
ว่าด้วยเรื่องความชอบธรรมทางการเมือง
ว่าด้วยเรื่องความชอบธรรมทางการเมือง : ประชาธิปไตยที่รัก โดย พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์ ([email protected])
พยายามหามุมในทางสร้างสรรค์เพื่อเข้าใจปฏิกิริยาและปฏิบัติการทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ต่อเรื่องของการปรองดอง และรายงานของสถาบันพระปกเกล้า โดยเฉพาะในเรื่องของการพูดถึง "เสียงข้างมากในฐานะพวกมากลากไป"
ก็พบว่า เรื่องที่น่าจะนำมาพูดกันก็คือเรื่องของ "ความชอบธรรมทางการเมือง" (political legitimacy) ซึ่งเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของการทำความเข้าใจการเมือง นั่นแหละครับ
กล่าวโดยง่ายๆ ในทางรัฐศาสตร์นั้น ความชอบธรรม หมายถึงการยอมรับในกฎหมาย และ/หรือ ระบอบการเมือง (regime) ในฐานะที่เป็นผู้ที่มีสิทธิในการปกครอง
ความชอบธรรมจึงเป็นเรื่องที่สำคัญและเป็นเรื่องพื้นฐานที่จะต้องมีในการปกครอง แต่สิ่งที่เราต้องเข้าใจก็คือในทางรัฐศาสตร์นั้น ความชอบธรรมอาจจะมีได้ในหลายรูปแบบและมีที่มาของความชอบธรรมได้จากหลายแหล่ง
หัวใจสำคัญของเรื่องความชอบธรรมจึงเป็นเรื่องของการยอมรับของผู้ถูกปกครอง แต่การยอมรับของผู้ถูกปกครองนั้นอาจจะมีได้หลายรูปแบบ อาทิ เรื่องของการยอมรับจากความกลัว การยอมรับด้วยความยินยอมพร้อมใจ การยอมรับด้วยการเห็นว่าผู้ที่มีอำนาจเหนือเรานั้นเป็นผู้แทนที่เราเลือกมาเพราะว่าเราคิดว่าเรามีอำนาจในการปกครอง หรือว่าความชอบธรรมนั้นมาจากสรวงสวรรค์
นอกจากนี้แล้ว ความชอบธรรมนั้นยังหมายถึงสมรรถภาพของระบบการเมืองที่จะสร้างและดำรงรักษาไว้ซึ่งความเชื่อที่ว่า สถาบันทางการเมืองที่ดำรงอยู่นั้นเป็นสิ่งที่เหมาะสมและเหมาะเจาะกับสังคมที่เป็นอยู่
ซึ่งเรื่องของความสามารถในการสร้างและดำรงรักษาไว้ซึ่งความเชื่อดังกล่าวนี้ ได้ชี้ให้เราเข้าไปสู่อาณาบริเวณในเรื่องของความสามารถในการสร้างความชอบธรรม ซึ่งอาจหมายถึงทั้งเรื่องของ ความสามารถในการสร้างผลงานจริงของรัฐบาลจนเป็นที่ยอมรับ หรืออาจหมายถึงความสามารถในการ "สร้างภาพ" ในเรื่องของผลงาน หรือสร้างคำอธิบายอื่นๆ ให้เรารู้สึกว่ารัฐบาลนั้นดี หรือเลวน้อยที่สุด หรือไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่าก็ได้ (และในเรื่องดังกล่าวนี้ย่อมหมายถึงเรื่องของความสามารถของฝ่ายที่ต้องการท้าทายและโค่นล้มรัฐบาลเช่นเดียวกัน)
อีกตัวอย่างที่สำคัญ ก็คือ เมื่อเราพูดถึงความชอบธรรมนั้น บางทีในทางกฎหมายเราอาจจะต้องแยกแยะประเด็นเรื่องความชอบธรรมกับความถูกต้องทางกฎหมายออกจากกัน (legality) เช่นการอ้างว่าการกระทำบางอย่าง (อาทิ ของรัฐบาล) นั้นถูกกฎหมายแต่อาจไม่ชอบธรรม อาทิ การรอดพ้นจากคดีความท่ามกลางข้อกังหาของสังคมในกรณีเรื่องของการทุจริต หรือการกระทำบางอย่างนั้นไม่ถูกกฎหมายแต่ชอบธรรม อาทิ รัฐประหาร
ส่วนในกรณีของความชอบธรรมในระบอบการเมืองแบบประชาธิปไตยนั้น รากฐานก็มาจากเรื่องของการที่รัฐบาลในนามของรัฐบาลของประชาชนนั้นมีที่มาจากการยอมรับ/ไว้วางใจ (trust) จากประชาชน ซึ่งมักจะเกิดขึ้นในรูปของการเลือกตั้ง ดังนั้นเมื่อมีฝ่ายค้าน (ซึ่งก็ได้รับการยอมรับเข้ามาเช่นกัน) มายื่น "อภิปรายไม่ไว้วางใจ" จึงเป็นเรื่องปกติที่จะทำให้ระบอบการเมืองแบบประชาธิปไตยนั้นขับเคลื่อนไปได้
พูดให้เข้าใจไม่ยากนัก ความชอบธรรม กับความถูกต้องนั้นบางทีอาจไม่ใช่เรื่องเดียวกัน แต่ความชอบธรรมนั้นคือการพยายามทำให้มันถูกต้อง แต่มันอาจไม่ใช่เรื่องของความถูกต้องที่จริงแท้เสมอไป ภารกิจหนึ่งของนักรัฐศาสตร์จึงอยู่ที่เรื่องของการเปิดเผยให้เห็นแก่นสาระ ที่มาและกระบวนการว่าความชอบธรรมทางการเมืองในแต่ละเรื่องแต่ละประเด็นนั้นเกิดขึ้นมาได้อย่างไร รวมทั้งชี้ให้เห็นถึงประเด็นท้าทายของรัฐบาลในเรื่องความชอบธรรมที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาต่างๆ
ส่วนภารกิจของนักการเมืองก็คงจะต้องทำหน้าที่ยืนยัน หรือ ท้าทายความชอบธรรมของรัฐบาลต่อไป ขึ้นกับฝ่ายที่นักการเมืองเหล่านั้นยืนอยู่ และขึ้นกับเสียงที่ได้รับเลือกตั้งเข้ามาครับ