ข่าว

กะโหลก'ปั้นเหน่ง'ผีหลอนขอหัวคืน

กะโหลก'ปั้นเหน่ง'ผีหลอนขอหัวคืน

03 พ.ค. 2555

กะโหลก'ปั้นเหน่ง' ผีหลอน...ขอหัวคืน : ตะลุยข่าว โดยโต๊ะรายงานพิเศษ

              ปริศนากะโหลกมนุษย์ 5 หัว และชิ้นส่วนตามร่างกายจำนวนหนึ่ง ถูกพบบรรจุอยู่ในถุงอาหารสัตว์ทิ้งไว้บริเวณใต้สะพานคลอง 13 ติดกับประตูน้ำคลองระพีพัฒน์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 19 เมษายนที่ผ่านมา ด้วยความพยายามของนักสืบสวนโดยใช้เทคนิค "เดินทวนน้ำ" จากจุดที่พบหัวกะโหลก จนกระทั่งพบเบาะแสสำคัญนำไปสู่การจับกุมผู้ก่อเหตุได้
 
              หลังผลตรวจสอบจากนิติวิทยาศาสตร์ พบว่า กะโหลกมนุษย์มีลักษณะการตัดที่คล้ายๆ กันด้วยเครื่องเจีย ตัดเป็นวงกลมบริเวณหน้าผาก ด้านหลัง ด้านข้าง มีร่องรอยประมาณ 4-5 รอย โดยกะโหลกที่ 1 เป็นชายเอเชีย อายุระหว่าง  20-45 ปี กะโหลกที่ 2 เป็นคนเอเชียไม่สามารถระบุเพศได้ อายุระหว่าง 20-45 ปี พบร่องรอยการผ่าตัดกะโหลกมาก่อน กะโหลกที่ 3 หญิงเอเชีย อายุ 20-45 ปี กะโหลกที่ 4 หญิงเอเชีย อายุมากกว่า 45 และอาจจะเกินกว่า 60 ปี และส่วนกะโหลกที่ 5 ยังไม่สามารถระบุเพศได้ มีอายุ 20-45 ปี มีร่องรอยของการผ่าตัดกะโหลก 
 
              ทำให้รู้ทันทีว่าชิ้นส่วนกระดูกของมนุษย์เหล่านี้ ต้องถูกนำไปทำเป็นเครื่องรางของขลัง หรือพิธีทางไสยศาสตร์แน่นอน พล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี ผช.ผบ.ตร. พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รรท.ผบช.ภ.1 สั่งการให้ พ.ต.อ.นิรุธ ประสิทธิเมตต์ ผกก.สภ.ธัญบุรี  พ.ต.ท.พีรศักดิ์ สวยสม สว.สส.และชุดสืบสวน ออกหาข้อมูลรอบๆ บริเวณจุดที่พบชิ้นส่วนกระดูกในระยะ 2 กม.ว่ามีหมอผี คนทรงเจ้า หรือหมอดู ตลอดจนโกดังเก็บศพหรือไม่ แต่ก็ได้ข้อมูลที่ไม่เป็นประโยชน์ในการติดตามมากนัก
 
              พ.ต.ท.พีรศักดิ์ และชุดสืบสวน จึงตัดสินใจใช้วิธีเดินเท้าจากจุดที่พบชิ้นส่วนกระดูก โดยเดินย้อนทิศทางไหลของน้ำแล้วหาเบาะแสไปเรื่อยๆ จนกระทั่งพบเบาะแสที่วัดพิชิตปิตยาราม คลอง13 ต.บึงน้ำรักษ์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ซึ่งภายในวัดดังกล่าวมีโกดังเก็บศพอยู่ และพบเบาะแสเด็กวัดที่มีพฤติกรรมติดยาเสพติดและอาจมีส่วนรู้เห็นในคดีนี้ คือ นายวรเชษฐ์ หรือ ปาร์ค ถาวรเพียร อายุ 18 ปี จึงถูกเชิญตัวมาให้ข้อมูล
 
              ด้วยอากัปกิริยาและคำพูดที่มีพิรุธทำให้ชุดสืบสวนต้องใช้เทคนิคการซักถาม แล้วถึงพูดเกี่ยวกับเรื่องบาปบุญคุณโทษจนกระทั่ง นายวรเชษฐ์ ยอมรับสารภาพว่า หลังจากที่ขโมยกะโหลกมาจากโกดังเก็บศพที่วัดพิชิตปิตยาราม คลอง 13 ต.บึงน้ำรักษ์ ก็รู้สึกว่าถูกเจ้าของกะโหลกนั้นตามมาหลอกหลอน มาร้องไห้ขอหัวกะโหลกคืน บางครั้งมากระโดดเกาะหลัง
 
              ชุดสืบสวนจึงเร่งขยายผลหาผู้มีส่วนร่วมกระทำความผิดโดย นายวรเชษฐ์ ให้การซัดทอด นายศิงขร หรือ พจน์ เครือแดง อายุ 41 ปี นายนิพนธ์ หรือ ปั๊ม ศรีสุข อายุ 38 ปี ซึ่งชุดสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดเสนอพนักงานสอบสวนเพื่อขออำนาจศาลจังหวัดธัญบุรีอนุมัติหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้อง
 
              นายศิงขร รับสารภาพว่า มีร้านค้ามินิมาร์ทอยู่ที่คลอง 13 และเปิดสำนักสักยันต์อยู่ที่บ้านหลังดังกล่าว และรับซื้อกะโหลกในราคา 1,200 บาทจริง เพื่อเอามาประกอบพิธีกรรมเกี่ยวกับคุณไสยจากเครื่องรางของขลังที่ทำจากกระดูกส่วนหน้าผากของกะโหลกมนุษย์ หรือที่เรียกว่า "ปั้นเหน่ง" และยอมรับว่ากะโหลก 5 หัวที่พบบริเวณตอม่อใต้สะพานคลอง 13 นั้นขโมยมาจากสุสานเม่งหุย (มูลนิธิไตรสรณะพุทธสมาคมชลบุรี) หมู่ 10 ต.บ้านสวน อ.เมือง จ.ชลบุรี โดยขึ้นรถแท็กซี่ไปขโมยมาด้วยตัวเอง แล้วให้นายพิพนธ์เป็นคนตัดและเจียระไน เมื่อทำเสร็จแล้วก็ให้นำไปเผา แต่นายนิพนธ์กลับนำไปทิ้ง
 
              "หลังจากได้กะโหลกที่ผ่านการเจียระไนแล้ว จะนำมาทำเป็นฐานรองเทียนและธูป แล้วทำหุ่นสามีภรรยาหันเข้าหากันเพื่อทำพิธีทางไสยศาสตร์ ผมศึกษามาจากตำราที่วางขายทั่วไป โดยกะโหลก 1 หัวเจียได้ 4-6 ชิ้น ทำมาหลายเดือนแล้ว มีลูกค้าที่มาทำเดือนละ 2 ราย คิดค่าครูหนึ่งสลึง ส่วนเมื่อสำเร็จแล้วลูกค้าจะให้ค่าสมนาคุณครั้งละไม่เกิน 2,000 บาท ที่ทำมาไม่เคยได้ผลเลย มีที่สำเร็จบ้างอาจเป็นเพราะผัวเมียคู่นั้นเขาคืนดีกันเอง ไม่ได้สำเร็จเพราะวิชาอาคม" นายศิงขร กล่าว
 
              ด้าน  พล.ต.ท.จรัมพร กล่าวว่า กะโหลกที่ขโมยล้วนแต่มีชื่อของเจ้าของทั้งนั้นเป็นเรื่องใหม่ของการทำงานของสถาบันนิติเวชที่เก็บข้อมูลและกองพิสูจน์หลักฐานกลางที่เก็บพยานหลักฐาน เบื้องต้นได้แจ้งข้อหากับนายวรเชษฐ์ว่าร่วมกันลักทรัพย์ ส่วนนายศิงขรและนายนิพนธ์ได้แจ้งข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ผู้อื่นหรือรับของโจร


............

(หมายเหตุ : กะโหลก'ปั้นเหน่ง' ผีหลอน...ขอหัวคืน : ตะลุยข่าว โดยโต๊ะรายงานพิเศษ)