
รักสามเส้าไทย-สหรัฐ-จีนระวังตัวให้ดี
รักสามเส้าไทย-สหรัฐ-จีน ระวังตัวให้ดี: โลกสาระ โดยกวี จงกิจถาวร [email protected]
พันธมิตรไทย-สหรัฐอเมริกาเก่าแก่ แต่ถูกมองว่าไม่ค่อยมีน้ำยา เพราะหลังสงครามเวียดนามและสงครามเวียดนาม ทั้งสองประเทศไม่มีปัญหาภัยคุกคามไม่ต้องกังวลร่วมกันแบบสมัยก่อน ในขณะที่พื้นที่อื่นๆ ยังคงเครียดเหมือนเดิมเช่นในคาบสมุทรเกาหลี ทำให้พันธมิตรสหรัฐอเมริกากับญี่ปุ่น เกาหลีและออสเตรเลียยังแนบแน่น และเหนียวแน่น ยิ่งวันยิ่งดีขึ้น
ขณะนี้สหรัฐอเมริกาได้หันเหความสนใจในการวางยุทธศาสตร์เพื่อต้านการขยายอิทธิพลจีนในอนาคต โดยการเสริมสร้างพันธมิตรให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น สำหรับกรณีประเทศไทย มันเป็นประเด็นพิเศษ ต้องมีการพูดคุยนอกกรอบกับสหรัฐ จึงไม่แปลกที่มีอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตรเข้ามาเกี่ยวข้อง
วิเคราะห์ลึกๆ จะพบว่านโยบายเพิ่มพูนความร่วมมือด้านความมั่นคงกับสหรัฐอเมริกาของรัฐบาลชุดนี้เดินตามรอยนโยบายของพี่ชายในช่วงบริหารบ้านเมืองอยู่
ซึ่งเป็นยุครัฐบาลไทยให้การสนับสนุนนโยบายการต่อต้านผู้ก่อการร้ายของสหรัฐอเมริกาอย่างเต็มที่ รวมทั้งการจับตัวฮัมบาลี หัวหน้าใหญ่ประจำเอเชียอาคเนย์ของกลุ่มอัล-ไกดา ตอนนั้นรัฐบาลใจป้ำมากถึงกับส่งทหารไทยไปช่วยรักษาสันติภาพกับกองกำลังนานาชาติในเมืองคาร์บาราทางใต้ของประเทศอิรัก แต่อยู่ได้ไม่นาน ทหารไทยถูกสะเก็ดระเบิดตายสองนาย ทำให้รัฐบาลไทยเกิดอาการฝ่อขึ้นมา หลังจากนั้นไม่นานรัฐบาลตัดสินใจไม่ส่งทหารไทยไปร่วมในรอบที่สอง
ในช่วงสอง-สามอาทิตย์ที่ผ่านมา ทั้งไทย-สหรัฐอเมริกาพูดจาภาษาเดียวกันทางด้านยุทธศาสตร์และความมั่นคง ทำให้โอกาสรื้อฟื้นพันธมิตรไทย-สหรัฐอเมริกาดีมากๆ หลังเพิกเฉยมาเป็นเวลานาน ประเด็นที่น่าสนใจคือสหรัฐอเมริกาอยากเข้ามาใช้ฐานทัพเรือที่อู่ตะเภา เพื่อใช้เป็นศูนย์กลางการให้ความช่วยเหลือมนุษยธรรมและภัยธรรมชาติ และประโยชน์อย่างอื่นๆ เชื่อมโยงกับความร่วมมือด้านความมั่นคง
ไทยคงตื่นเต้นที่เห็นประเทศฟิลิปปินส์ อีกพันธมิตรหนึ่งในอาเซียนที่สามารถปลุกสร้างความสัมพันธ์ทางด้านความมั่นคงให้สหรัฐอเมริกาเข้ามามีบทบาททางทหารได้อีก เนื่องจากในอดีตคนฟิลิปปินส์ได้ขับไล่ไสส่งทหารอเมริกันและฐานทัพออกไปหมด ตอนนี้ฟิลิปปินส์มีท่าทีจะเชื้อเชิญทหารอเมริกาเข้ามาใช้ฐานทัพในประเทศอีกครั้ง แต่ต้องผ่านการเจรจาและรับรองเป็นครั้งๆ ไป
มันชัดเจนว่าทำไมฟิลิปปินส์จึงดึงสหรัฐอเมริกาเข้ามา เห็นอย่างตำตาว่า จีนเป็นภัยคุกคามยิ่งใหญ่ในภูมิภาค ไม่ใช่เฉพาะแต่เรื่องข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ สำหรับฟิลิปปินส์แล้ว จีนกลายเป็นมหาภัยคุกคามอันดับหนึ่งในเอเชียและอาเซียน ฉะนั้นต้องหาวิธีขีดวงจำกัดอิทธิพลจีน ประเทศเดียวทำไม่ได้
เรื่องหนึ่งรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องให้ความสนใจมากๆ คือจีนไม่ได้เป็นศัตรูกับไทย ฉะนั้นเราไม่จำเป็นทำให้จีนเป็นศัตรูแบบเดียวกับที่ฟิลิปปินส์กำลังเล่นเกมนี้อยู่ เพื่อปลุกผีการแพร่อำนาจและอิทธิพลจีนขึ้นมา เรียกร้องให้สหรัฐอเมริกาเข้าช่วยมีบทบาท แบบที่ฟิลิปปินส์กำลังทำอยู่
ตั้งแต่นี้ต่อไปนโยบายต่างประเทศและความมั่นคงของไทยต่อมหาอำนาจทั้งสองนี้ไม่สามารถดำเนินแบบในอดีตได้ต่อไปคือท่าทีคลุมเครือ ชักเข้าชักออก ไม่ยอมมีจุดยืน จนกระทั่งถึงนาทีสุดท้าย คนไทยมักจะตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมนานาประเทศตอนนี้จึงเข้าหาและหลงเสน่ห์ประเทศพม่ามากๆ ต่างจากอดีตที่ทั้งเกลียดทั้งชัง ทั้งนี้เป็นเพราะว่าผู้นำทหารพม่าพูดจริงทำจริง ตามที่ได้สัญญากันเอาไว้ไม่เคยทดถอย ต้องยอมรับว่ารัฐบาลประธานาธิบดีเต็ง เส่ง ฉลาดรู้ว่าจะกดปุ่มไหนแล้วคนและประชาคมโลกจะสนใจ
การขอใช้อู่ตะเภาของทหารสหรัฐอเมริกายังต้องมีการบ้านทำอีกเยอะ เนื่องจากฝ่ายไทยจะเป็นผู้เสนอร่างและกฎพร้อมเงื่อนไขต่างๆ ของการใช้ฐานทัพเหล่านี้ในอนาคต ต้องติดตามดูว่ามันจะลงเอยแบบไหนและมีความโปร่งใสมากน้อยแค่ไหน ส่วนเรื่องศูนย์ติดตามประเมินภูมิอากาศขององค์การนาซานั้น เป็นเรื่องขององค์เอกชนไม่เกี่ยวกับกระทรวงกลาโหม แต่บังเอิญรัฐบาลยิ่งลักษณ์ไม่ได้อธิบายเรื่องนี้ชัดเจน อยู่ดีๆ เรื่องนี้ก็โผล่ขึ้นมา ทำให้เกิดความงงงวยและสงสัยขึ้นมาทันทีว่า โปรเจกท์นี้มันคืออะไรกันแน่
ไทยต้องไม่ลืมว่าเราเป็นพันธมิตรกับสหรัฐอเมริกามีข้อผูกมัดในกรอบต่างๆ ถ้าเราไม่ชอบหรือรู้สึกไม่ดีก็ควรบอกเลิกว่าไม่เอาแล้ว ถ้ายังคิดว่าพันธมิตรนี้หายากและมีประโยชน์และทรงคุณค่า ไทยจำเป็นต้องแสดงท่าทีชัดเจนออกมาสนับสนุน
ส่วนสัมพันธ์ไทย-จีนมันลึกซึ้งกว่าคนทั่วไปคิดและรับรู้กัน เรามีข้อจำกัดอะไร มีความสามารถทำอะไรเกี่ยวกับสัมพันธ์สามเส้าไทย-สหรัฐอเมริกา-จีน ต้องมีความชัดเจน สิ่งเลวร้ายที่สุดในการเมืองการทูตระหว่างประเทศคือการไร้ขีดความสามารถในการหยั่งรู้ท่าทีของแต่ละประเทศได้ ทำให้การกำหนดและวางนโยบายการทูตการต่างประเทศลำบากหรือเป็นไปไม่ได้
ไทยเราอยู่บนจุดศูนย์รวมของการแข่งขันของเหล่ามหาอำนาจทั้งใหญ่เล็กทั้งหลาย ถ้าเรารู้เกมและเล่นเกมนี้ได้ดีล่ะก็ เราจะสามารถรักษาผลประโยชน์แห่งชาติได้เต็มร้อย