
ช็อก!'บัวขาว'ประกาศแขวนนวม
บัวขาว ป.ประมุข ช็อกแฟนมวย ประกาศเลิกชกมวยอย่างเป็นทางการ หลังถกกับต้นสังกัดไม่ลงตัว โดยเฉพาะประเด็นเรื่องการรับงานและส่วนแบ่งในการโชว์ตัว เจ้าตัวเผยตัดสินใจมานานแล้ว แต่จะยังคงอยู่ในวงการมวยต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 31 พ.ค. 55 ความคืบหน้าของความขัดแย้งระหว่าง "บัวขาว ป.ประมุข" นักชกไทยไฟท์ชื่อดัง กับต้นสังกัด ค่าย ป.ประมุข ซึ่งยังเคลียร์กันไม่ลงตัวนั้น ล่าสุดที่อาคารชั้น 7 การกีฬาแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกีฬามวยการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ได้เรียกคู่กรณีนี้มาคุยอีกครั้ง หลังมีการเจรจามาแล้วหนหนึ่งเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม แต่ไม่สามารถหาข้อยุติได้ โดยมีนายสมชาติ เจริญวัชรวิทย์ นายกสมาคมมวยอาชีพเป็นประธาน ร่วมกับนายสกล วรรณพงษ์ รองผู้ว่าการ กกท. และนายเดช ใจกล้า ผอ.สำนักงานคณะกรรมการกีฬามวย โดยมีสื่อมวลชนมาทำข่าวเป็นจำนวนมาก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประธานในที่ประชุมได้มอบหมายให้นายเดช ใจกล้า เป็นผู้กล่าวนำในการไกล่เกลี่ยต่อจากครั้งก่อน โดยนายเดชขอความร่วมมือให้สื่อมวลชนออกไปรอด้านนอกที่ประชุม เพราะต้องการจะประชุมกันอย่างลับๆ แต่ "กำนันแก๊" ประมุข โรจนตัณฑ์ ของฝั่ง ป.ประมุขกล่าวแย้งว่า เพื่อความโปร่งใสและความชัดเจน อยากให้สื่อได้รับฟังด้วยเพื่อจะได้รับรู้เรื่องราวข่าวสารและข้อเท็จจริง ซึ่งเรื่องดังกล่าว นายสมชาติก็เห็นดีด้วย โดยให้เหตุผลว่า ถ้าสื่อมวลชนได้อยู่รับฟัง หรือมีข้อสงสัย จะซักถามและจบกันตรงนี้เลย
ก่อนที่จะพูดคุยกันนั้น วิวรรธน์ แสงสุริยะฉัตร ทนายของฝั่ง ป.ประมุข ได้กล่าวว่า ตามที่บัวขาวได้ร้องขอให้ถอนฟ้องนายธีรวัฒน์ ยิ้วยิ้ม นั้น ไม่มีปัญหา ตนถอนฟ้องให้ตามที่ขอมาทันที จากนั้นทั้งสองฝ่ายที่นำทนายความส่วนตัวมาด้วยกัน ได้พูดคุยตกลงเจรจากันในเรื่องของสัญญาที่ทั้งสองฝ่ายได้ร่างขึ้นมาใหม่ โดยมีนายสกล เป็นคนกลาง บางจังหวะก็มีการโต้กันไปมาด้วยเหตุผล บางข้อสัญญาที่ร่างขึ้นมาสองฝ่ายก็ตกลงกันได้ แต่ก็มีบางข้อที่ต้องพูดคุยกันยาวนาน โดยเฉพาะเรื่องของการรับงานชกมวย หรืองานโชว์ตัว ซึ่งตามเดิมเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา ที่เป็นข้อตกลงในเบื้องต้นนั้น ทั้ง 2 ฝ่ายสามารถรับงานได้และต้องยินยอมทั้ง 2 ฝ่าย
อย่างไรก็ตาม ในการเจรจาครั้งนี้ ทนายของบัวขาว คือ นายเทพปกรณ์ อินทรพัฒน์ ได้ร้องขอให้เปลี่ยนข้อตกลงในการรับงานจากที่ทั้ง 2 ฝั่งสามารถรับงานได้ แต่ต้องได้รับการยินยอมจากทั้งคู่ มาเป็นให้บัวขาวเป็นผู้ตัดสินใจแต่เพียงผู้เดียว รวมถึงส่วนแบ่งที่นอกเหนือจากการชกมวยบนเวที ไม่ว่าอะไรก็ตามให้เป็นของบัวขาวแต่เพียงผู้เดียว และจะไม่ใช้ชื่อว่า บัวขาว ป.ประมุข ไม่เหมือนกับที่คุยในครั้งแรกเช่นกัน
จากประเด็นนี้ทำให้ทนายความของฝั่งค่ายมวย ป.ประมุข คือ นายวิวรรธน์ กล่าวโต้ตอบว่า ที่ผ่านมาค่ายมวยยอมรับได้ทุกอย่าง แต่มาวันนี้ฝั่งของบัวขาวเปลี่ยนไป ทั้งที่เรื่องทุกอย่างทำท่าจะจบตั้งแต่เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคมแล้ว เมื่อบัวขาวร้องขอให้ทางค่ายถอนฟ้องนายธีรวัฒน์ เราก็ดำเนินการให้ แต่มาวันนี้เมื่อฝั่งบัวขาวจะเรียกร้องเพื่มขึ้น คิดว่ามันไม่น่าจะใช่ เพราะทุกอย่างได้คุยกันแล้ว ถ้าอย่างนั้นมีอีกทางคือ ให้หาคนมาซื้อสิทธิ์ในตัวของบัวขาวไปเลยดีกว่า เพราะฝั่งของกำนันแก๊ ก็โอเคแล้ว ซึ่งตนจะดำเนินการให้ก็ได้ ไม่มีปัญหา ว่าแต่ว่าบัวขาวจะคิดอย่างไร เพื่อทุกอย่างจะได้จบ ไม่มีข้อผูกพันกันอีกต่อไป
เมื่อนายวิวรรธ์พูดจบ บัวขาวซึ่งนั่งนิ่งมาตลอดเวลาการเจรจากว่า 1 ชั่วโมง ได้กล่าวสวนทันทีว่า เมื่อการเจรจาพูดคุยกันในวันนี้ตกลงกันไม่ได้ โดยเฉพาะเรื่องของผลประโยชน์ ตนเองก็ขอประกาศตรงนี้เลยว่าขอเลิกชกมวย ปัญหาทุกอย่างจะได้จบ
"เลิกจริงๆ ครับ วันนี้ผมอายุมากแล้ว 30 ปีแล้ว ดีกว่าไปเลิกมวยตอนชกไม่ไหว ขอบคุณแฟนมวยทุกคนที่เป็นกำลังใจมาตลอด ผมตัดสินใจดีแล้ว และตัดสินใจคนเดียว และได้คิดมาล่วงหน้านานหลายวัน แต่อย่างไรก็ไม่ได้ไปไหนไกลหรอก เพราะผมเกิดและมีชื่อเสียงจากวงการมวย ก็คงอยู่ในวงการมวยนี้แหละ เพราะตอนนี้มีค่ายมวยบัญชาเมฆอยู่ที่ จ.สุรินทร์ ที่ต้องดูแลต่อไป"
ด้าน "กำนันแก๊" ประมุข โรจนตัณฑ์ กล่าวว่า รู้สึกเสียใจที่บัวขาวประกาศเลิกมวย ไม่อยากให้จบแบบนี้ เพราะเจ้าตัวยังสามารถขึ้นชกสร้างชื่อเสียงให้ประเทศได้อีก คิดว่าการตัดสินใจครั้งนี้น่าจะมีบุคคลที่ 3 หรือคนอื่นเข้ามาแนะนำด้วย แต่ทั้งนี้ก็ต้องเคารพในการตัดสินใจของตัวนักมวยเอง ตอนนี้ตนเองหายเครียด หายเหนื่อยแล้ว หลังจากที่ต้องเครียดกับข่าวนี้มาตั้งแต่เดือน มีนาคม
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในการเจรจาครั้งแรกเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมานั้น ทั้ง 2 ฝ่ายใช้เวลาพูดคุยไกล่เกลี่ยนานกว่า 3 ชั่วโมงกว่า ปรากฏว่าข้อตกลงทางผลประโยชน์ทางธุรกิจนั้น ทั้งสองฝ่ายคุยกันลงตัว โดยเมื่อบัวขาวขึ้นชกมวยบนเวที บัวขาวจะได้รับส่วนแบ่ง 60 เปอร์เซ็นต์ ค่ายมวยรับ 40 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่รายได้จากการการขึ้นโชว์ตัว จากโฆษณา หรือนอกเหนือจากนั้นที่ไม่ได้เกี่ยวกับการขึ้นชกมวย บัวขาวจะได้รับส่วนแบ่ง 75 เปอร์เซ็นต์ ค่ายมวยรับ 25 เปอร์เซ็นต์ และงานทุกอย่างที่รับเข้ามานั้นจะต้องได้รับการยินยอมและมีลายเซ็นจากทั้งสองฝ่าย รวมไปถึงบัวขาวต้องใช้ชื่อค่าย ป.ประมุข ขึ้นชกมวย ส่วนจะฟิตซ้อมที่ใดก็แล้วแต่นักมวย โดยสัญญานี้จะเหลือเวลาประมาณ 5 ปี
อย่างไรก็ตาม หลังจากตกลงกันได้และเตรียมจะเซ็นสัญญากัน ทางบัวขาวได้ยื่นข้อเสนอเพิ่มให้ค่าย ป.ประมุข ถอนฟ้อง นายธีรวัฒน์ ยิ้วยิ้ม นักวิทยาศาสตร์การกีฬาประจำตัว หลังจากได้ถอนฟ้อง บัวขาว และกกท. ไปก่อนหน้านั้น แต่ปรากฏว่าทางฝั่งของค่ายมวย ป.ประมุข ไม่ยอม การเซ็นสัญญาจึงไม่เกิดขึ้น และต้องมีการนัดเจรจากันในใหม่ ซึ่งก็ไม่ประสบความสำเร็จ จนทำให้บัวขาวประกาศแขวนนวมในที่สุด