ข่าว

ขับรถ'ย้อนศร'ระวัง...ติดคุก

ขับรถ'ย้อนศร'ระวัง...ติดคุก

14 ก.ค. 2555

ขับรถ'ย้อนศร'ระวัง...ติดคุก : สารพันตำรวจ โดยทัศชยันต์ วาหะรักษ์

               ระยะนี้ใครสัญจรผ่านถนนสายหลักทั้งสุขุมวิทและถนนเลี่ยงเมืองชลบุรี หรือที่เรียกกันติดปากว่า “บายพาส” ในพื้นที่รับผิดชอบของ สภ.เมืองชลบุรี จะสังเกตเห็นตำรวจจราจรขะมักเขม้นเอาจริงเอาจังกับการกวดขันวินัยจราจรอย่างเอาจริงเอาจัง โดยเฉพาะผู้ขับขี่รถยนต์-รถจักรยานยนต์ ที่ฝ่าฝืนกฎจราจรในลักษณะขับรถย้อนศร จะเข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมายเป็นกรณีพิเศษ
 
               การเข้มงวดบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว เป็นผลมาจากมาตรการเข้มงวดวินัยจราจรของ พล.ต.ต.จำนงค์ รัตนกุล ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ที่ พ.ต.อ.สุรพงษ์ ไทยประเสริฐ ผกก.สภ.เมืองชลบุรี รับนโยบายมาปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
 
               “ที่ผ่านมาอุบัติเหตุจราจรเกิดขึ้นในเมืองชลบุรีไม่เว้นแต่ละวัน เมื่อตรวจสอบหาสาเหตุก็พบว่าจำนวนไม่น้อยเกิดจากการขับขี่ในลักษณะย้อนศร ที่เห็นบ่อยที่สุดคือบรรดาผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ เมื่อเราเข้มงวดกับผู้ขับขี่ย้อนศรพบว่าอุบัติเหตุที่เคยเกิดขึ้นลดน้อยลงเป็นที่น่าพอใจ” พ.ต.อ.สุรพงษ์ บอกถึงที่มาของนโยบายกวดขันวินัยจราจร
 
               ผกก.สภ.เมืองชลบุรีบอกว่า ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 41 ระบุไว้ว่า ให้ผู้ขับขี่รถไปตามทิศทางที่กำหนดใครฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 500 บาท พูดให้เข้าใจง่ายคือ ใครขับขี่รถในลักษณะย้อนศร ยังมีอัตราโทษน้อยมาก จึงทำให้ผู้ขับขี่ไม่เกรงกลัว จนเกิดเป็นความเคยชินจนเลยเถิดคิดกันไปว่า การขับรถในลักษณะย้อนศรนั้นไม่มีความผิด
 
               ทั้งนี้ การขับรถย้อนศรเป็นสาเหตุลำดับต้นๆ ที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ ที่ผ่านมาตำรวจก็พยายามตักเตือนแต่ก็ไม่เป็นผล จึงจำเป็นต้องยกระดับความเข้มข้นในการปฏิบัติงานมาจัดระเบียบกันใหม่ โดยใช้ช่องทางกฎหมายในการเพิ่มข้อหาผู้ฝ่าฝืน คือให้นำมาตรา 43 (8) ใน พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 บังคับใช้ควบคู่ คือให้แจ้งข้อหาฐานขับรถไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 2,000-10,000 บาท
 
               “ข้อหาขับรถไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่นนั้น ในอดีตตำรวจจะว่ากล่าวตักเตือนหรือเปรียบเทียบปรับกันที่โรงพัก แต่หลังจากเราใช้มาตรการเข้มงวดวินัยจราจรท่านผู้การมีนโยบายชัดว่าให้ส่งดำเนินคดี ผู้กระทำความผิดจะต้องเข้าสู่กระบวนการในชั้นศาล ซึ่งศาลจะเป็นผู้พิจารณาลงโทษผู้กระทำผิดจะไม่มีการปรับกันที่โรงพักเหมือนเมื่อก่อน อีกทั้งรถที่ใช้ในการกระทำผิดพนักงานอัยการจะยื่นฟ้องต่อศาลเพื่อให้ริบด้วย ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความเข็ดหลาบ” พ.ต.อ.สุรพงษ์ ขยายความ
 
               หลังจากการเข้มงวดวินัยจราจรมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ปรากฏว่าสถิติการเกิดอุบัติเหตุในพื้นที่ สภ.เมืองชลบุรี ลดลงอย่างน่าพอใจ บริเวณที่เคยเกิดอุบัติเหตุไม่เว้นแต่ละวันทั้งหน้าห้างสรรพสินค้า และถนนย่านโรงงานแทบไม่เกิดอุบัติเหตุเลย แต่ในทางปฏิบัติประชาชนในพื้นที่จะยังไม่ค่อยเข้าใจ และมองตำรวจว่ากลั่นแกล้ง!!

               พ.ต.ต.กฤต ธิติทัศไนย สว.จร.สภ.เมืองชลบุรี เสริมว่า  กว่าเวลา 2 เดือนเศษที่ดำเนินการตามมาตรการเข้มงวดวินัยจราจร โดยเน้นข้อหาขับขี่รถย้อนศรเป็นกรณีพิเศษนั้น ในช่วงแรกๆ เป็นการทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ และว่ากล่าวตักเตือนผู้ที่มีพฤติกรรมขับรถในลักษณะย้อนศรและความผิดอื่นที่ไม่เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุมากนักไปมากกว่า 2,000 ราย ขณะที่จับกุมดำเนินคดีผู้ที่ฝ่าฝืนกฎและเสี่ยงจะเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงไปทั้งสิ้นกว่า 60 คน ปรากฏว่าอุบัติเหตุด้านการจราจรในพื้นที่ลดลงทันตาเห็น

               “แม้จะมีประชาชนจำนวนไม่น้อยไม่ค่อยเข้าใจหาว่าเรากลั่นแกล้ง ก็พยายามทำความเข้าใจกับเขา เพราะสิ่งที่ตำรวจทำไปก็เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของผู้ขับขี่เองรวมถึงผู้ร่วมทางรายอื่นด้วย ตำรวจคงไม่จำเป็นต้องดำเนินการใดๆ หากทุกคนเคารพกฎจราจร ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน แต่ทุกวันนี้ยังมีผู้ฝ่าฝืนเห็นแก่ความสะดวกเล็กน้อย โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยทั้งของตนเองและผู้อื่น ตำรวจจึงจำเป็นต้องดำเนินการ” พ.ต.ต.กฤตกล่าวทิ้งท้าย

......

(หมายเหตุ : ขับรถ'ย้อนศร'ระวัง...ติดคุก  :  สารพันตำรวจ  โดยทัศชยันต์ วาหะรักษ์)