
นางงามข้ามเพศสู้ตายเวทียูนิเวิร์ส
'เยนนา ทาลัคโควา' สาวงามข้ามเพศชาวแคนาดาลั่นสู้ตาย ลุยร้องยกเลิกกฎห้ามประกวดมิสยูนิเวิร์ส
5 เม.ย.55 ยังเป็นกระแสถกเถียงไม่จบกรณีที่ "เยนนา ทาลัคโควา" นางแบบสาวประเภทสอง จากนครแวนคูเวอร์ วัย 23 ปี ถูกกองประกวดมิสยูเวิร์สแคนาดา ตัดสิทธิ์จากการประกวดมิสยูนิเวิร์สแคนาดา 2012 ทั้งที่ผ่านการคัดเลือกเป็น 1 ใน 65 สาวงามรอบสุดท้ายเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา หลังจากพบว่า เธอเคยเป็นผู้ชาย ที่ผ่านการผ่าตัดแปลงเพศเมื่อ 4 ปีก่อน กลายเป็นข่าวดังทั่วโลก และมีผู้ร่วมลงชื่อผ่านคำร้องออนไลน์สนับสนุนให้เธอเข้าร่วมประกวดได้กว่า 2.8 หมื่นคน
และแม้ว่าเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา "มิส ยูนิเวิร์ส ออร์กาไนเซชั่น" บริษัทเจ้าของลิขสิทธิ์การประกวดนางงามจักรวาล มีสำนักงานในนิวยอร์ค ที่มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน นายโดนัลด์ ทรัมพ์ เป็นเจ้าของร่วมกับเอ็นบีซี ยูนิเวอร์ซัล ได้ออกแถลงการณ์ระบุว่า "เยนนาสามารถเข้าประกวดได้ หากเธอได้รับการรับรองด้านเพศสภาพตามกฎหมายของแคนาดา และตามมาตรฐานที่กองประกวดระดับสากลอื่นๆกำหนดขึ้น"
แต่เรื่องไม่จบแค่นั้น เมื่อเยนนา พร้อมทนายความชื่อดัง กลอเรีย อัลเฟร็ด ได้เปิดแถลงข่าวที่นครลอสแอนเจลิส ในวันอังคาร ว่าแถลงการณ์ดังกล่าว ยังสับสนและไม่กระจ่างพอ พร้อมกับเรียกร้องให้นายทรัมพ์ ระบุให้ชัดลงไปว่า เยนนาจะได้รับอนุญาตให้เข้าประกวดชิงมงกุฎนางงามแคนาดาในเดือนพฤษภาคมนี้ ไม่ว่าฝ่ายแคนาดาจะเห็นอย่างไรก็ตาม และบอกให้ชัดว่า เธอสามารถที่จะเป็นตัวแทนแคนาดาไปประชันความงามบนเวทีมิส ยูนิเวิร์สได้หรือไม่หากเธอชนะ
นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้นายทรัมพ์ ยกเลิกคุณสมบัติของผู้ประกวดที่ว่า จะต้องเป็นผู้หญิงตั้งแต่กำเนิดด้วย
"ไม่เช่นนั้น เราก็จะพิจารณาทุกทางกฎหมายตามกฎหมาย" ทนายกล่าว
เยนนา กล่าวว่า เธอต้องการให้นายทรัมพ์ระบุให้ชัดว่า กฎที่ทำให้เธอไม่สามารถเข้าประกวดได้จะถูกยกเลิก เพราะไม่ต้องการให้ผู้หญิงคนอื่น ถูกเลือกปฏิบัติเหมือนอย่างเธอ
นอกจากนี้ ทนายยังได้แสดงสำเนาหนังสือเดินทางของลูกความที่ระบุชัดว่า เธอเป็นผู้หญิง เช่นเดียวกับชื่อในสูติบัตร และใบขับขี่
"ฉันเป็นผู้หญิง ฉันรู้สึกแย่มาก และรู้สึกว่าการถูกตัดสิทธิ์จากการประกวดด้วยเหตุผลที่พวกเขาให้มานั้น ไม่ยุติธรรมเลย ฉันไม่เคยร้องขอการพิจารณาแบบพิเศษ แค่อยากร่วมแข่งขันเท่านั้น"
ด้านนายโจ อาร์เวย์ ทนายอีกคน กล่าวว่า ทีมกฎหมายจะยื่นร้องเรียนไปยังคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนออนตาริโอ เพราะคุณสมบัติที่ว่าต้องเกิดเป็นผู้หญิงตามธรรมชาติ ถึงเข้าประกวดได้ น่าจะขัดกับกฎหมายว่าด้วยสิทธิมนุษยชนของแคนาดา นอกจากนี้ ในแถลงการณ์ของมิส ยูนิเวิร์ส ออร์กาไนเซชั่น ที่ระบุว่า ทาลัคโควาจะต้องมีคุณสมบัติตามที่ผู้จัดประกวดเวทีสากลอื่นๆกำหนดนั้น ก็ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าเป็นเวทีใดบ้าง
อย่างไรก็ดี มิสยูนิเวิร์ส ออร์กาไนเซชั่น ได้ออกแถลงการณ์วันเดียวกันว่า การแถลงข่าวของกลอเรีย อัลเฟรด ละเลยข้อเท็จจริงที่ว่า นายทรัมพ์และบริษัทฯ ได้ตัดสินใจอย่างเป็นธรรมและเป็นกลางแล้วในอันที่จะอนุญาตให้เยนนา เข้าประกวาดมิสยูนิเวิร์สแคนาดาได้ และการประเมินกฎเกณฑ์ข้อนี้เพิ่มเติม จะไม่เกิดขึ้นอีก นอกจากนี้ นายทรัมพ์ยังอวยพรให้เยนนาโชคดีในการประกวด
ทาลัคโควา เคยมาร่วมประกวด มิส อินเตอร์เนชั่นแนล ควีน เวทีประชันความงามของสตรีข้ามเพศในประเทศไทย เมื่อปี 2553 และเคยให้สัมภาษณ์ว่า รู้ตัวว่าเป็นผู้หญิงตั้งแต่เริ่มจำความได้ เริ่มใช้ฮอร์โมนเมื่ออายุ 14 และเข้าผ่าตัดเปลี่ยนเพศเมื่ออายุ 19 ปี
นางสาวอลิสา พันธุศักดิ์ ประธานคณะกรรมการจัดการประกวด มิสทิฟฟานี่ ยูนิเวิร์ส ให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่า เป็นเรื่องยากที่จะตัดสิทธิ์ผู้เข้าประกวดคนนี้ออกจากการประกวด เพราะที่จริงแล้วทางผู้จัดควรมีการตรวจสอบและกลั่นกรองคุณสมบัติให้ตรงตามกติกาการประกวดอย่างเคร่งครัด ตั้งแต่วันแรกที่มาสมัครแล้ว
"สำหรับเวทีประกวดมิสอินเตอร์เนชั่นแนลควีน ในใบสมัครจะกำหนดไว้เลยว่า เกิดมาต้องเป็นผู้ชาย หรือต้องสามารถตรวจสอบได้ว่าเคยเป็นผู้ชายมาก่อน เพราะทุกปีจะมีผู้เข้าประกวดจากหลายประเทศที่ได้รับอนุญาติ ให้เปลี่ยนคำนำหน้าชื่อได้หลังจากแปลงเพศแล้ว ทางกองประกวดจึงต้องขอใบเปลี่ยนคำนำหน้านาม และใบรับรองจากคุณหมอว่าผ่านการแปลงเพศแล้ว และแปลงเพศมาตั้งแต่เมื่อไหร่ด้วย อย่างสาวคนนี้เธอก็มาสมัครประกวดมิสอินเตอร์เนชั่นแนลควีนเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ซึ่งทางกองประกวดก็ตรวจสอบตามขั้นตอนที่บอกไป แต่ในบ้านเราอาจยังไม่มีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่จะมาตรวจสอบตรงนี้" น.ส.อลิสา กล่าว
ด้าน นางสุวิสา สุวรรณลอย ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาผู้มีความสามารถพิเศษ สำนักเอ็มคอด อคาเดมี บมจ.อสมท ในฐานะกองดูแลนางสาวไทย กล่าวว่า ไม่ขอแสดงคิดเห็นถึงในกรณีดังกล่าว แต่สำหรับเวทีนางสาวไทยการดำเนินการประกวดมีวัตถุประสงค์ชัดเจนอยู่แล้วว่า ต้องการเฟ้นหาสุภาพสตรีไทยจริงๆ เพื่อไปทำงานด้านทูตวัฒธรรมและการท่องเที่ยวเป็นหลัก เพราะฉะนั้นเวลาที่น้องๆ ไปทำงานที่ไหนต้องแสดงความเป็นกุลสตรีไทยชัดเจน และโดยส่วนตัวมองว่าประเทศไทย ไม่มีกฎหมายรองรับการเรื่องแปลงเพศ คือ ถึงจะผ่านขั้นตอนแปลงเพศแล้ว ก็ยังมีคำนำหน้าว่า "นาย" อยู่ดี
ส่วน นายณวัฒน์ อิสรไกรศีล ผู้จัดการกองประกวดมิสไทยแลนด์เวิลด์ กล่าวว่า สำหรับประเทศไทยไม่น่าจะมีปัญหาแบบนี้เกิดขึ้นกับการประกวดอย่างแน่นอน เนื่องจากประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายให้มีการเปลี่ยนแปลงคำนำหน้าจากนายเป็นนางสาว แต่ถ้าหากประเทศไทย มีกฎหมายสามารถเปลี่ยนแปลงคำนำหน้าได้ คงต้องยอมรับและให้เขาเข้าร่วมประกวด เนื่องจากเขาได้เป็นสุภาพสตรีไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่จะได้รับมงกุฎหรือเปล่าอันนี้คงเป็นอีกกรณีหนึ่ง
"ผมต้องบอกว่าประเทศที่ยอมรับให้มีการเปลี่ยนแปลงคำนำหน้า จะต้องยอมรับในการเปลี่ยนแปลงข้อกฎหมายเหล่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องของสิทธิส่วนบุคคล แต่ประเทศที่กำลังคิดจะเปลี่ยนแปลงกฎหมายให้สามารถเปลี่ยนคำนำหน้าได้นั้น ต้องศึกษาในเรื่องของข้อกฎหมายให้ดีด้วย ต้องมีการพิสูจน์ทุกอย่างอย่างละเอียด เพื่อไม่ให้มีข้อกังขาว่าเขาคนนี้เป็นเพศอะไรกันแน่ ไม่ใช่ว่าเขาแต่งเป็นผู้หญิงแต่ยังไม่ได้แปลงเพศแล้วจะเปลี่ยนคำนำหน้า กรณีแบบนี้ถ้าจะให้เปลี่ยนคำนำหน้าต้องระมัดระวัง เพราะอาจจะกลายเป็นช่องโหว่ในการทำผิดกฎหมายได้ด้วยเหมือนกัน" นายณวัตน์ กล่าว