ข่าว

'นิวัฒน์ธำรง'รับสนใจงานสื่อ

'นิวัฒน์ธำรง'รับสนใจงานสื่อ

15 มิ.ย. 2555

'นิวัฒน์ธำรง'ปรับครม.เป็นเรื่องธรรมชาติ ยอมรับสนใจงานด้านสื่อ โวผลงานชัด ด้าน'แกนนำภูมิใจไทย' ยัน 'สมศักดิ์' ไม่ย้ายพรรคปรับครม.

                   15 มิ.ย.55 นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการเจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยแลนด์ ทางสปริงนิวส์ ถึงการปรับ ครม.ว่า เวลาส่วนใหญ่ที่มาร่วมในการทำงานก็ดูเรื่องงานเป็นหลัก เรื่องปรับครม.ไม่ทราบจริงๆ ซึ่งแล้วแต่ความพร้อมของหลายๆ อย่างและอยู่ที่นายกรัฐมนตรีว่าจะปรับอย่างไร ส่วนที่ถูกวางตัวให้ดูงานด้านสื่อของรัฐนั้น ตนก็สนใจ ซึ่งการปรับครม.เป็นเรื่องธรรมชาติเมื่อถึงเหตุการณ์สมควรก็ปรับได้เพื่อประโยชน์ในการทำงานและบริหารราชการแผ่นดิน หากจะมีการปรับครม. วาระสำคัญจะเป็นเรื่องอะไรนั้น ตนยังมองเรื่องการงานเป็นหลัก หากทำงานมีประสิทธิภาพผลงานชัด เมื่อมีการเลือกตั้งประชาชนก็จะเห็นผลงานและสนับสนุน หากบางกระทรวงผลงานไม่ชัดก็จะกระทบต่อรัฐบาล ซึ่งนายกรัฐมนตรีไม่ได้รับผิดชอบโดยตรงก็จะได้รับผลกระทบบ้าง อย่างไรก็ตาม ตนคงไม่บินไปฮ่องกงเพราะไม่มีวาระ จะมีก็ไปอาเซียนประชุมลุ่มน้ำโขงกับจีน

                   ส่วนเรื่องแท็บเล็ตนั้น ก็ไปช่วยบ้าง เพราะตนดูแลหลายสำนักที่ทำหน้าที่สนับสนุน เช่น สปน. สลค. ส่วนที่ว่าแท็บเล็ตไม่ผ่านสเปค จอสัมผัสไม่สไลด์นั้น เท่าที่รีวิวก็ไม่มีปัญหา จริงๆ ช่วงแรกจะเป็นเรื่องระเบียบ จีทูจี เทคโนโลยี บทเรียน

 

 

'อนุทิน' ยัน 'สมศักดิ์' ไม่ย้ายพรรคปรับครม.

                  นายอนุทิน ชาญวีรกูล แกนนำพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า เรื่องการปรับคณะรัฐมนตรีนั้น ยังไม่มีการติดต่อและพูดคุยมาจากฝ่ายรัฐบาล และคิดว่าไม่มีแน่นอน เนื่องจากคิดว่าฝั่งรัฐบาลคงมีการแย่งเก้าอี้กันมาก และส่วนตัวยังไม่คิดถึงเรื่องดังกล่าว เนื่องจากทางพรรคยังคงสถานะฝ่ายค้านอยู่ ส่วนเรื่องกระแสข่าวของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำพรรคภูมิใจไทย จะไปอยู่พรรคเพื่อไทย นั้น ก็เป็นเพียงกระแสข่าว และมีมานานตั้งแต่เลือกตั้งแล้ว พร้อมมองว่าการย้ายพรรคนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ

                 "เราก็เป็นฝ่ายค้าน การร่วมกับฝ่ายรัฐบาลเป็นเรื่องใหญ่ ไม่ใช่คิดจะร่วมก็ร่วม มันยังมีอะไรอีกเยอะแยะ และยังไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้"  นายอนุทิน กล่าว

                   ส่วนที่หลายฝ่ายเห็นว่า นายสมศักดิ์ มีความสนิทชิดเชื้อกับ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ นั้น มองว่า คงไม่มีความสนิทสนมกันมาก และคิดว่าทั้งสองคนคงยังไม่มีการพูดคุยกันถึงเรื่องการชักชวนเข้าสู่พรรคเพื่อไทย