
สาวร้อยเอ็ด-เขยฝรั่งจากเมืองผู้ดี
สาวร้อยเอ็ด-เขยฝรั่งจากเมืองผู้ดี 'เรารักเมืองไทย' : คอลัมน์ เขยฝรั่ง สะใภ้อินเตอร์ : โดย...สาวลักษ์ คงภัคพูน // วินัย วงศ์วีระขันธ์
"พยอม สังฆมณี" หญิงชาวร้อยเอ็ด ดำเนินมาเหมือนกับผู้คนอีกหลายหมื่นหลายแสนชีวิต เติบโตพอมีเหย้าเรือนก็แต่งงาน มีลูก 2 คน แต่ชีวิตที่ดูเหมือนจะราบเรียบ กลับต้องตาลปัตร เมื่อครอบครัวแตกสลาย "พยอม" ต้องทำหน้าที่เลี้ยงดูบุตรทั้งสองคนตามลำพัง ช่วงจังหวะชีวิตขณะนั้น แทบไม่มีเรี่ยวแรงที่จะพอให้ผ่านพ้นไปวันๆ แต่เมื่อเห็นสายตาเดียงสาของลูก อนาคตของลูก เป็นสิ่งที่ทำให้พยอมต้องฮึดสู้อีกครั้ง
จังหวะที่ขาดคนปรึกษา ขาดคู่คิด ขาดมิตรที่ดี ฟ้ากลับส่งกำลังใจดีๆ มาให้ ทำให้ได้รู้จักกับ "สแตนเล่ เฟรเดอริคพิชเชอร์" วิศวกรชาวเมืองซัลลิสเบอรี่ ประเทศอังกฤษ ผ่านทางอินเทอร์เน็ต สนทนาเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างพอได้หายเหงาอยู่นานเกือบปี
"รู้จักกันทางโลกออนไลน์คุยกันผ่านทางอินเทอร์เน็ต ตอนแรกเขาไม่ได้ลงรูป เราก็บอกให้เขาลงรูปให้เห็นเพราะอยากรู้จักหน้าตาบ้าง พอเห็นแล้วตกใจ เพราะรูปร่างสูงใหญ่ดูน่ากลัว เพื่อนบอกให้เลิกคุยกับเขาเลย เพราะไม่รู้ว่าจะเป็นคนดีไหม จึงเลิกติดต่อไป แต่เขาก็ไม่ละความพยายาม ฝากข้อความถึงตลอดชวนคุยเรื่องดินฟ้าอากาศ เรื่องงาน ไปเรื่อยเปื่อย เห็นว่าเขาจริงใจก็เลยกลับมาคุยกันอีกครั้ง หลังจากนั้นเพียงอาทิตย์เดียวเขาก็เดินทางมาหาถึงร้อยเอ็ด"
ที่ตัดสินใจมาหาแบบด่วนๆ "สแตนเล่ " บอกว่า ช่วงที่พยอมหายไปไม่ติดต่อกลับมา คิดถึงมาก
พอเธอกลับมาพูดคุยด้วยอีกครั้งรู้สึกดีใจ ตัดสินใจเดินทางมาเมืองไทยทันที ยิ่งได้เจอตัวจริงก็รู้ว่าเป็นคนจริงใจ ไม่พูดโกหก ซื่อ คุยกันอย่างไร รูปภาพบนอินเทอร์เน็ตที่แนะนำตัวเป็นแบบไหน ตัวจริงเขาก็เป็นแบบนั้น
ช่วงเวลา 15 วันที่อยู่เมืองไทย พยอมเป็นไกด์พาสแตนเล่เดินทางตระเวนไปเที่ยวทั้งภาคใต้ ที่ภูเก็ตขึ้นเหนือไปเชียงใหม่ ตลอดการเดินทางทำให้ทั้งคู่ต่างได้ศึกษานิสัยใจคอกันมากขึ้น ยิ่งสร้างความประทับใจให้แก่ฝ่ายชายจนตัดสินใจขอแต่งงานแบบสายฟ้าแลบ
"วันที่ขอแต่งงาน เราไปเที่ยวกันที่เชียงใหม่ หลังจากไปเที่ยวมาทั้งวัน เขาก็ชวนไปร้านเพชร แล้วให้เลือกว่า ชอบวงไหน จากนั้นก็กลับมาที่ห้อง เขาเข้ามาคุกเข่าและก็ขอแต่งงาน ตอนแรกไม่ได้รู้สึกอะไรเลย เพราะยังไม่ได้รู้สึกรัก เรายังรู้จักกันน้อย แต่เท่าที่รู้จักก็คิดว่าเขาจะรักเราจริง จึงตัดสินใจตอบรับ"
หลังจากตัดสินใจแต่งงานใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน ไม่นานพยอมเดินทางข้ามฟ้าไปอยู่กับสามีที่ประเทศอังกฤษอาศัยอยู่นาน 3 ปี ในช่วงนั้นเธอช่วยงานรับเหมาก่อสร้างของสามีอย่างขยันขันแข็ง ตามแบบฉบับของหญิงไทยที่ไม่เคยงอมืองอเท้า
"ไปเป็นลูกมือคอยช่วยหยิบจับ ดูแลเรื่องอื่นๆ ด้วย เขาเองก็ดูแลเลี้ยงดูเราอย่างดี ไม่เคยมีปัญหาเรื่องการกินการอยู่ ตลอด 3 ปีที่ไปอยู่ต่างประเทศ หากว่างจากการทำงานก็จะพาไปท่องเที่ยวทั้งในอังกฤษและต่างประเทศ ทุก 3-4 เดือนเขาจะพากลับบ้านที่เมืองไทยถือว่ากลับบ่อย เพราะสามีกลัวว่าเราจะคิดถึงลูก ทำให้เรื่องคิดถึงบ้านไม่มีเลย แต่คิดถึงอาหารไทยมากกว่า"
ปัจจุบันสแตนเล่ อายุ 61 ปี ส่วนพยอม อายุ 48 ปี ช่วงอายุที่ห่างกันถึง 13 ปี ทำให้การครองคู่กับคนต่างชาติต่างภาษา ที่มีวัยห่างกันเกิดความไม่เข้าใจกัน ทะเลาะกันบ้างในบางครั้ง ทำให้ทั้งคู่ต้องปรับตัวเข้าหากัน หากมีเรื่องไม่สบายใจก็จะพูดคุยหาทางออกให้แก่ครอบครัว
"มีบ้างที่ทะเลาะกันก็แก้ปัญหาเป็นเรื่องๆ ไป เราไม่ชอบเขาพูดเสียงดัง พอบอกเขาก็บอกเป็นนิสัยไปแล้ว จะให้เปลี่ยนกะทันหันก็คงยาก แต่เรื่องทะเลาะกันแล้วมาดุด่าเราไหมไม่เคย ก็ต่างคนต่างปรับตัว ต่างจูนคลื่นหากันให้เหมาะสม เพื่อชีวิตคู่จะได้มีความสุข"
ความรักที่มีต่อสาวไทย รวมถึงชื่นชอบอัธยาศัย และบรรยากาศผู้คนในชนบทของประเทศไทย สแตนเล่ปรึกษากับภรรยาก่อนตัดสินใจเดินทางกลับมาปักหลักที่บ้านเกิดที่บ้านดงลาน ต.ดงลาน อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด
"ที่อังกฤษบ้านเมืองเขาน่าอยู่ก็จริง แต่ก็อยู่แบบต่างคนต่างอยู่ ตัวใครตัวมัน ผมชอบเมืองไทย ชอบวัฒนธรรมไทย วิถีชีวิตแบบคนไทย ชอบธรรมชาติ โดยเฉพาะคนไทยมีอัธยาศัยดี มีน้ำใจ จึงปรึกษาภรรยาแล้วตัดสินใจเดินทางมาอยู่เมืองไทยด้วยกัน"
ทันทีที่กลับมาอยู่บ้าน พยอมและสามี มุ่งหน้าวางรากฐานความมั่นคงร่วมกันทันที จากที่สแตนเล่มีฝีมือในงานก่อสร้าง ทั้งคู่จึงเริ่มต้นสร้างครอบครัวที่ร้อยเอ็ดด้วยการออกแบบสร้างบ้านในฝันด้วยฝีมือตัวเอง บ้านแทบทั้งหลังเกิดจากฝีมือของเขาทั้งสิ้น เนรมิตที่ดิน 10 ไร่ สร้างบ้านส่วนหนึ่ง ขุดสระเลี้ยงปลา เลี้ยงวัว ไก่เนื้อ ปลูกต้นไม้และพืชผักสวนครัวเต็มบ้าน เรียกว่าแทบไม่ต้องซื้อ
หากหมู่บ้านมีงานบุญกุศล สแตนเล่ไม่เคยรอช้าที่จะเข้าร่วมทำบุญอยู่เสมอ จนเป็นที่รู้จักรักใคร่ของชาวบ้านในหมู่บ้าน นอกจากนี้การกลับมาอยู่บ้านยิ่งทำให้รู้สึกอุ่นใจเพราะได้ดูแลเอาใจใส่ลูกอย่างใกล้ชิดด้วย แม้ชีวิตจะสบายขึ้น แต่ทั้งคู่ก็ใช้เวลาว่างลงทุนเปิดร้านขายไอศกรีม หน้าโรงเรียนกวดวิชาไปพร้อมกัน
"ปกติอยู่บ้านเฉยๆ ไม่ต้องดิ้นรนก็พอมีอยู่มีกินเลี้ยงครอบครัวสบายๆ แต่ที่ออกมาทำงานเพราะไม่อยากอยู่เฉยๆ อะไรที่พอทำได้ก็ช่วยกันหารายได้เลี้ยงดูครอบครัว สำหรับร้านไอศกรีมที่เปิดขึ้นก็เหมือนเป็นอาชีพเราด้วย เป็นที่พบปะเพื่อนฝูง และสร้างรายได้ ส่วนสามีเขาสนใจศึกษาแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง ตอนนี้ปลูกผักเลี้ยงปลาใช้ชีวิตมีความสุขตามอัตภาพ เวลาพักผ่อนก็ไปเที่ยวทะเล เที่ยวในสถานที่ต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ และที่ขาดไม่ได้เลยคือ ต้องไปเชียร์ทีมบอลร้อยเอ็ด ยูไนเต็ด ทีมฟุตบอลดังจากดิวิชั่น 2 เป็นเจ้าบ้านเมื่อไหร่จะต้องไปนั่งเชียร์ที่ขอบสนามทุกนัด"
เขยฝรั่งบอกว่า ไม่มีที่ไหนสุขใจ สบายกาย เท่าอยู่ประเทศไทย...ฉันรักเมืองไทย
...........................
(หมายเหตุ : สาวร้อยเอ็ด-เขยฝรั่งจากเมืองผู้ดี 'เรารักเมืองไทย' : คอลัมน์ เขยฝรั่ง สะใภ้อินเตอร์ : โดย...สาวลักษ์ คงภัคพูน // วินัย วงศ์วีระขันธ์)