ข่าว

โจรใต้เหิม!ปาบึ้มปั๊มปัตตานีพลาดเป้า-ไร้เจ็บ

โจรใต้เหิม!ปาบึ้มปั๊มปัตตานีพลาดเป้า-ไร้เจ็บ

04 เม.ย. 2555

โจรใต้!ป่วนรายวัน ปาระเบิดปั้มน้ำมัน บริเวณบ้านพงสะตา จ.ปัตตานี โชคดีพลาดเป้าโดนรถยนต์พังยับ-ไร้เจ็บ ขณะที่ จนท.รวบต้องสงสัยคาร์บอมยะลาแล้ว1ราย แต่ยังปฏิเสธ เตรียมขยายผล พร้อมออกหมายจับและคุมตัวคดีลอบวางระเบิด ที่ อ.แม่ลาน

                  4 เม.ย.55 เจ้าหน้าที่หน่วยพิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบเหตุคนร้ายจำนวน 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ 125 เป็นพาหนะ แล้วใช้ระเบิดขว้างใส่ปั๊มน้ำมัน บริเวณบ้านพงสะตา หมู่ที่ 5 ต.ยะรัง อ.ยะรัง จ.ปัตตานี แต่ไม่มีผู้ใด ได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากระเบิดพลาดเป้า ไปถูกรถยนต์ฮุนได เลขทะเบียน ฮน-7105 กทม. ถูกแรงระเบิด ได้รับความเสียหายทั้งคัน ส่วนประเด็นและสาเหตุ เจ้าหน้าที่เชื่อว่า เป็นการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบ เพื่อตอบโต้ หลังจากเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวมือวางระเบิดบริเวณร้านอาหาร อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี เมื่อวานที่ผ่านมา

 

รวบต้องสงสัยคาร์บอมยะลาแล้ว1ราย แต่ยังปฏิเสธ เตรียมขยายผล

                 จากกรณีเจ้าหน้าที่ทหาร ฉก.ยะลา 11 สนธิกำลังชุดสืบสวนคดีสำคัญตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน สภ.เมืองยะลา และฝ่ายปกครองจำนวนกว่า 150 นาย เข้าปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายชุมชนโรงเรียนตาร์เบียตุลวาตันมูลนิธิ หมู่ 1 บ.พงรือไร ต.บันนังสาเร็ง อ.เมือง จ.ยะลา  ซึ่งสามารถตรวจยึดอุปกรณ์ที่คาดว่า ใช้ประกอบระเบิดได้หลายรายการ โดยเฉพาะเหล็กเส้นตัด แผงวงจรอีเลคทรอนิค ได้ที่บ้านเลขที่ 89/6 บ.พงยือไร หมู่ 1 และที่บ้านไม่มีเลขที่ใกล้กันพบลวดเชื่อมโลหะ สายไฟ รวมถึงถังแก๊สสภาพใช้งานแล้ว 17 ถัง อยู่ภายในบ้านเลขที่ 89/34  บ.พงยือไร หมู่ 1 เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจยึดสิ่งของที่พบเอาไว้ทั้งสิ้น 22 รายการ รวมทั้งทำการตรวจดีเอ็นเอ ผู้ต้องสงสัยจำนวน 3 คน ซึ่งการปฎิบัติการดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 3 เม.ย.ที่ผ่านมา ตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้วนั้น

                ความคืบหน้าด้านคดีล่าสุดเมื่อเวลา 08.45 น. วันที่ 4 เมษายน 2555 ที่ศูนย์ปฎิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศชต.) อ.เมือง จ.ยะลา  พล.ต.อ.วรพงษ์  ชิวปรีชา  ที่ปรึกษา (สบ.10) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  เปิดเผยว่า สำหรับความคืบหน้าด้านคดีนั้นก็มีความคืบหน้ามาก โดยเฉพาะหลักฐานด้านคดี ที่ทำให้ทราบจุดเริ่มต้นของรถที่ประกอบระเบิด และได้ทำการตรวจค้นเป้าหมายดังกล่าว ก็ได้พยานวัตถุจำนวนมาก ที่น่าเชื่อว่าจะสามารถเชื่อมโยงถึงผู้กระทำความผิดได้  ส่วนข่าวการควบคุมผู้ต้องสงสัยนั้นก็ขอไม่เปิดเผยในขณะนี้  ทั้งนี้การเชื่อมโยงเหตุของยะลากับที่หาดใหญ่นั้น พบว่ารถที่นำมาใช้ก่อเหตุ เป็นรถที่ชิงทรัพย์มาจากในพื้นที่ ส่วนการประกอบระเบิดยังไม่ยืนยันว่าเหมือนกันหรือไม่ ซึ่งจะต้องรอหลักฐานที่ชัดเจน

                “ส่วนพยานหลักฐานที่พบในขณะนี้นั้น จะต้องรอผลพิสูจน์เพิ่มเติมอีกนิดหน่อย ก็จะสามารถออกหมายจับคนร้ายที่ก่อเหตุได้ ซึ่งจากข้อมูลเดิมก็จะเป็นกลุ่มเดิมๆในพื้นที่ แต่มีความมั่นใจที่จะสามารถออกหมายจับและสามารถติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุได้แน่” ที่ปรึกษา (สบ.10) สนง.ตำรวจแห่งชาติ  กล่าว

                ทั้งนี้มีรายงานจากชุดสืบสวนสอบสวนระบุว่า หลังจากเจ้าหน้าที่ได้วัตถุพยาน โดยเฉพาะภาพจากกล้องวงจรปิด เจ้าหน้าที่ได้เข้าทำการเชิญตัวผู้ต้องสงสัยเอาไว้ 1 รายคือนายอนุวัฒน์  โต๊ะเจ๊ะ  อายุ 22 ปี  ชาวตำบลยุโป อ.เมือง จ.ยะลา  ที่พบว่าเป็นผู้ขับรถติดตามรถยนต์กระบะที่ประกอบวัตถุระเบิดในจุดแรก  จึงได้เชิญตัวบุคคลดังกล่าวไว้ซักถาม ว่าจะเกี่ยวข้องหรือไม่ โดยมีรายงานว่าในเบื้องต้นนายอนุวัฒน์ยังให้การปฎิเสธ

 

กอ.รมน.ภาค 4 ย้ำให้เจ้าหน้าที่จำกัดเสรีผู้ก่อเหตุรุนแรงไม่ให้สามารถสร้างสถานการณ์ได้

               พันเอกปราโมทย์ พรหมอินทร์  รองโฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวถึงมาตรการในการรักษาความปลอดภัย และการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า พลเอกประยุทธ์  จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ได้สั่งการเน้นย้ำในเรื่องการตรวจสอบระบบข้อมูลบุคคลและยานพาหนะให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยให้หน่วยเฉพาะกิจประจำพื้นที่มีความพร้อมด้านกำลังพล ให้สามารถกดดันและจำกัดเสรีผู้ก่อเหตุรุนแรงให้มีประสิทธิภาพ โดยมุ่งเน้นให้เกิดเอกภาพในการปฏิบัติงานร่วมกันของทุกหน่วยงานทั้ง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า, ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ และส่วนราชการจังหวัด ที่จะต้องร่วมกันขับเคลื่อนปฏิบัติงานภายใต้ยุทธศาสตร์ของ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ทั้ง 6 ยุทธศาสตร์ โดยจะเชิญทุกฝ่ายร่วมประชุมหารือเพื่อหาแนวทางในการบูรณาการการปฏิบัติงานให้เหมาะสม

                  สำหรับในระดับพื้นที่ขอให้มีการประสานงานกันอย่างใกล้ชิด ดังนั้นทุกหน่วยงานจะต้องใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ ในการปฏิบัติงานร่วมกัน โดยกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวในเรื่องการบังคับบัญชาและงบประมาณ รวมทั้งให้ทุกหน่วยออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อกรณีปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น ด้วยการชี้แจงเรื่องราวต่างๆ ที่จะนำไปสู่การเสริมสร้างความเข้าใจ นอกจากนั้นยังได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยไม่สร้างเงื่อนไขที่จะเป็นประเด็นเข้าสู่องค์กรสหประชาชาติ หรือ OIC เช่น ทหาร, เด็ก, การละเมิดต่อหลักสิทธิมนุษยชน หรือการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เป็นธรรม โดยในช่วงที่ผ่านมาทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง ได้ทุ่มเทการปฏิบัติงานกันอย่างเต็มที่อยู่แล้วมีผลการปฏิบัติงานเป็นรูปธรรมหลายอย่าง ทั้งเรื่องการรุกทางทหาร และการจัดการกับปัญหาภัยแทรกซ้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัญหายาเสพติด, น้ำมันเถื่อน ที่พบว่ามีเครือข่ายเชื่อมโยงกับ ผู้ก่อเหตุรุนแรง ซึ่งจะต้องดำเนินการอย่างจริงจัง

                    รองโฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีเหตุการณ์ลอบวางระเบิด เมื่อ 31 มี.ค.ที่ผ่านมานั้น แม้ว่าเจ้าหน้าที่จะใช้ความพยายามอย่างเต็มที่แล้วแต่ยังเกิดช่องว่าง จึงต้องเร่งดำเนินการปรับปรุงแก้ไข ทั้งในเรื่องงานด้านการข่าว และมาตรการในการรักษาความปลอดภัย โดยขอให้ทุกหน่วยได้ตระหนักถึงความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการแบ่งพื้นที่รับผิดชอบในเขตเมือง ให้มีเอกภาพ โดยให้มีการกำหนดแผนการปฏิบัติ มีขั้นตอนการปฏิบัติ และการแบ่งมอบพื้นที่ให้หน่วยต่างๆ ให้ชัดเจนและมีการซักซ้อมอย่างต่อเนื่อง และควรมีการกำหนดมาตรการควบคุมบุคคลและยานพาหนะ

                   สำหรับในพื้นที่ ย่านชุมชน โรงเรียน ตลาด จะต้องมีมาตรการเข้มงวดตลอดเวลา เช่น การเปิดเบาะรถมอเตอร์ไซค์ทุกคัน และหากจำเป็นต้องจัดทำพื้นที่ปลอดภัยเพิ่มเติมจะต้องชี้แจง สร้างความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนให้ทราบถึงเหตุผลและความจำเป็น ในการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งอาจสูญเสียความสะดวกสบายไปบ้าง รวมทั้งได้เรียกร้องให้ทุกภาคส่วนร่วมกันประณามการกระทำดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มองค์กรสิทธิต่างๆ ควรออกมาประณาม และปกป้องสิทธิมนุษยชนของประชาชนผู้บริสุทธิ์ ที่เป็นฝ่ายถูกกระทำมาโดยตลอด เพราะพวกเขามีสิทธิขั้นพื้นฐานที่จะมีชีวิต อยู่ในพื้นที่แห่งนี้ แต่กลับไม่มีองค์กรใดๆ ออกมาเรียกร้องเพื่อปกป้องสิทธิดังกล่าวเลย ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ผู้ก่อเหตุรุนแรง เป็นฝ่ายกระทำต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์มาโดยตลอด จึงจำเป็นต้องนำกฎหมายพิเศษบางฉบับมาบังคับใช้ในพื้นที่ เช่น พรก.ฉุกเฉิน ซึ่งยังคงมีความจำเป็นในการใช้ปกป้อง คุ้มครองชีวิตประชาชนผู้บริสุทธิ์ และใช้เป็นเครื่องมืออำนวยความสะดวกแก่เจ้าหน้าที่ในการรวบรวมพยานหลักฐาน ที่จะนำไปสู่การดำเนินคดีต่อไป

 

ออกหมายจับและคุมตัวคดีลอบวางระเบิด ที่ อ.แม่ลาน

               เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 4 เมษายน 2555 ที่ห้องกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่ลาน จ.ปัตตานี ได้นำตัวนายสัมลี ฮูลูดือเร๊ะ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 36 ม.4 ต.โกตาบารู อ.รามัน จ.ยะลา มาแถลงข่าว โดยมี พล.ต.ต.พิเชษฐ์ ปิติเศรษฐ์พันธ์ ผบก.ภ.จ.ปัตตานี, พตอ.จิรวัฒน์ อุดมสุด รอง ผบก., พลตรีชวลิต ชุลประสาน ผบ.ฉก.ปัตตานี ร่วมแถลงข่าวครั้งนี้

               ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ได้ทำการปิดล้อมตรวจค้นที่บ้านเลขที่ 60/1 ม.4 ต.ม่วงเตี้ย อ.แม่ลาน ซึ่งเป็นบ้านภรรยา และควบคุมตัวนายสัมลี  ที่กำลังนอนอยู่ภายในบ้าน พร้อมของกลาง สายไฟฟ้ายาว 100 กว่าเมตร,คีมตัดเหล็ก, ตะปู โทรศัพท์มือถือ  พร้อม กางเกง 3 ส่วนสีไข่ไก่ เสื้อยืดสีดำ และหมวกแก๊ป และนำตัวผู้ต้องสงสัยตวบคุมไว้ที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 21 อ.ยะรัง จ.ปัตตานี เพื่อสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีgมื่อวันที่ 31 มีนาคม เวลา 12.45 น. ได้มีคนร้ายขับขี่รถจักรยานยนต์คันประกอบระเบิดมาจอดไว้ที่หน้าร้านขายข้าวแกง ม.4 ต.แมลาน ที่เกิดเหตุ แล้วขึ้นซ้อนท้ายรถจยย.ของคนร้ายอีกคนพากันหลบหนี จากนั้นกดชนวนระเบิด ทำให้รถจยย.ที่จอดไว้ระเบิดหวังทำร้ายเจ้าหน้าที่ และเป็นเหตุให้ พ.ต.ท.จิตรการต์ เกื้อก่อยอด รอง ผกก.ป. สภ.แม่ลาน บาดเจ็บ และทรัพย์สินเสียหาย

                หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้พยายามติดตามกลุ่มคนร้าย จากกล้องวงจรปิดจำนวน 6 จุด ตามเส้นทางที่คนร้ายหลบหนี  รวมทั้งดูบุคคลจากกล้องวงจรปิด ที่นำรถมาจอดก่อนระเบิด ก็มีลักษณะเหมือนกัน นอกจากนั้น หลังจากควบคุมตัว ก็ได้พยานบุคคลในที่เกิดเหตุ รวมทั้งพยานวัตถุที่ตรวจค้น รวมถึงโทรศัพท์มือถือ ที่มีซิมการณ์ มีการติดต่อกับบุคคลที่เกี่ยวข้องอีกหลายคน จึงเชื่อว่า นายสัมลี ฮูลูดือเร๊ะ น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง จึงได้เสนอขอออกหมายจับต่อศาลจังหวัดปัตตานี และศาลได้อนุมัติออกหมายจับที่ 85/2555 ลงวันที่ 3 เมษายน และแจ้งข้อกล่าวหา นายสัมลี ฮูลูดือเร๊ะ ในข้อหาร่วมกันก่อการร้าย พยายามฆ่าผู้อื่นฯทำให้เกิดระเบิด มีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครอง โดยจะนำตัวขอฝากขังต่อศาลจังหวัดปัตตานีในวันที่ 4 เมษายน และจะได้สอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานตามกฏหมายเสนอพนักงานอัยการต่อไป

                สำหรับนายสัมลี ฮูลูดือเร๊ะ  ยังคงให้การภาคเสธ  โดยบอกว่า ในวันเกิดเหตุอยู่ที่บ้านกับภรรยา ไม่ได้ไปไหน ไม่ได้ก่อเหตุ มีพยานบุคคลพร้อม ส่วนกางเกงนั้นไม่ใช่ของตนเอง ส่วนเสื้อนั้นซื้อมานานแล้ว

                นายสัมลี กล่าวต่อว่า เรียนที่วิทยาลัยราชภัฎ จ.ยะลา ปี 2541 คณะวิทยาการจัดการ แต่ไม่จบ เพราะระหว่างเรียน ปี 2542 ถูกเกณฑ์ทหารมา อยู่ที่ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี  ปัจจุบันมีอาชีพตัดยาง อยู่ที่ อ.รามัน จ.ยะลา และมีภรรยาที่ อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี