
จับหนุ่มอ้างเป็นแมวมองลวงสาวทำอนาจาร
รวบภัยสังคม อ้างตัวเป็นแมวมองบริษัทอีเว้นต์ หลอกสาวหน้าตาดีไปทำอนาจารและชิงทรัพย์หลายราย
4 ก.ค.55 นายวิเชียร พุฒิวิญญู ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรีพร้อมด้วย พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธํารงค์ ผบก.ภ.จว.นนทบุรี และ พ.ต.อ.กองสรร ควรระงับกมล ผกก.สภ.บางศรีเมือง ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมตัวนายภูริพัฒน์ กุลพาณิชย์ อายุ 35 ปี ในข้อหากระทำอนาจารและชิงทรัพย์
ทั้งนี้ สืบเนืองจากเมื่อวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางศรีเมือง ได้รับแจ้งความจาก น.ส.บี นามสมมุติ อายุประมาณ 28 ปี ว่า ได้ถูกคนร้ายที่อ้างตัวเป็นแมวมองของบริษัทรับจัดงานอีเว้นต์ ซึ่งทราบชื่อคนร้ายต่อมาคือ นายภูริพัฒน์ กุลพาณิชย์ ได้โทรศัพท์มาชักชวนให้ไปทำงานอีเวนต์ด้วยกัน ซึ่งได้นัดพบกันที่ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขาวงศ์สว่าง เพื่อตกลงคุยเรื่องงาน ต่อมาในวันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา นายภูริพัฒน์ ได้โทรศัพท์เข้ามา น.ส.บี อีกครั้ง โดยอ้างว่า จะพาไปพบเพื่อนอีกคนที่เป็นเจ้าของบริษัทอีเว้นต์ที่รับจัดงาน น.ส.บี จึงหลงเชื่อจึงได้นัดหมายกับ นายภูริพัฒน์ ที่ถนนบรมราชชนนี ซึ่งเมื่อนายภูริพัฒน์มารับ น.ส.บี ขึ้นรถไปแล้วและขับรถมาถึงบริเวณภายในซอยไทรม้า 13/1 ในเขตจังหวัดนนทบุรี ซึ่งเป็นซอยเปลี่ยว นายภูริพัฒน์ได้ใช้กำลังเข้าลวนลาม น.ส.บี และเมื่อ น.ส.บี ผู้เสียหายขัดขืนต่อสู้ นายภูริพัฒน์ได้ทำท่าข่มขู่จะใช้อาวุธออกมาทำร้าย และกระชากกระเป๋าสะพายของผู้เสียหายโยนไปยังเบาะนั่งด้านหลัง ทำให้ น.ส.บี ฉวยจังหวะดังกล่าวเปิดประตูรถออกมาขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน โดยที่นายภูริพัฒน์ก็ขับรถหลบหนีออกไปอย่างรวดเร็ว
กระทั่ง ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.บางศรีเมือง สามารถติดตามจับกุมตัวนายภูริพัฒน์ผู้ต้องหาได้ที่ร้านนวดแผนโบราณในเขตอำเภอเมืองนนทบุรี พร้อมกับรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส สีดำ หมายเลขทะเบียน ฌภ 1411 กรุงเทพมหานคร ที่ใช้ก่อเหตุและทรัพย์สินของผู้เสียหายต่าง ๆ อีกหลายรายการ เช่น โทรศัพท์มือถือยี่ห้อแบล็คเบอรี่ 1 เครื่อง คอมพิวเตอร์พกพา ไอแพด 2 เครื่อง เงินสดจำนวน 1.2 หมื่นบาท จึงควบคุมตัวนายภูริพัฒน์มาทำการสอบสวนต่อ
เบื้องต้นนายภูริพัฒน์ ให้การรับสารภาพว่า เพิ่งพ้นโทษจากคดีชิงทรัพย์ในพื้นที่ของ สน.ดุสิต มาได้เพียง 3 ปี แต่ยังไม่มีงานทำ จึงเที่ยวตระเวนไปตามงานแสดงโชว์สินค้าต่าง ๆ เพื่อหาเหยื่อสาวหรือผู้เสียหายที่ทำงานเป็นพิธีกรแนะนำสินค้า จากนั้นก็จะออกอุบายเขียนเบอร์โทรศัพท์พร้อมกับอ้างตัวเป็นลูกหลานนักการเมือง นายทหาร นายตำรวจ เพื่อให้ดูน่าเชื่อถือ จากนั้นจะจ้างคนให้นำเบอร์โทรศัพท์ไปใครกับผู้เสียหาย หากผู้เสียหายรายใดหลงเชื่อโทรศัพท์กลับมา ก็จะพูดจาหว่านล้อม สร้างความน่าเชื่อถือและชักชวนให้มาทำงานอีเวนต์ด้วย จากนั้นจึงออกอุบายนัดพบผู้เสียหายแล้วพาไปอนาจารพร้อมกับชิงทรัพย์ จากนั้นจะนำทรัพย์สินที่ได้ไปขายต่อตามห้างสรพสินค้าเพื่อนำเงินมาใช้เที่ยวเตร่
นอกจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังตรวจค้นพบสมุดโน็ตของผู้ต้องหา ที่ใช้ในการติดต่อกับผู้เสียหายอีกหลายรายด้วย ซึ่งหากผู้เสียหายรายใดที่นายภูริพัฒน์สามารถหลอกเหยื่อออกมาชิงทรัพย์และอนาจารได้แล้วเสร็จ ก็จะกากบาททิ้งและเขียนคำว่าสำเร็จไว้ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะใช้เป็นพยานในการดำเนินคดีกับผู้ต้องหารายนี้ต่อไป นอกจากนี้นายภูริพัฒน์ยังมีหมายจับในคดีชิงทรัพย์ในพื้นที่ของ สน.โชคชัย ร่วมอยู่ด้วย โดยระหว่างทำแผนประกอบคำรับสารภาพมีผู้เสียหายอีก 3 ราย เข้าทำการชี้ตัวนายภูริพัฒน์ โดยหนึ่งสามผู้เสียหายได้ฉวยจังหวะตบหน้านายภูริพัฒน์ระหว่างทำแผนชี้ตัวด้วยความโมโห ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงต้องกันตัวนายภูริพัฒน์นำกลับไปควบคุมตัวที่ สภ.บางศรีเมือง เพื่อรอให้ผู้เสียหายอีกรายหลายเดินทางมาชี้ตัวดำเนินคดีกับผู้ต้องหารายนี้อีกเป็นจำนวนมาก



