ข่าว

มาร์คแซวเนวินอย่าแซงหน้าเชลซี

มาร์คแซวเนวินอย่าแซงหน้าเชลซี

06 เม.ย. 2555

"มาร์ค"แซว "เนวิน" ทำบอลอย่าให้แซงหน้าเชลซี ปชป. ร่วมยินดี ภท.ทำบุญครบรอบ 3 ปี ชูผลงานปรองดอง วอนทุกฝ่ายร่วมแก้ปัญหาชาติ “ปู่จิ้น” ทำสาส์นร่อนให้สมาชิกโชว์ผลงานยุคร่วมรัฐบาลยันฝ่ายค้าน “เสี่ยหนู” เปิดทางคัมแบ็ก ยันทำงานกับกลุ่มไหนก็ได้

             6เม.ย.2555 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่พรรคภูมิใจไทยได้จัดงานทำบุญครบรอบ 3 ปี ก้าวเข้าสู่ปีที่ 4 ของการก่อตั้งพรรค โดยมีนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค พร้อมด้วย ส.ส. สมาชิกพรรค และแกนนำคนสำคัญ เข้าร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง อาทิ นายเนวิน ชิดชอบ และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน และนางอนงค์วรรณ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มมัชฌิมา  และนายสรอรรถ กลิ่นประทุม ซึ่งบรรยากาศในการจัดงานเป็นไปอย่างเรียบง่าย นอกจากนี้ในงานยังได้มีการนิมนต์เจ้าอาวาสจาก 9 วัด จำนวน 9 รูป ในพื้นที่ จ.นนทบุรี มาร่วมประกอบพิธีกรรมทางศาสนา

              ต่อมาในเวลา 12.12 น. นายอภิสิทธิ์ เวชาชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค พร้อมด้วยสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางมามอบแจกันดอกไม้ให้กับนายชวรัตน์ เพื่อแสดงความยินดีครบรอบ 3 ปี พรรคภูมิใจไทย  จากนั้นนายอภิสิทธิ์และนายเฉลิมชัยได้เข้าไปยกมือไหว้นายชัย ชิดชอบ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และทักทายแกนนำพรรคภูมิใจไทย ก่อนจะร่วมรับประทานอาหารกลางวันนานกว่า 30 นาที อย่างไรก็ตามก่อนกลับเดินทางกลับนายอภิสิทธิ์ได้เดินเข้าไปทักทายนายเนวิน โดยพูดเชิงหยอกล้อว่า “ทำทีมฟุตบอลอย่าให้แซงหน้าทีมเชลซีแล้วกัน” ทำให้นายเนวินยิ้ม โดยใช้มือตบไหล่นายอภิสิทธิ์ก่อนแยกย้ายเดินทางกลับ 


ภท.วอนปรองดองช่วยแก้ปัญหาชาติ

              นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคภูมิใจไทย แถลงว่า วันนี้พรรคภูมิใจในความเป็นภูมิใจไทยที่เป็นตัวของตัวเอง พรรคถือว่า มีแนวคิดริเริ่มและสนับสนุนให้เกิดการปรองดองในประเทศ ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาสถานการณ์บ้านเมืองเกิดวิกฤติ ท้ายที่สุดกลุ่มเพื่อนเนวินได้แยกตัวออกจากพรรคพลังประชาชนหลังถูกยุบพรรค เพื่อมาแก้ปัญหาประเทศ ดังนั้นอยากให้ทุกฝ่ายคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชน เพราะถือว่า เป็นการเสียสละเพื่อรักษาระบบประชาธิปไตย

              “นายเนวินสมาชิกบ้านเลขที่ 111 ได้พูดผ่านเวทีเสวนาของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ( กกต.) เสนอให้มีการ “เซต ซีโร่” และนำนโยบาย 66/23 ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีมาใช้ในการแก้ไขปัญหาประเทศ  ท้ายที่สุดแล้วปัญหายังคงอยู่จนกระทั่งพรรคเป็นฝ่ายค้าน พรรคก็ยังเริ่มต้นแสดงจุดยืนในการสร้างความปรองดองก่อนพรรคอื่น จุดเริ่มต้นความขัดแย้งนั้นอยู่ในสภาจึงเห็นต้องแก้ไขจากจุดนี้ก่อน ที่เป็นเช่นนี้เพราะเราเป็นพรรคที่เข้าใจวิกฤติที่เกิดขึ้น” โฆษกพรรคภท. กล่าวและว่า

              พรรคภูมิใจไทยไม่ใช่พรรคฝ่ายค้านที่ค้านไปทุกเรื่อง บางเรื่องก็เห็นไม่ตรงกับฝ่ายค้านพรรคอื่นเช่นกัน เพราะทำเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน และ 4 ปีจากนี้ภูมิใจไทยก็ยังทำเพื่อประโยชน์สูงสุดของบ้านเมือง จึงขอให้ทุกพรรคยึดถือบ้านเมืองเป็นที่ตั้งเช่นเดียวกัน

              ขณะที่นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้ทำ “สาส์นจากหัวหน้าพรรค สู่ปีที่ 4 พรรคภูมิใจไทย ภูมิใจ...ที่เป็นตัวของตัวเอง” ถึงสมาชิกพรรคตามต่างจังหวัด โดยเนื้อหาระบุถึงผลงานต่างๆของพรรคภูมิใจไทย ครั้งที่ยังเป็นรัฐบาล เช่น โครงการปกป้องสถาบัน โครงการถนนปลอดฝุ่น กล้ายาง 2 ล้านไร่ ขณะที่ผลงานเมื่อเป็นฝ่ายค้าน โดยใช้บทบาทการทำงานอย่างสร้างสรรค์ การไม่ลงชื่อร่วมอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล หลังเหตุการณ์วิกฤติมหาอุทกภัย และการเสนอญัตติเสนอที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภามีมติให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณารายงานของกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดองแห่งชาติ


“เสี่ยหนู”เปิดทางคัมแบ็กยันทำงานกับกลุ่มไหนก็ได้ 
 
              นายอนุทิน ชาญวีรกูล แกนนำพรรคภูมิใจไทย และสมาชิกบ้านเลขที่111 กล่าวถึงการถูกวางตัวให้เป็นหัวหน้าพรรคหลังจากปลดล็อกทางการเมืองว่า ต้องรอให้ถึงเวลานั้นก่อน เพราะเหลือเวลาอีก 2 เดือน อะไรจะเกิดขึ้นตนไม่ทราบ แต่วันนี้พรรคภูมิใจไทยยังมีหัวหน้าพรรคประจำการอยู่ สำหรับสมาชิกบ้านเลขที่111 หากพ้นออกมา มองว่า คงไม่มีแรงกระเพื่อมหรือผลสะเทือนอะไร เพราะตัวเรายังต้องสมัครเป็นสมาชิกพรรคด้วยซ้ำ ดังนั้นเราต้องรู้ตัวเองว่า 5 ปี ที่ผ่านมา มีคนพาการเมืองเดินหน้าไปโดยไม่ต้องพึ่งกลุ่มสมาชิก 111 จึงไม่ทราบว่า ใครมากำหนดถ้าพ้นออกมาแล้ว จะต้องได้กลับมาทำงาน เพราะฉะนั้นอย่าไปให้ความสำคัญ ขณะที่สิ่งที่บรรดา 111 สูญเสียไป คือ การใช้สิทธิของคนไทยตามกฎหมาย ตนไม่ได้อยากมีตำแหน่งทางการเมืองใดๆ สิ่งที่สูญเสียไปคือการใช้สิทธิไปเลือกตั้ง ซึ่งเรื่องการเมืองจึงเป็นเรื่องรองสิ่งที่ต้องการประการแรกคือได้ไปเลือกตั้ง

              เมื่อถามว่า หากสมาชิกบ้านเลขที่ 111 ได้สิทธิกลับคืนมาในอนาคตจะมีโอกาสมาร่วมกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ทุกวันนี้ไม่ต้องมาคิดว่า จะต้องไปร่วมกับกลุ่มไหน พรรคไหน สีอะไร การทำให้บ้านเมืองเจริญขึ้น เศรษฐกิจดีขึ้น ประชาชนมีความสุข เป็นหน้าที่ของทุกพรรคการเมือง

              “เรื่องการปรองดอง แก้รัฐธรรมนูญ ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี เราควรกดปุ่มรีเซตใหม่ ให้ย้อนกลับไปเหมือนในอดีต หลังจากแนวทางการปรองดองได้การรองรับจากสภา ทุกอย่างจะไปในทิศทางที่ดีขึ้น เพราะวันนี้ทุกคนบอบช้ำมาก คำว่า ปรองดองต้องครอบคลุมทุกอย่าง ทำอะไรก็ได้ให้บ้านเมืองสงบ”นายอนุทิน กล่าวและย้ำว่า  หากต้องปิดตาสักข้างหนึ่ง แล้วให้ทุกอย่างกลับมาดี เราต้องก้าวข้ามคนๆหนึ่งไป เขาคงไม่มีความสุขที่ใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ ถึงเวลาที่ต้องจับมือพาประเทศนำไปสู่ความสามัคคี

              ส่วนนายเนวินจะเข้ามาช่วยพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า นายเนวินมีความสุขกับการทำฟุตบอล เพราะความสำเร็จต่างๆ ได้นำชื่อเสียงมาสู่ประเทศไทย ซึ่งการส่งทีมฟุตบอลไทยไปเตะในต่างประเทศ ก็ส่งผลถึงการช่วยเหลือนโยบายของพรรคภูมิใจไทยทางอ้อม 



ปิดปากไม่ขอวิจารณ์"อนุทิน"

          นายชวรัตน์  กล่าวถึงกระแสข่าวที่จะมีการพลักดันนายอนุทิน ชาญวีรกูล บุตรชาย ขึ้นดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยคนใหม่ว่า เมื่อเขาพ้นการถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองก็มีสิทธิ์ที่จะเล่นการเมืองได้
 
          ส่วนที่นายชัย ชิดชอบ ส.ส.บัญชีรายชื่อ อดีตประธานรัฐสภา ระบุว่า นายอนุทิน เหมาะที่จะดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคคนถัดไป นายชวรัตน์ กล่าวว่า เป็นความคิดเห็นของนายชัย ตนไม่สามารถที่จะระบุได้เหมาะหรือไม่เหมาะ เนื่องจากตนกับนายอนุทิน มีผลประโยชน์ทับซ้อน เพราะเป็นพ่อลูกกัน
 
          เมื่อถามว่า หากนักการเมืองบ้านเลขที่ 111 กลับมา จะทำให้พรรคภูมิใจไทย มีความเข้มแข็งมากขึ้นหรือไม่ นายชวรัตน์  กล่าวว่า ตนมั่นใจจะเป็นเช่นนั้น เพราะจะมีบุคลากรที่มีความรู้ความชำนาญด้านการเมืองเพิ่มมากขึ้น ที่จะมาช่วยกันทำงานแก้ไขปัญหาให้กับประเทศชาติ อย่างไรก็ตามในระหว่างนี้ตนก็หวังที่จะให้ประเทศชาติ มีความสงบสุข ตนก็จะถือโอกาสวางมือ เพื่อที่จะได้พักผ่อนบ้างและหากจะให้เกิดบรรยากาศปรองดอง จะต้องมีการถอยคนละก้าวเพื่อที่จะทำให้ “ฟ้าใส” ขึ้น
 
          เมื่อถามว่า หลายฝ่ายเกรงว่า ข้อเสนอของการปรองดอง จะมีการออกกฎหมายเพื่อนิรโทษกรรมให้กับใครบางคน นายชวรัตน์ กล่าวว่า ตรงนี้แล้วแต่คนจะมอง บางคนก็ไม่ได้มองแบบนั้น เพราะตนมองว่าคนเราสามารถทำผิดได้ทุกคน และคนที่ผิดก็ต้องให้โอกาสเขาแก้ไข เมื่อเขาแก้ไขแล้ว เราก็ต้องรู้จักให้อภัย เรื่องหนักก็จะกลายเป็นเบา ต้องรู้จักอโหสิกรรมให้กัน และต้องมีคุณธรรม ทั้งนี้ เนื่องในวาระที่พรรคภูมิใจไทย ก้าวเข้าสู่ปีที่ 4 ถือว่าพรรคมีความเจริญเติบโตอย่างร่วมเร็ว จากที่มีส.ส. 23 คน เพิ่มเป็น 34 คน ซึ่งถือว่าพรรคสามารถทำงานได้อย่างมีคุณภาพ
 
          เมื่อถามว่า ในอนาคต พรรคภูมิใจไทย จะมีการควบรวมกับพรรคอื่นเพื่อความเข้มแข็งหรือไม่ นายชวรัตน์ กล่าวว่า เรื่องของการเมือง อะไรก็เกิดขึ้นได้ ถ้าเป็นเงื่อนไขที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศก็สามารถที่จะทำได้