติดตัวโดยเฉพาะกรณีชิงทรัพย์และปล้นทรัพย์ผู้เสียหายมาแล้วอย่างโชกโชน อาทิ นายอนุสรณ์ เคยก่อเหตุปล้นทรัพย์ในท้องที่ สน.คลองตัน เมื่อปี 2554 อีกทั้งเคยถูกจับครอบครองยาเสพติดในท้องที่ สน.สามเสน เมื่อปี 2553 โดยหลังจากที่คนร้ายทั้ง 4 คนมารวมตัวใช้เวลาแค่เพียงสัปดาห์เดียวตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค.-10 ก.ค. ก็ก่อเหตุปล้นทรัพย์มาแล้วถึง 4 คดี ในท้องที่ สน.สุทธิสาร 3 คดี และ ท้องที่ สน.พหลโยธินอีก 1 คดี ขณะนี้แจ้งให้ผู้เสียหายมาอายัดตัวเพิ่มเติมแล้ว ส่วนพ่อค้ารับซื้อของเก่าย่านคลองหลอดที่คนร้ายแก๊งนี้มักนำโทรศัพท์มือถือของกลางไปขายให้ ทราบชื่อแล้วคือ นายพันธ์ศักดิ์ หรือกิ๊ก วงษ์ถาวร อายุ 26 ปีซึ่งเจ้าหน้าที่จะทำการออกหมายจับข้อหารับของโจรเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายด้วยเช่นกัน