ข่าว

40ปีคดีวอเตอร์เกท

40ปีคดีวอเตอร์เกท

13 มิ.ย. 2555

40ปีคดีวอเตอร์เกท : วันเว้นวันจันทร์ พุธ ศุกร์กับ ประภัสสร เสวิกุล

            ในเวลา 02.30 น. ของวันที่ 17 มิถุนายน ค.ศ. 1972 ได้มีการจับกุมคนร้าย จำนวน 5 คน ที่บุกรุกเข้าไปในสำนักงานใหญ่ของพรรคเดโมแครต ที่อาคารวอเตอร์เกท กรุงวอชิงตัน อีกสองวันต่อมา ทำเนียบขาวได้แถลงว่ามีการสร้างหลักฐานที่เกินความเป็นจริง ทั้งที่คดีนี้เป็นเพียงแค่คดีโจรกรรมธรรมดา
 
              อย่างไรก็ตาม จากการสอบสวนของเอฟบีไอ พบว่ามีการจ้างวานคนร้ายให้กระทำการดังกล่าว ผ่านทางกองทุนซึ่งเป็นการระดมเงินเพื่อสนับสนุนริชาร์ด นิกสัน ในการสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี สมัยที่สอง และที่สำคัญคือ ทีมงานของประธานาธิบดี และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐจำนวนมาก มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีนี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อโจรกรรมข้อมูลของพรรคเดโมแครต
 
              วุฒิสภาจึงได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อสอบสวนคดี ซึ่งทำให้ทราบว่าในห้องทำงานของประธานาธิบดีมีระบบบันทึกเสียง และมีการบันทึกการสนทนาเรื่องต่างๆ ไว้ ซึ่งหลายเรื่องแสดงให้เห็นว่านิกสันพยายามจะปกปิดการมีส่วนรู้เห็นกับเหตุโจรกรรมข้อมูลของพรรคเดโมแครต แต่ประธานาธิบดีนิกสันบ่ายเบี่ยงที่จะมอบเทปบันทึกเสียงให้แก่คณะกรรมการสอบสวน ขณะที่กระบวนการต่อสู้คดีดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง จนในที่สุดศาลฎีกาของสหรัฐ ก็มีคำสั่งให้ประธานาธิบดีมอบเทปทั้งหมดแก่พนักงานสอบสวนของรัฐ
 
              คดีวอเตอร์เกทได้สร้างประวัติศาสตร์ที่สำคัญแก่สหรัฐ นั่นคือ ในวันที่ 9 สิงหาคม 1974 ริชาร์ด นิกสัน ได้ประกาศลาออก ซึ่งนับเป็นประธานาธิบดีคนแรกที่ต้องลาออกจากตำแหน่ง ทั้งนี้ ก็ด้วยแรงกดดันของสังคม การถูกฟ้องร้องในสภาผู้แทนราษฎร และการที่วุฒิสภาจะใช้มาตรการถอดถอน
 
              อย่างไรก็ตาม สิ่งที่มีบทบาทสำคัญในการต่อสู้และผลักดันให้คดีนี้ดำเนินไปถึงที่สุด ก็คือสื่อมวลชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์, ไทม์ และนิวยอร์ก ไทม์ ที่ติดตามข่าวอย่างใกล้ชิด และผู้สื่อข่าวอย่างบ๊อบ วู้ดวาร์ด และคาร์ล เบิร์นสไตน์ แห่งวองชิงตัน โพสต์ ซึ่งเรื่องราวการทำงานของคนทั้งสองได้รับการถ่ายทอดเป็นภาพยนตร์เรื่อง “All the President’s Men” ในปี 1976 และได้รับรางวัลตุ๊กตาทองถึง 4 ตัว
 
              อีก 40 ปี บ๊อบ วู้ดวาร์ด และคาร์ล เบิร์นสไตน์ ได้ฟื้นความจำคดีวอเตอร์เกท และความเลวร้ายในสมัยนิกสัน ลงพิมพ์ในวอชิงตันโพสต์ ฉบับวันที่ 9 มิถุนายน 2012  โดยกล่าวว่า กรณีวอเตอร์เกท เป็นการย่ำยีหัวใจของประชาธิปไตย รัฐธรรมนูญ ระบบการเลือกตั้ง และกฎหมาย ยิ่งไปกว่านั้นตลอดระยะเวลา 5 ปีครึ่งในการบริหารประเทศ นิกสันยังมีพฤติการณ์เป็นปฏิปักษ์กับกลุ่มต่อต้านสงครามเวียดนาม นิวส์ มีเดีย ประชาธิปไตย กระบวนการยุติธรรม และประวัติศาสตร์ โดยทั้งคู่ให้รายละเอียดในแต่ละเรื่องไว้อย่างน่าสนใจ
 
              40 ปี อาจเป็นระยะเวลาที่นานพอสมควร แต่ก็ไม่นานพอที่จะทำให้คนอเมริกันลืมเลือนพฤติกรรมที่ไม่ถูกไม่ต้องของนักการเมืองได้ และถึงแม้ในปี 1974 ประธานาธิบดีเจอร์รัลด์ ฟอร์ด จะได้นิรโทษกรรมให้แก่นิกสันแล้วก็ตาม แต่สิ่งที่นิกสันได้กระทำหรือมีส่วนเกี่ยวข้องนั้น ก็ไม่ได้ลบเลือนไปจากจิตใจและความทรงจำของผู้คนแม้แต่น้อย
 
              และนิรโทษกรรม ย่อมไม่ใช่การล้างบาป โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคนผู้นั้นไม่มีความสำนึกในผิดบาปของตนเองเลยสักนิดเดียว