'นะคะมวย'พ่อค้ายาหรือนักรบกู้ชาติ | คมชัดลึก

             ชื่อของ พล.ต.นะคะมวย ผู้นำกองทัพกะเหรี่ยงพุทธ โด่งดังในสื่อไทยอีกครั้ง เมื่อผู้นำกะเหรี่ยงกู้ชาติประกาศปิดช่องทางเข้าออกตามแนวชายแดนไทย-พม่า ตั้งแต่ อ.อุ้มผาง จนถึง อ.พบพระ จ.ตาก รวม 12 จุด เพื่อตอบโต้ทางการไทยที่ขึ้นบัญชีดำเขาเป็นพ่อค้ายาเสพติด
 
             หากยังจำกันได้ 7 พฤศจิกายน 2553 นักรบกะเหรี่ยงพุทธ ดีเคบีเอ ภายใต้การนำของ "นะคะมวย" บุกยึดสถานที่ราชการในเมืองเมียวดี ซึ่งเป็นวันจัดการเลือกตั้งครั้งแรกของพม่าในรอบ 20 ปี
 
             ถัดจากวันเดียว การสู้รบของทหารพม่าเพื่อชิงพื้นที่คืนจากทหารดีเคบีเอก็เปิดฉากขึ้นอย่างรุนแรง ทำให้มีขบวนผู้อพยพข้ามน้ำเมย อ.แม่สอด จ.ตาก มีจำนวนมากผิดปกติ
 
             แม้กองทหารของนะคะมวยจะต้องล่าถอยออกจากเมืองเมียวดี แต่ปฏิบัติการยึดเมืองครั้งนั้นก็ได้ผลทางการเมืองเกินคาด
 
             "นะคะมวย" ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวดีวีบี ถึงการยึดเมืองเมียวดีครั้งนี้ว่า เกิดเพราะ "ประชาชนคว่ำบาตรต่อการเลือกตั้ง เพราะไม่อยากลงคะแนนเสียงสนับสนุนพวกเขา (พม่า) จึงถูกกองทัพรัฐบาลเผด็จการทหารพม่า (ทพม.) ข่มขู่ที่จะใช้อำนาจทหารเข้าข่มเหง ด้วยเหตุนี้ พวกเราจึงตัดสินใจสนับสนุนอยู่ฝ่ายประชาชน..."
 
             ผู้นำกองทัพดีเคบีเอ ที่มีฉายา "ไอ้หนวดยาว" ยังคุยโวว่า กำลังพลที่ใช้ในการบุกโจมตีสถานที่ราชการของเมียวดีมีมากกว่า 1,000 นาย และทหารดีเคบีเอที่สวมชุดทหาร "กองกำลังอาสาสมัครรักษาชายแดน" (บีจีเอฟ) ได้หันมาเข้าร่วมกับกลุ่มของเขาแล้ว
 
             การยึดเมียวดีสะท้อนถึงความช่ำชองในการยุทธ์ของ "นะคะมวย" ที่ทำให้นายพลพม่าต้องเสียหน้าเป็นอย่างมาก และถัดจากนั้นศูนย์อำนาจทหารเนปิดอว์ จึงเปิดการเจรจากับนะคะมวย หลังจากประเมินแล้วว่า บีบให้นะคะมวยยอมแปรสภาพเป็น จีบีเอฟ ไม่ได้ ก็ควรให้เข้ามาอยู่ใต้อาณัติทหารพม่าดีกว่า
 
             "นะคะมวย" จึงจัดองค์กรกะเหรี่ยงพุทธขึ้นมาใหม่ในนาม เคเคโอ และตัวเขาเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งกองกำลังติดอาวุธชาวกะเหรี่ยงพุทธ "กองพลน้อยโกะทูบลอ" (เคเคโอ) เลื่อนยศจากพันเอก (พิเศษ) เป็นพลตรี
 
             แทบไม่น่าเชื่อว่า เส้นทางเดินของทหารกะเหรี่ยงยศนายสิบชื่อ "ซอละป่อย" (ชื่อเดิมนะคะมวย) จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำกองทัพกะเหรี่ยงอิสระกลุ่มใหม่
 
             พล.ต.นะคะมวย ผบ.สส.กองกองทัพโกะทูบลอ เคยเป็นทหารกะเหรี่ยงสภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (เคเอ็นยู) ที่อยู่ภายใต้การนำของนายพลโบเมียะ
 
             ปี 2537 ทหารกะเหรี่ยงพุทธแยกตัวจาก เคเอ็นยู ไปตั้งกองทัพกะเหรี่ยงพุทธเพื่อประชาธิปไตย (ดีเคบีเอ) ร่วมกับฝ่ายรัฐบาลพม่าปราบปรามกลุ่มเคเอ็นยู ของกลุ่มนายพลโบเมียะ ตลอดแนวชายแดนไทย-พม่า
 
             แหล่งข่าวฝ่ายความมั่นคงฉายภาพเส้นทางนักรบของนะคะมวยว่า ตลอด 17 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่นะคะมวยเป็นสิบเอกจนถึงพันเอก เขาไม่เคยมีจิตวิญญาณในชาติบ้านเมือง ไม่เคยต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย แต่สู้เพื่อคนกะเหรี่ยงพุทธก็พอมีอยู่บ้าง
 
             "ธุรกิจของนะคะมวยอยู่ในพื้นที่ติดกับหมู่บ้านคนม้งที่พบพระ เป็นพวกตัวดีในการค้ายาเสพติดทั้งนั้น คิดง่ายๆ เลย คนอย่างนะคะมวยอยู่กับการจับเงินแสนเงินล้านมาตลอด จะไปสู้เพื่ออุดมการณ์อะไร" แหล่งข่าวกล่าว
 
             นับแต่กลางปี 2553 เป็นต้นมา กองทัพดีเคบีเอยอมเปลี่ยนเป็นกองกำลังพิทักษ์ชายแดน (บีจีเอฟ) ใต้การดูแลของพม่า แต่กองกำลังดีเคบีเอในการนำของนะคะมวยไม่ยอม เพราะตกลงเรื่องผลประโยชน์กับทหารพม่าไม่ลงตัว
 
             ตำแหน่งในกองทัพดีเคบีเอเวลานั้นคือ ผบ.กองพลน้อยที่ 6 รับผิดชอบพื้นที่ฝั่งพม่าตรงข้าม อ.พบพระ ไปจนถึง อ.อุ้มผาง และช่วงหลังนะคะมวยขยายอิทธิพลไปถึง อ.พญาตองซู (ตรงข้าม อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี)
 
             ขณะที่กองทัพดีเคบีเอ โดยการนำของหม่องชิตตู ยอมเข้าเป็นบีจีเอฟ และร่วมกับทหารพม่าดูแลพื้นที่ฝั่งตรงข้าม อ.แม่สอด จ.ตาก ขึ้นไปทางแม่ฮ่องสอน
 
             ก่อนหน้าพม่าจะบีบให้ดีเคบีเอถอดชุดนักรบกะเหรี่ยงมาแต่งชุด ตชด. "นะคะมวย" เก็บผลประโยชน์จากธุรกิจผิดกฎหมายและถูกกฎหมายนานา ซึ่งมีทั้งเหมืองแร่ในกาญจนบุรี การขนส่งสินค้าผ่านพื้นที่ต่างๆ ในเขต อ.พบพระ อ.แม่สอด
 
             6 ปีที่ผ่านมานี้ นะคะมวยยังข้ามเข้าไปเก็บภาษีเถื่อนจากบริเวณ อ.พญาตองซู หรือด่านพระเจดีย์สามองค์ โดยไม่มีใครกล้าขัดขืน ทั้งที่ตรงนั้นเป็นพื้นที่เดิมของกองทัพมอญกู้ชาติมาก่อน
 
             ดังนั้น หาก นะคะมวย ยอมเปลี่ยนเป็นบีจีเอฟ เท่ากับว่าผลประโยชน์มหาศาลและอิทธิพลอำนาจที่สั่งสมไว้คงแทบไม่มีเหลือ หรือพังครืนสูญสลายลงในชั่วพริบตา
 
             เมื่อนะคะมวยไม่ยอมทหารพม่า ก็ถูกกดดันหนักขึ้นเรื่อยๆ ห้ามไม่ให้เก็บภาษีท่าเรือต่างๆ ห้ามไม่ให้ใส่เครื่องแบบ ห้ามไม่ให้ชักธงกะเหรี่ยงพุทธ เรียกว่าถูกบีบหนักจนหน้าเขียวหน้าเหลือง และถูกตัดทางทำมาหากินอย่างรุนแรงมาระยะหนึ่งแล้ว
 
             จึงทำให้ "ไอ้หนวดยาว" เกิดอาการเลือดขึ้นหน้า ลุกขึ้นมาต่อต้านรัฐบาลท้องถิ่นพม่าอย่างรุนแรง ด้วยการบุดยึดเมียวดี 3 วัน 3 คืน!
 
             จากปฏิบัติการครั้งนั้น ทำให้ทหารพม่าในพื้นที่ต้องกลับมาสมานฉันท์กับนะคะมวย โดยแบ่งปันผลประโยชน์จากการร่วมมือทำธุรกิจใต้ดินผิดกฎหมาย ซึ่งได้ร่วมไม้ร่วมมือกันมาโดยตลอด
 
             รวมถึงการคืนดีกับกะเหรี่ยงคริสต์ เคเอ็นยู ที่เคยมีเรื่องขัดแย้งกันในการเก็บภาษีชายแดน และกลุ่มทหารมอญที่หมดน้ำยาในการดูแลเขตอิทธิพลแถว อ.พญาตองซู ส่งผลให้เขาตัดสินใจสร้างองค์กรกู้ชาติกะเหรี่ยงใหม่ทันที
 
             หากเปรียบเทียบกองกำลังของ "หน่อคำ" อดีตนักรบกู้ชาติไทยใหญ่ หรือกองทัพเมืองไต กองทัพของ "นะคะมวย" มีความเข้มแข็งและมีอิทธิพลในพื้นที่กว้างขวาง
 
             ที่สำคัญ ศูนย์อำนาจทหารเนปิดอว์ยังญาติดีกับนะคะมวย สังเกตได้จากวันที่ "ไอ้หนวดยาว" สวมเครื่องแบบพลตรีแห่งกองทัพกะเหรี่ยงโกะทูบลอ แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนไทย และต่างประเทศ ก็มีสื่อมวลชนพม่าเช่น เอ็มอาร์ทีวี (ทีวีของรัฐบาลพม่า) และสื่อทีวีของพม่าอีกหลายช่องไปบันทึกภาพทำข่าวด้วย
 
             แต่คำถามตัวโตๆ คือ เหตุใดทางการไทยขึ้นบัญชีดำนะคะมวยว่าเป็นผู้ค้ายาเสพติด?
 
             "นะคะมวย" ยังท้า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ให้เข้าพื้นที่ของโกะทูบลอ เพื่อพิสูจน์ความจริง?
 
             ดูฉากการแถลงข่าวของแม่ทัพกะเหรี่ยงคนนี้แล้ว ไม่ธรรมดา ทหารพม่ากำลังเล่นสองหน้าหรือเปล่า?
 
             การเมือง อำนาจ และผลประโยชน์ มันก็เป็นไปอย่างนี้ แนวรบตะวันตกจึงไม่เคยเปลี่ยนแปลง!

.........

(หมายเหตุ : 'ไอ้หนวดยาว-นะคะมวย' พ่อค้ายาเสพติดหรือนักรบกู้ชาติ)