ข่าว

 แฉแก๊งค้ายาคุกนครศรีฯโยง'บางขวาง'

แฉแก๊งค้ายาคุกนครศรีฯโยง'บางขวาง'

23 เม.ย. 2555

ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช แฉเครือข่ายค้ายานรกในคุกเชื่อมโยงคุกบางขวาง ประเทศเพื่อนบ้าน จี้ราชทัณฑ์ยอมรับความจริง แนะเร่งย้ายพวกนอกรีต เตรียมขอหมายจับนักโทษ-ผู้คุม-ตั้งเป้ายึดทรัพย์แน่ รมว.ยธ.สั่งกรมราชทัณฑ์ขยายผลจู่โจมตรวจค้นเรือนจำเป้าหมาย หวังทลายนักโทษใช

             ภายหลังจากตำรวจนครศรีธรรมราชนำโดย พล.ต.ต.รณพงศ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช ได้ร่วมกับนายโสภณ ธิติธรรมพฤกษ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ พร้อมด้วยชุดคอมมานโดราชทัณฑ์สนธิกำลังตำรวจ ทหาร ตำรวจตระเวนชายแดนบุกเข้าตรวจค้นเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ตั้งแต่ 03.00 น.ของวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา 

              จากการค้นนั้นพบยาเสพติดทั้งยาบ้า ยาไอซ์ และโทรศัพท์มือถืออีกเป็นจำนวนมาก พร้อมทั้งได้เข้าค้นบ้านพักของเจ้าหน้าที่เรือนจำนครศรีธรรมราชพร้อมกันถึง 14 จุด สามารถตรวจยึดข้อมูลทางการเงินที่สำคัญ รวมทั้งร่องรอยทรัพย์สินราคาแพงหลายรายการที่ต้องสงสัยว่าอาจจะได้มาโดยมิชอบตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้วนั้น

              ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อ 23 เม.ย. ภายหลังจากข่าวได้แพร่หลายอย่างกว้างขวางได้สร้างความพอใจให้กับประชาชนจำนวนมาก โดยเมื่อเวลา 13.00 น.ชาวชุมชนในเขตเทศบาลกว่า 100 คนพร้อมด้วยดอกไม้ พร้อมด้วยเครื่องดื่มเพื่อแจกจ่ายเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติเข้าแสดงความขอบคุณและเป็นกำลังใจให้กับพล.ต.ต.รณพงศ์ ซึ่งพล.ต.ต.รณพงศ์ได้แนะนำพ.ต.ท.ธีระชัย ชำนาญหมอ รอง ผกก.สส.ภ.จว.สุรินทร์ ซึ่งได้มาช่วยราชการว่า เป็นนายตำรวจที่ทุ่มเทสืบสวนเรื่องนี้อย่างเข้มข้น จนเป็นที่มาของการเข้าค้นเรือนจำนครศรีธรรมราชและยึดของกลางได้เป็นจำนวนมาก คนอย่างนี้สมควรที่จะเป็นผู้กำกับการ คราวที่แล้วก็หลุดตำแหน่งไปอีกต้องฝากผู้ใหญ่ช่วยดูแล

              ส่วนการขยายผลในการจัดการเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช พล.ต.ต.รณพงศ์ กล่าวว่า  หลังจากการตรวจยึดสิ่งของต้องห้ามโดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือนั้นเป็นประโยชน์มาก เป็นจุดเริ่มต้นในการนำเอาข้อมูลโทรศัพท์มาใช้ จากการรวบรวมข้อมูลนั้นเครือข่ายค้ายาเสพติดที่ใหญ่ที่สุดคือเครือข่ายเรือนจำกลางนครศรีธรรมราชที่เชื่อมโยงกับเรือนจำบางขวาง เชื่อมต่อไปยังลาวและพม่า การที่ไปอยู่ในเรือนจำแล้วไม่ต้องกลัวถูกจับเพิ่มทำให้ผู้ต้องขังกล้าค้าขายอย่างเสรี

              “ที่เกิดขึ้นเพราะเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์หย่อนยาน จึงได้หารือกับพ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันตชัย อธิบดีกรมราชทัณฑ์ตลอด ซึ่งไม่ง่ายทุกฝ่ายต้องช่วยกัน นครศรีธรรมราชโมเดลที่ถูกเสนอนั้นไม่ใช่แค่การปิดล้อมตรวจค้น ถ้าแค่ยึดไม่ได้ดำเนินการต่อหรือสืบสวนล่วงหน้าผลในทางปฏิบัติแทบไม่เกิดประโยชน์ นอกจากผู้ค้าขาดทุนค่าโทรศัพท์ใหม่แต่ไปสร้างรายได้ให้กับผู้คุมบางคนที่นำเข้าโทรศัพท์ ต้องยอมรับข้อเท็จจริงกัน เจ้าหน้าที่เป็นผู้นำเข้าเองเป็นส่วนใหญ่ ตำรวจเหนื่อยในการไล่จับผู้ค้าแล้วส่งไปในเรือนจำแต่เรือนจำกลับเป็นเครือข่ายใหญ่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ครั้งนี้ข้อมูลที่มีนั้นสามารถนำไปสู่การออกหมายจับและเพิ่มโทษผู้ต้องขัง และเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ที่เกี่ยวข้องต้องถูกยึดทรัพย์ ส่วนเจ้าหน้าที่ที่นำเข้าสิ่งของต้องห้ามนั้นมีข้อมูลอยู่จะส่งให้อธิบดีราชทัณฑ์” พล.ต.ต.รณพงศ์ กล่าวและว่า

              เรื่องนี้ได้หารือกับอธิบดีราชทัณฑ์เรื่องของการลดชั้นนักโทษ การได้ชั้นดีชั้นเยี่ยมของผู้ต้องขังไม่ได้เกิดจากความประพฤติกลับกลายเป็นว่าใครมีความสนิทสนมผู้คุมส่วนตัวสนับสนุนกันได้เป็นนักโทษชั้นดี ผู้ค้ายากลายเป็นนักโทษชั้นเยี่ยมเป็นไปได้อย่างไร มีนักโทษรายหนึ่งถูกตัดสินสองคดีคดีแรกประหารชีวิตลดเหลือตลอดชีวิต อีกคดีติดคุก 33 ปี เขาบอกว่าลดโทษครั้งนี้เขาจะพ้นโทษแล้วเป็นได้อย่างไร และยังเป็นผู้ค้ารายสำคัญด้วยอยากให้ผู้ใหญ่ต้องหันมารับทราบข้อมูลจากข้างล่างให้มาก
 
              “ข้อมูลการสืบสวนนั้นพบว่า ในการขว้างโทรศัพท์เข้าเรือนจำวงจรปิดจับภาพได้ว่า ผู้คุมเข้าไปเก็บแล้วพาหายไปเลย หมายความว่าอย่างไร เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งทางตรงทางอ้อมมีอยู่ด้วยกันประมาณ 30-40 เปอร์เซ็น ไฟแช็คที่อยู่ในเรือนจำนั้นนำเข้าไปขายข้างนอกขายอันละ 8 บาท 10 บาท แต่มีการเอาไปขายข้างในอันละ 300 บาท ส่วนของนักโทษที่เป็นผู้ค้าในเรือนจำนั้นมีหลายราย ในระดับค้าครั้งหนึ่งเป็นสิบล้านบาท เป็นระดับรายใหญ่ที่เราจะเอาเรื่องเขาได้เป็นระดับบริหารคอนโทรลเครือข่าย ในอดีตเขาปล่อยปละละเลยเพราะเขาไม่กลัว แต่วันนี้ผมประกาศไปแล้วว่าจะไม่เว้นข้อมูลที่ผมทำไปถึงนั้นจะดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด ตอนนี้เปลี่ยน ผบ.เรือนจำแล้วต้องเปลี่ยนคนอื่นในเรือนจำด้วยย้ายออกไปจะสะดวกในการทำงานมากกว่า” ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช กล่าว

              ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส่วนความเคลื่อนไหวล่าสุดภายในเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช บรรยากาศการทำงานของเจ้าหน้าที่นั้นเต็มไปด้วยความเคร่งเครียดเจ้าหน้าที่หลายคนมีสีหน้าวิตกกังวล และไม่พยายามพูดถึงเรื่องการค้นเรือนจำที่เกิดขึ้น ส่วนนายณรงค์ ยงค์ณรงเดชกุล ผบ.เรือนจำกลางนครศรีธรรมราชยังเก็บตัวเงียบในห้องทำงาน และมีกำหนดเดินทางไปรับตำแหน่งใหม่ในช่วงสิ้นเดือนนี้

              และในช่วงเย็นของวันเดียวกัน พล.ต.ต.รณพงศ์พร้อมด้วยชุดปฏิบัติการพิเศษราชทัณฑ์ (คอมมานโด) ได้เข้าทำการตรวจค้นแดน 6 ซึ่งเป็นแดนความมั่นคงสูงเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ซ้ำอีกครั้งขณะเดียวกันได้ให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจปัสสาวะของนักโทษทุกราย ซึ่งในขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ

รมว.ยธ.สั่งกรมราชทัณฑ์ขยายผลจู่โจมตรวจค้นเรือนจำเป้าหมาย

              พล.ต.อ.ประชา  พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมกล่าวว่า การจู่โจมตรวจค้นดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายแก้ไขปัญหายาเสพติดที่มีการใช้โทรศัพท์เชื่อมโยงจากในเรือนจำ  โดยหลังจากนี้จะมีการขยายผลไปยังเรือนจำอีกหลายแห่งทั่วประเทศ  เบื้องต้นยอมรับว่าปัญหาดังกล่าวมีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้อง ซึ่งที่ผ่านมาได้ดำเนินการทางวินัยร้ายแรงทั้งไล่ออก และปลดออกเจ้าหน้าที่เรือนจำไปแล้วหลายราย พร้อมส่งเรื่องให้ตำรวจดำเนินคดีอาญาข้อหาสมคบค้ายาเสพติด

              “ก่อนหน้านี้กระทรวงมีนโยบายชัดเจนให้บูรณาการความร่วมมือระหว่างดีเอสไอ ปปส. ปปท. ปปง. และกรมราชทัณฑ์ในการปราบปรามนักโทษใช้โทรศัพท์สั่งซื้อขายยาเสพติด และการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาในเรือนจำ ส่งผลให้มีการดำเนินการในทางลับเพื่อดักฟังโทรศัพท์และตรวจสอบการติดต่อสื่อสารโดยเฉพาะคลื่นสัญญาณโทรศัพท์มือถือที่ออกมาจากเรือนจำ โดยนักโทษรายสำคัญที่มีพฤติการณ์ค้ายาเสพติดจากในเรือนจำจะถูกย้ายไปควบคุมในเรือนจำกลางเขาบิน เพื่อตัดวงจรการสื่อสารผ่านโทรศัพท์มือถือ”พล.ต.ประชากล่าว

              พล.ต.อ.ประชายังกล่าวถึงการออกกฎกระทรวงกำหนดคดีความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดที่พนักงานสอบสวนต้องส่งสิ่งของที่อ้างว่าเป็นยาเสพติดและได้ยึดไว้ไปตรวจพิสูจน์ พ.ศ. 2555 ซึ่งเป็นกฎกระทรวงฉบับใหม่ที่ออกตามพรบ.วิธีพิจารณาคดียาเสพติด ว่าต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินคดียาเสพติดซึ่งที่ผ่านมาไม่มีการกำหนดระยะเวลาให้พนักงานสอบสวนต้องส่งยาเสพติดของกลางไปตรวจพิสูจน์ เพียงกำหนดให้ต้องส่งโดยเร็วเท่านั้น แต่หลังจากนี้กฎกระทรวงฉบับดังกล่าวได้กำหนดระยะเวลาดำเนินการชัดเจนมากขึ้น เช่น การจับกุมยาบ้าที่มีปริมาณ 10,000 เม็ดขึ้นไปหรือเฮโรอีนเกิน 1 กิโลกรัมต้องส่งของกลางไปตรวจพิสูจน์ภายใน 3 วัน พร้อมทั้งปฏิเสธว่าไม่ใช่การออกกฎกระทรวงเพื่อปล่อยผู้ค้ารายย่อย

ปปท.ร่วมสอบผู้คุมคุกนครศรีฯ

              พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ(ปปท.) กล่าวถึงการดำเนินคดีในส่วนเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องว่า ได้มอบหมายให้ พ.ต.ท. สมศักดิ์ แววพานิช ผู้อำนวยการปปท. เขตพื้นที่ 8 ประสานการทำงานร่วมกับตำรวจภูธร หากมีการแจ้งข้อกล่าวหาเจ้าหน้าที่คนใดก็จะส่งเรื่องมาให้ปปท.ตรวจสอบทันที

              อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาปปท.รับเรื่องตรวจสอบเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดในเรือนจำ โดยได้มีการตั้งอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงแล้ว 3 ราย คือ นายวชิรศักดิ์ สุขหนองบึง เจ้าหน้าที่เรือนจำอำเภอรัตนบุรี จ.สุรินทร์ นายบุญโฮม ระวิเรือง นักวิชาการอบรมและฝ่ายวิชาชีพ ระดับชำนาญการ เรือนจำอำเภอรัตนบุรี และนางสมหมาย บุษบา (วิเศษสังข์) เจ้าพนักงานราชการระดับปฏิบัติการ เรือนจำอำเภอรัตนบุรี ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีการตรวจค้นจู่โจมเรือนจำอำเภอรัตนบุรี เมื่อวันที่ 20 ก.ย. 2554 ซึ่งการสอบสวนเบื้องต้นพบว่าผู้ถูกกล่าวหามีส่วนในการลักลอบนำสิ่งของต้องห้ามเข้าเรือนจำ และลักลอบจำหน่ายยาเสพติดให้กับผู้ต้องขัง โดยพบความเคลื่อนไหวทางการเงินจากบัญชีเงินฝากที่มีการเบิกถอน และรับโอนเงินจากเครือข่ายยาเสพติดด้วย