
'เทพฤทธิ์'ผงาดแชมป์โลก!ทุบยุ่นจอดยก9
เทพฤทธิ์ ศิษย์หมอเส็ง ระดมกำปั้นใส่ โทโมโนบุ ชิมิสึ คู่ชกชาวญี่ปุ่น ก่อนเอาชนะทีเคโอในยกที่ 9 กลายเป็นแชมป์โลกรุ่นซูเปอร์ฟลายเวท (115 ปอนด์) สมาคมมวยโลกตัวจริงได้สำเร็จ
4 เม.ย. 55 การชกป้องกันตำแหน่งแชมป์มวยโลก รุ่นซูเปอร์ฟลายเวท สมาคมมวยโลก ระหว่าง เทพฤทธิ์ ศิษย์หมอเส็ง เจ้าของเข็มขัดชาวไทย กับ โทโมโนบุ ชิมิสึ แชมป์ลาพักชาวญี่ปุ่น ที่โยโกฮามา อารีนา ประเทศญี่ปุ่น เริ่มต้นขึ้นมาในช่วง 3 ยกแรก เทพฤทธิ์ เป็นฝ่ายเดินจี้เข้าใส่เร็วทันที พร้อมกับออกหมัดซ้ายขวาหนักๆ เข้าใส่ ขณะที่ ชิมิสึ ใช้หมัดแย็บซ้าย พร้อมกับบวกหมัดขวาตรงเข้าที่ใบหน้านักชกไทย
เข้าสู่ยกที่ 4 เทพฤทธิ์ดึงจังหวะช้าลง ก่อนจะยิงหมัดซ้ายตามด้วยขวาตรงเข้าที่ใบหน้าของ ชิมิสึ อย่างจังจนนักชกชาวญี่ปุ่นถึงกับเซ แชมป์โลกชาวไทยไม่รอช้าปราดเข้ากระหน่ำหมัดชุดใหญ่ทั้งซ้ายขวา แต่ยังเก็บคู่ชกไม่ลง ช่วงท้ายยก ชิมิสึ กลับมามีฮึดต่อยคืนได้บ้าง จากนั้นในยกที่ 5 เทพฤทธิ์ ผ่อนเกมใช้การคุมเชิง ทำให้โดน ชิมิสึ ที่มีความเร็วมากกว่าใช้หมัดแย็บซ้ายเข้าที่ใบหน้าหลายหน
เกมการชกในยกที่ 6 แม้ว่า เทพฤทธิ์ จะเดินเร็วขึ้นกว่าเดิม เน้นออกหมัดเข้าลำตัวสลับใบหน้า แต่โดนดักแย็บตลอด ทำให้เสียจังหวะไปหลายหน รวมทั้งในยกที่ 7 และ 8 ชิมิสึ ใช้หมัดแย็บซ้ายอย่างได้ผล ขณะที่ เพพฤทธิ์ ที่เดินเปิดหน้าเข้าใส่ แต่หลังจากใช้แรงไปมากทำให้ช้าลงไป ทำให้การชกเป็นไปอย่างสูสี
เข้าสู่ยกที่ 9 ช่วงต้นยก ชิมิสึ ทำได้ดีกว่าด้วยการออกหมัดแย็บซ้าย และขวาตรงเข้าใบหน้าเทพฤทธิ์ แต่เมื่อเข้าช่วงกลางยก นักชกชาวไทยเริ่มเร่งเครื่องขึ้นมาอีกครั้งหลังจากยิงหมัด 1-2 ใบหน้าจนคู่ชกเริ่มซึม แล้วได้จังหวะอัดหมัดขวาเข้าเต็มคางจนชิมิสึเกือบร่วง เทพฤทธิ์ ไม่ทิ้งนาทีทองออกไปเป็นหนที่สอง ด้วยการเดินรุกไล่กระหน่ำหมัดทั้งซ้าย-ขวา เข้าใบหน้าชิมิสึ ที่ถอยไปติดเชือก จนหน้าสะบัดไปมาเกือบ 20 หมัด จนแทบหมดสภาพ ทำให้ เฟอร์ลิน มาร์ช กรรมการผู้ห้ามบนเวทีจากนิวซีแลนด์ ตัดสินใจยุติการชก ทำให้ เทพฤทธิ์ เป็นฝ่ายชนะทีเคโอในยกนี้ พร้อมกับกลายเป็นแชมป์ตัวจริงของรุ่นนี้ทันที
หลังการชก เทพฤทธิ์ กล่าวว่า ทำตามหน้าที่ได้ดีที่สุดแล้ว ชิมิสึ เป็นนักชกที่มีความเร็วจนแทบตามไม่ทัน ขอขอบคุณแฟนมวยชาวไทยที่ส่งใจมาเชียร์ และมีความมั่นใจในตนเอง ตลอดการชกมั่นใจว่าชนะไฟท์นี้แน่ รวมทั้งขอบคุณกองเชียร์ชาวญี่ปุ่นด้วย
----------
(หมายเหตุ : ที่มาภาพ : AFP)
----------