ข่าว

ตร.โคราชพบหลักฐานเด็ดโกงสอบอื้อ

ตร.โคราชพบหลักฐานเด็ดโกงสอบอื้อ

16 มิ.ย. 2555

ขยายผล 'ครูเตือนใจ' กุญแจในคดีทุจริตสอบเข้าตำรวจ เจอหลักฐานเด็ด พัวพันโกงสอบข้าราชการอื้อ พบสอบนายร้อยตำรวจ 2 รอบ ส่ง 73 คน ผ่านทั้งหมด ได้ผู้ร่วมขบวนการเพิ่มอีก 1 เป็นพนักงานราชการ กรมพลาธิการ กองทัพอากาศ ส่วน 21 ราย ที่ถูกจับกุมก่อนหน้านี้ให้การรับม

                16 มิ.ย.55 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจภูธรภาค 3 ได้เร่งสืบสวนขยายผลการจับกุมขบวนการทุจริตสอบนายสิบตำรวจอย่างต่อเนื่อง หลังจับกุมผู้ต้องหารวม 6 คน นำโดยนางเตือนใจ พงษ์พันธ์ อายุ 45 ปี ครูโรงเรียนอนุบาลใน จ.ศรีสะเกษ หัวหน้าขบวนการ พร้อมกับยึดเงินสดกว่า 10.9 ล้านบาท พร้อมกับนายดาชัย อุชุโกศลการ อายุ 42 ปี ผู้สมัคร นายก อบจ.ลำปาง แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง รวมทั้งออกหมายจับ นายวิบูลย์ศักดิ์ แสนจักร อายุ 29 ปี  คนสนิทนายดาชัย และนายโต ไม่ทราบชื่อจริงและนามสกุล นายหน้าผู้ติดต่อหาเหยื่อผู้สมัครสอบตำรวจ

                 ล่าสุด ทีมชุดสืบสวนของ สภ.เมืองนครราชสีมา นำโดย พ.ต.ท.ภูมิ ทองโพธิ์ สารวัตรสืบสวนสอบสวน ซึ่งเป็นชุดหลักในการคลี่คลายคดี  พบหลักฐานสำคัญเป็นสมุดบันทึก 3 เล่ม ของนางเตือนใจ พร้อมสมุดบัญชีธนาคาร 6 เล่ม และโทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง ที่ยึดมาจากบ้านพักของนางเตือนใจที่ จ.ศรีสะเกษ เมื่อตรวจสอบดูหลักฐานพบว่า ในสมุดบัญชีธนาคารมีเงินสะพัดรวมกว่า 10 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการโอนเงินเข้าบัญชีตั้งแต่ครั้งละ 50,000 บาท และ 100,000 บาท จำนวนกว่า 30 ครั้ง โดยทางชุดสืบสวนเชื่อว่าอาจจะเป็นการโอนเงินชำระค่าตอบแทนจากผู้สมัครสอบ นอกจากนนี้ในสมุดบันทึก 3 เล่ม พบข้อมูลสำคัญโดยมีการระบุรายชื่อของผู้สมัครสอบ พร้อมเลขบัตรประจำตัวประชาชน รายละเอียดการชำระเงิน  สถานที่สอบ ซึ่งมีรายการบันทึกมากกว่า 100 รายการ

                 ขณะเดียวกัน ยังมีรายการบันทึกการสอบบรรจุข้าราชการอีกหลายประเภท ทั้งการสอบ ก.พ. การสอบบรรจุตำรวจชั้นประทวนที่รับผู้จบปริญญาตรีบรรจุเข้าเป็นตำรวจชั้นประทวน เมื่อปี 2552 มีการจัดส่งผู้สอบทั้ง 53 คน และปี 2554 ส่งผู้สอบอีก 20 คน มีค่าใช้จ่ายคนละ 300,000-500,000 บาท และทุกคนสามารถสอบได้ทั้งหมด หรือมีผลงาน 100% เต็ม นอกจากนี้ยังมีรายชื่อของนางสาวคนหนึ่ง ที่ระบุการสอบปลัดอำเภอ ที่จ่ายเงินไปแล้ว 300,000 บาท แต่ยังค้างเงินอีก 170,000 บาท และรายชื่อของผู้สอบผ่านการสอบนักเรียนนายร้อยอีก 1 คน ล่าสุดก็มีรายชื่อการสอบบรรจุนายสิบตำรวจรอบนี้ จำนวน 34 คน แต่ถูกจับได้เสียก่อน ดังนั้นทางชุดสืบสวนจึงคาดว่าหลักฐานต่างๆ ที่พบในครั้งนี้น่าจะทำให้สามารถติดตามหาตัวคนร้ายที่อยู่เบื้องหลังมาได้ในเร็ววันนี้

สอบเข้านายสิบตำรวจ  21 ราย ที่ถูกจับกุมยังให้การตรงกัน

                  พ.ต.อ วชิรวิชญ์ กฤษณ์ฤทธิศักย์ รอง ผบก.ภ.จ.นครราชสีมา  เปิดเผยว่า  ในการคลี่คลายคดีจับกุมขบวนการทุจริตสอบนายสิบตำรวจ พื้นที่สำนักงานตำรวจภูธรภาค 3 นครราชสีมา  ชุดจับกุม โดย พ.ต.ท อนันต์ พิมพ์เจริญ รอง ผกก.สส.สภ.เมือง อ.เมือง นครราชสีมา พร้อมกำลังได้จับกุมตัว นายชัชวาลย์ สอนชัยภูมิ อายุ 28 ปี  ภูมิลำเนา อ .เมือง ชัยภูมิ พนักงานราชการ กรมพลาธิการ กองทัพอากาศ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครราชสีมา เลขที่ 180/2555 ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์

                  ส่วนกำลังอีกชุด ได้เดินทางไปเขต อ.เมือง ลพบุรี ภูมิลำเนาของ พันจ่าอากาศเอกสามารถ ออกช่อ นายทหารสังกัดกรมพลาธิการ กองทัพอากาศ นางสาวนิภาภรณ์ ใจบุญ อายุ 26 ปี   และ นางจุฬาลักษณ์ ศรีพรมมาศ อายุ 30 ปี    ทั้งคู่มีภูมิลำเนา  อ.เมือง จ.ลพบุรี เพื่อแจ้งให้มารับทราบข้อกล่าวหาร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ และ มี และใช้ เครื่องวิทยุคมนาคม โดยไม่ได้รับอนุญาต ต่อมา พนักงานสอบสวน ได้แยกสอบผู้ต้องหาที่ถูกหมายจับ และ ในส่วนที่มารับทราบข้อกล่าวหา

                  จากการสอบสวนผู้ที่ทุจริตการสอบ จำนวน 21 ราย โดยพบอุปกรณ์ไอทีในร่างกาย ก่อนจะเข้าห้องสอบ ได้ซัดทอดถึงนายชัชวาลย์  ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับ โดยระบุเป็นผู้ที่ชักชวนให้ทุจริตการสอบ ซึ่งมีการตกลง เริ่มจากค่าติวเตอร์ 12,000 บาท หากมีชื่ออยู่ในบัญชีผู้สอบได้ ก็จะชำระเงินในส่วนที่เหลือให้ครบตามจำนวน 300,000 บาท เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพ

                  อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ ชุดสืบสวนได้พยายามแกะรอยตามเส้นทางการติดต่อสื่อสารของขบวนการ ยังไม่พบข้อสอบที่หลุดออกมาแต่อย่างใด จึงน่าเชื่อการทุจริตครั้งนี้เป็นการตกเบ็ด โดยใช้อุปกรณ์ไอที มาเป็นส่วนสำคัญ เพื่อทำให้แนบเนียนขึ้น

                  นางจุฬาลักษณ์  ผู้ถูกกล่าวหา เปิดเผยว่า รู้จักกับขบวนการทุจริต ในขณะที่กำลังไปหาซื้อเอกสาร เกี่ยวข้องกับการติวเตอร์สอบนายสิบตำรวจ ที่บริเวณหน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหง หัวหมาก กับนางนิภาภรณ์  โดยทั้งสองได้สมัครสอบ ในตำแหน่งธุรการ สนามสอบ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้มี  นายชัชวาลย์  ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับ มาบอกว่า มีวิธีช่วยให้ประสบผลสำเร็จ โดยไม่ต้องอ่านหนังสือสอบ เพียงแต่หาเหยื่อให้ตามที่ตกลงไว้ จากนั้นได้มีการแลกหมายเลขโทรศัพท์มือถือ ต่อมา ได้หาเหยื่อซึ่งเป็นคนในละแวกบ้านเดียวกัน คือในเขตจังหวัดลพบุรี โดยได้มาทั้ง 7 คน ซึ่งตน และเพื่อน ก็ได้รับมอบอุปกรณ์ไอที พร้อมมีการแนะนำวิธีการใช้ จนกระทั่งทราบข่าว จึงเดินทางมาพบพนักงานสอบสวน

 

 

แบ่งเขตรับผิดชอบ-ขยายวัน คาด 3 เดือนจัดสอบ"นายตำรวจ"ใหม่

                   พล.ต.ท.เรืองศักดิ์ จริตเอก ผู้บัญชาการศึกษา(ผบช.ศ.) กล่าวถึงการทุจริตสอบนายตำรวจทั่วประเทศจำนวน 10,000 อัตรา และสามารถจับกุมขบวนการทุจริตได้จำนวนมาก ซึ่งทางกองบัญชาการศึกษากำลังหารือ และจัดการสอบใหม่ทั้งหมด เพื่อป้องกันการทุจริตของขบวนการดังกล่าว โดยคาดว่าจะใช้เวลาภายใน 2-3 เดือน จะทำการจัดสอบใหม่ได้ และวิธีการอาจมีการเปลี่ยนแปลง โดยขณะนี้แบ่งเขตความรับผิดชอบเป็น 14 เขต เพื่อให้รวดเร็วต่อการบังคับบัญชาและตรวจสอบ ซึ่งอาจจะทำการจัดสอบมากกว่า 1 วัน เพื่อให้ผู้สอบกว่า 280,000 คน ได้ทยอยเดินทางมาสอบ และยังสามารถป้องกันการทุจริตได้อีกทางหนึ่ง

                 "บุคลากรของกองบัญชาการศึกษาไม่ได้เกี่ยวข้องกับขบวนการโกงสอบครั้งนี้อย่างแน่นอน ขณะที่เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (กพ.) กังวลว่าจะมีการสอบบรรจุข้าราชการครั้งใหญ่ในเร็วๆ นี้ ขบวนการโกงการสอบจะเข้ามาสอดแทรกในการสอบจึงหารือกับกองบัญชาการศึกษาเพื่อหาทางป้องกัน" พล.ต.ท.เรืองศักดิ์ กล่าว

 

 

กมธ.ตำรวจ  พร้อมเรียกสอบทุจริตสอบตร.ปลายเดือนนี้

                นายสมชาย โล่สถาพรพิพิธ ประธานคณะกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร สส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์  กล่าวว่า   การที่ตำรวจภูธรภาค 3 จับกุมขบวนการการทุจริตข้อสอบเข้ารับราชการตำรวจยศนายสิบ เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมา และมีการจับกุมผู้ต้องหารวม 6 รายว่า พฤติกรรมดังกล่าวเคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อ 2553 ที่มีการเปิดให้ตำรวจชั้นประทวนสอบเป็นชั้นสัญญาบัตร ซึ่งผู้ทุจริตการสอบมีการทำกันเป็นขบวนการ โดยใช้เครื่องมืออิเลคทรอนิกส์ซ่อนในร่างกายผู้สอบ และการให้บุคคลอื่นเข้าไปสอบแทน และมีการเรียกเงินจากผู้เข้าสอบรายละ 400,000 บาท ซึ่งขบวนการทุจริตเหล่านี้ได้ถูกจับกุมไปแล้วก่อนหน้านี้

               ทั้งนี้ พฤติกรรมเช่นนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นอีก หากทางตำรวจและผู้เกี่ยวข้องมีมาตรการป้องกันที่ดีกว่านี้ แต่กระบวนการที่ใช้ป้องกันขณะนี้ยังไม่ดีพอ ยังคงมีการทุจริตเกิดขึ้น เพราะมีเรื่องผลประโยชน์จำนวนมากเข้ามาเกี่ยวข้อง หากเข้มงวดถึงที่สุดแล้ว เชื่อว่า จะสามารถป้องกันการทุจริตได้ ทั้งนี้ทางกรรมาธิการตำรวจในสภาผู้แทนราษฎร จะมีการเรียกผู้บัญชาการตำรวจภูธรพื้นที่ที่มีการทุจริตและผู้ที่รับผิดชอบในการสอบ มาสอบสวนภายในปลายเดือนมิ.ย.นี้ รวมทั้งเรียกผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มาสอบถามแนวทางและมาตรการในการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก

               "เชื่อว่าขบวนการทุจริตครั้งนี้มีข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย เพราะมีการจับกุมได้เงินสด 10 ล้านบาท  มูลค่าการทุจริตครั้งนี้น่าจะมีถึง 100 ล้านบาท หากสอบสวนพบว่ามาส่วนเกี่ยวข้อง ก็ต้องดำเนินการอย่างเฉียบขาด เพื่อไม่ให้เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีแก่บุคคลอื่น ซึ่งเรื่องดังกล่าวทาง กมธ.จะสอบสวนให้ถึงที่สุด เพราะหากมีการทุจริตเข้าไปสู่ตำแหน่งแล้ว ต่อไปกระบวนการของตำรวจ ซึ่งเป็นต้นทางของกระบวนการยุติธรรมก็จะมีปัญหาได้ในอนาคต  สำหรับการยกเลิกผลการสอบในครั้งนี้ เชื่อว่า จะส่งผลกระทบต่อผู้เข้าสอบรายอื่นที่ไม่ได้ทุจริตอย่างแน่นอน และที่สำคัญจะกระทบต่อวงการตำรวจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่โทษใครไม่ได้อีกเช่นกัน เพราะฉะนั้นผู้ที่ดำเนินการสอบต้องหามาตรการป้องกันให้ดีที่สุด"  นายสมชาย  กล่าว