ข่าว

ยุติธรรมเงินตราและบุตรี

ยุติธรรมเงินตราและบุตรี

16 ก.ค. 2555

ยุติธรรมเงินตราและบุตรี : วันเว้นวัน จันทร์ พุธ ศุกร์ กับ ประภัสสร เสวิกุล

              ในบทละครเรื่อง “เวนิสวาณิช” ที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ ทรงแปลมาจากบทประพันธ์ของวิลเลียม เช็คสเปียร์ กวีชาวอังกฤษ มีตอนสำคัญที่นางปอร์เซีย คนรักของบัสสานิโย ปลอมเป็นทนายหนุ่มเพื่อช่วยแก้คดีให้อันโตนิโย พ่อค้าชาวเวนิสที่กู้เงิน 3,000 ดอลลาร์ จากไชล็อก เศรษฐีหน้าเลือดชาวยิว ให้บัสสานิโยเป็นค่าเดินทางไปหานางปอร์เซีย เมื่อหนี้ถึงกำหนด อันโตนิโยไม่สามารถหาเงินมาชดใช้ได้ทันเวลา ไชล็อกจึงยื่นฟ้องต่อศาลเพื่อขอให้อันโตนิโยเชือดเนื้อ เป็นน้ำหนัก 1 ปอนด์ แทนเงินจำนวนดังกล่าว นางปอร์เซียซึ่งปลอมเป็นทนาย จึงขอร้องให้ไชล็อกมีความปรานีต่ออันโตนิโย ดังในบทพระราชนิพนธ์ ว่า
   
             “อันความกรุณาปรานี               จะมีใครบังคับก็หาไม่
หลั่งมาเองเหมือนฝนอันชื่นใจ                 จากฟากฟ้าสุราลัยสู่แดนดิน
    เป็นสิ่งดีสองชั้นพลันปลื้มใจ       แห่งผู้ให้และผู้รับสมถวิล
เป็นพลังเลิศพลังอื่นทั้งสิ้น                     เจ้าแผ่นดินผู้ทรงพระกรุณา
    ประดุจทรงวราภรณ์สุนทรสวัสดิ์  เรืองจรัสยิ่งมกุฎสุดสง่า
พระแสงทรงดำรงซึ่งอาชญา                   เหนือประชาพสกนิกร
    ประดับพระวรเดชวิเศษฤทธิ์      ที่สถิตอานุภาพสโมสร
แต่การุณยธรรมสุนทร                         งามงอนกว่าพระแสงอันแรงฤทธิ์
    เสถียรในหฤทัยพระราชา         เป็นคุณของเทวาผู้มหิทธิ์
และราชาเทียมเทพอมฤต                     ยามบพิตรเผยแผ่พระกรุณา
    ฉะนั้นยิวแม้อ้างยุติธรรม          จงกำหนดจดจำไว้ด้วยว่า
ในกระแสแห่งยุติธรรมา                      ยากจะหาความเกษมเปรมใจ...”
   
             ครับ ความกรุณาปรานีนั้น เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ และงดงามกว่าพลานุภาพใดๆ ผู้มีจิตใจกรุณาปรานีย่อมจะยังความชุ่มเย็นแก่จิตใจตนเองและผู้อื่น เช่นเดียวกับสายฝนจากฟากฟ้า
   
             ผมมีความรู้สึกว่าคนสมัยนี้ขาดความกรุณาปรานีไปมาก จนเรื่องไม่เป็นเรื่องก็กลายเป็นเรื่องขึ้นมา หรือเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่พอจะออมชอมกันได้ก็กลายเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย และเรื่องบางเรื่องที่สมัยก่อนใช้คำภาษาจีนว่า “กากี่นั้ง” หรือคนกันเองและสามารถ “โต้หลง” หรือยินยอมพูดจากันได้ด้วยดี เวลานี้ก็กลายเป็นเรื่องที่ต้อง “พะซี้” หรือตีให้ตายกันไปข้างหนึ่ง
   
             และที่หนักไปกว่านั้นก็คือ ทุกฝ่ายต่างเรียกร้องหาความยุติธรรมให้ตนเอง พร้อมกับตีปลาหน้าไซว่าตนไม่ได้รับความยุติธรรม โดยลืมไปว่า “ในกระแสแห่งยุติธรรมา ยากจะหาความเกษมเปรมใจ” เพราะคำวินิจฉัยของศาลทุกคดี ย่อมมีทั้งคนที่พอใจและไม่พอใจ คนที่สมหวังและผิดหวัง ต่อให้กระบวนการพิจารณาคดี และศาลจะมีความบริสุทธิ์เที่ยงธรรมเพียงไรก็ตาม ทั้งนี้ เพราะคนส่วนใหญ่ต่างก็มีจุดยืนของตนเอง ซึ่งแน่นอนว่าย่อมไม่ได้อยู่ตรงกลาง มีความเชื่อเรื่องบางเรื่องอย่างเหนียวแน่นโดยไม่ยอมฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง และก็มีคำวินิจฉัยส่วนบุคคลล่วงหน้าไปก่อนศาลเรียบร้อยแล้ว
   
             ในเรื่อง “เวนิสวาณิช” สุดท้ายแล้ว ไชล็อกซึ่งขาดความกรุณา ก็ไม่สามารถตัดเนื้อของอันโตนิโยมาชำระหนี้ หนำซ้ำลูกสาวยังสมัครใจไปอยู่กับชายคนรัก ปล่อยให้ไชล็อกคร่ำครวญหา “ยุติธรรม เงินตรา และบุตรี” อยู่เดียวดาย
   
             ถ้าคนเรามีความกรุณาปรานี ก็ย่อมจะมีจิตใจเวทนาเมื่อผู้อื่นได้รับทุกข์ รวมทั้งพอใจเมื่อเขาพ้นทุกข์ และก็ไม่ต้องมาไม่เกษมเปรมใจกับกระแสแห่งยุติธรรมา เช่นไชล็อก

             ครับ จะเอาชนะอธรรมก็ต้องด้วยธรรมะเท่านั้นแหละครับ