
พลับพลาที่ประทับประวัติศาสตร์37ปี
ชาวเมืองขุนแผน สำนึกพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ สร้างพลับพลาที่ประทับ ประวัติศาสตร์ทรงคุณค่า ที่ทรงงานแก้ปัญหาความยากจนภัยแล้งน้ำท่วม เมื่อคราวเสด็จมาเมื่อ 37 ปีที่แล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 55 นายวิศรุต อินแหยม ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานสุพรรณบุรี เปิดเผยว่า ชาวจังหวัดสุพรรณบุรี มีความสำนึกคุณแผ่นดินในองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่พระองค์ทรงมีต่อพสกนิกรปวงชนชาวไทยอย่างหาที่เปรียบมิได้ เมื่อครั้งในวันที่ 25 กรกฎาคม 2518 หรือ เมื่อประมาณ 37 ปีที่ผ่านมา พระองค์ พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ ได้เสด็จมามอบธงให้กับลูกเสือชาวบ้านในเขตอำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี และได้เสด็จมาประทับ ณ พลับพลา ที่สร้างขึ้นชั่วคราว ณ บริเวณเหนือเขื่อนกระเสียว อ.ด่านช้าง ในปัจจุบัน เพื่อทรงงานการบริหารจัดการน้ำแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและภัยแล้งซ้ำซาก ให้กับพื้นที่อำเภอสามชุก ดอนเจดีย์ อู่ทอง สองพี่น้อง และบางปลาม้า ตลอดจนเขตติดต่อของอำเภอกำแพงแสน บางเลน นครชัยศรี และสามพราน ของจังหวัดนครปฐม ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้พสกนิกรของพระองค์ยากจน ทุกข์ยากทำการเกษตรไม่ได้ผล วันนั้นพระองค์ได้ทรงงานการแก้ปัญหาความยากจนของพสกนิกรจากภัยแล้ง ภัยน้ำท่วม ตั้งแต่เวลาบ่ายสามโมงจนถึงหกโมงเย็นของวันดังกล่าว ช่วงระยะเวลาสามชั่วโมงเต็มแห่งประวัติศาสตร์อันทรงคุณค่าดังกล่าวนั้น นับว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณต่อพสกนิกรชาวไทยยิ่งนัก
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานสุพรรณบุรี ขอเป็นสะพานบุญนำทุก ๆ ท่าน ไปถวิลหาอดีตความทรงจำประวัติศาสตร์อันทรงคุณค่า และสัมผัสกับบรรยากาศธรรมชาติพื้นน้ำเหนือเขื่อนกระเสียว ไปลิ้มชิมลองอาหารพร้อมความอุดมสมบูรณ์ของปลานิลล้นจาน ปลาม้า กุ้งแม่น้ำ นั่งเรือชมพระอาทิตย์ลับเหลี่ยมเขากลางอ่างเก็บน้ำเขื่อนกระเสียว ไปสัมผัสหาดทรายทะเลน้ำจืดบริเวณเหนือเขื่อนคันดินที่ยาวที่สุดในประเทศไทย เป็นมนต์เสน่ห์แห่งประวัติศาสตร์อันทรงคุณค่าแก่การจดจำกับพลับพลาที่ประทับขององค์ในหลวง เติมเต็มกับรูปแบบการท่องเที่ยวหัวใจใหม่เมืองไทยยั่งยืน สงบสุขร่มเย็นภายใต้ร่มพระบารมี
ด้านนายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ ผวจ.สุพรรณบุรี เปิดเผยว่า อดีตเมื่อสามสิบเจ็ดปีที่แล้ว พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ลาดเอียงเก็บกักน้ำไม่อยู่ ช่วงฤดูฝนน้ำท่วมสูงไหลหลากอย่างรวดเร็ว ช่วงฤดูแล้งก็แห้งแล้งขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคทำการเกษตรไม่ได้ ส่งผลให้พสกนิกรของพระองค์ในพื้นที่ดังกล่าวทุกข์ยาก ยากจน เพราะขาดการบริหารจัดการน้ำที่ดีมีประสิทธิภาพ แต่ด้วยพระอัจฉริยภาพของพระองค์ที่ทรงรอบรู้ภูมิประเทศไทยทุกตารางนิ้ว พระองค์ทรงมีพระราชดำริการแก้ไขปัญหาความยากจนของพสกนิกรกับปัญหาพื้นที่ภัยแล้ง ภัยน้ำท่วมซ้ำซาก ในเขตพื้นที่ดังกล่าวข้างต้น พระองค์ทรงมีพระราชดำริแนวทางการบริหารจัดการน้ำ โดยการสร้างเขื่อนคันดินที่ยาวที่สุดในประเทศไทย เพื่อควบคุมการระบายน้ำให้เป็นระบบในช่วงฤดูฝนแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและภัยแล้งในพื้นที่ดังกล่าว ทรงให้ปล่อยพันธุ์ปลาเป็นแหล่งอาหารอันอุดมสมบูรณ์ให้กับพสกนิกร ทรงชี้แนวทางในอนาคตกับสถานที่กักเก็บน้ำแห่งนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีประวัติศาสตร์อันทรงคุณค่าแก่พสกนิกรปวงชนชาวไทย
จากแนวพระราชดำริดังกล่าว ฯพณฯ บรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี ได้น้อมรับพระราชดำริการสร้างเขื่อนกระเสียวซึ่งถือเป็นเขื่อนคันดินที่ยาวที่สุดในประเทศไทย และสร้างแล้วเสร็จเมื่อปี 2523 เป็นพื้นที่แก้มลิงเก็บกักน้ำใช้ได้ 28,750 ไร่ กักเก็บน้ำได้สูงถึง 240 ล้านลูกบาศก์เมตร สามารถแก้ไขปัญหาความยากจนของพสกนิกรได้อย่างสมบูรณ์แบบส่งผลให้พสกนิกรของพระองค์โดยเฉพาะชาวอำเภอด่านช้างและพื้นที่ใกล้เคียงดังกล่าวข้างต้นอยู่เย็นเป็นสุขภายใต้ร่มพระบารมีของพระองค์ตราบเท่าทุกวันนี้
นายสมศักย์ กล่าวต่อว่า ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ หน่วยงานภาครัฐ/เอกชน ชาวอำเภอด่านช้าง และจังหวัดสุพรรณบุรี จึงได้ร่วมแรงร่วมใจกันบริจาคทรัพย์สมทบทุนสร้างพลับพลาที่ประทับของพระองค์ในบริเวณประวัติศาสตร์อันทรงคุณค่าดังกล่าว เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์มีต่อ พสกนิกรชาวไทย คาดว่าการก่อสร้างพลับพลาที่ประทับดังกล่าวจะแล้วเสร็จในวันที่ 5 ธันวาคม 2555 นี้ นับเป็นพลับพลาที่ประทับอันทรงคุณค่าและเปี่ยมด้วยพระอัจฉริยภาพ ปัจจุบันจัดเป็นจุดถ่ายภาพ รับ - ส่ง ตะวันที่งดงามที่สุดของเขื่อนคันดินแห่งนี้ อีกทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่ทรงคุณค่าควรแก่การจดจำเพื่อสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์มีต่อพสกนิกรชาวไทย



