ข่าว

เปิดแล้วท่าเรือเชียงแสน2

เปิดแล้วท่าเรือเชียงแสน2

01 เม.ย. 2555

เปิดแล้ววันแรก ท่าเรือเชียงแสน 2 รับกองเรือสินค้า จีน ลาว พม่า

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 1 เม.ย. 55  นายกร จาติกวนิช กรรมการที่ปรึกษากรรมาธิการการเงิน การคลัง และสถาบันการเงิน สภาผู้แทนราษฎร นำคณะกรรมาธิการตรวจเยี่ยมโครงการท่าเรือแม่น้ำโขงเชียงแสนแห่งที่ 2 ตั้งอยู่ปากแม่น้ำกก บ้านสบกก ต.บ้านแซว อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ที่เปิดใช้งานเป็นวันแรกหลังจากก่อสร้างมานานตั้งแต่วันที่ 12 พ.ค.2552 ที่ผ่านมาเป็นเวลาร่วมสองปีกว่า โดยมีผู้บริหารเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทั้ง 9 หน่วยงานให้ข้อมูลต่อคณะกรรมาธิการ เช่น การท่าเรือแห่งประเทศไทยซึ่งเข้าไปบริหารงานกิจการทั้งหมด กรมเจ้าท่า กรมศุลกากร ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ฯลฯ ซึ่งส่วนใหญ่เพิ่งเข้าไปประจำการในวันนี้เป็นวันแรกเช่นกัน หลังจากได้ย้ายจากการปฏิบัติงานที่ท่าเรือเชียงแสนแห่งที่ 1 ภายในเขตเทศบาล ต.เชียงแสน 

          ขณะที่บรรยากาศท่าเรือทั่วไปกลับยังคงเงียบเหงาโดยยังไม่มีเรือสินค้าไปใช้บริการ ไม่ว่าเป็นเรือสัญชาติจีนหรือ สปป.ลาว ที่มีอยู่จำนวนมากในแม่น้ำโขง โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่าเพราะเป็นวันหยุด และผู้ประกอบการอาจรอดูท่าทีก่อน ขณะที่ยังคงมีการก่อสร้างในบางส่วนของโครงการอยู่ทำให้ยังไม่แล้วเสร็จสมบูรณ์มากนัก

          จากนั้นคณะได้รับฟังบรรยายสรุปทราบว่าท่าเรือดังกล่าวตั้งอยุ่บนเนื้อที่ประมาณ 387 ไร่  1 งาน 44 ตารางวา ติดชายแดนไทย-สปป.ลาว ว่าจ้างเอกชนให้ทำการก่อสร้างโดยใช้งบประมาณ 1,546.4 ล้านบาท สัญญาตั้งแต่วันที่ 12 พ.ค.2552 ถึงวันที่ 28 ธ.ค.2554 และกำหนดเปิดใช้งานได้ทันตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.นี้ตามมติคณะรัฐมนตรี สำหรับที่มาของโครงการเพราะท่าเรือแห่งปัจจุบันอยู่กลางเมืองโบราณและชุมชน มีความคับแคบและมีศักยภาพรองรับสินค้าได้เพียงปีละประมาณ 3 แสนตันขณะที่มูลค่าการค้าและปริมาณเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะไทย-จีน แต่ท่าเรือแห่งใหม่สามารถรองรับสินค้าได้ปีละกว่า 6 ล้านตัน เพราะมีแอ่งขนาดใหญ่ขนาด 200 คูณ 800 เมตร มีท่าเรือย่อยอยู่ภายในหลายจุด มีระยะทางไกลจากท่าเรือกวยเหล่ยซึ่งเป็นเมืองท่าหน้าด่านของจีนประมาณ 265 กิโลเมตร ระดับน้ำในแม่น้ำโขงเฉลี่ย 1.70-7 เมตร ซึ่งสามารถใช้เพื่อการเดินเรือได้ตลอดทั้งปี

          นายทรงกลด ดวงหาคลัง ผู้อำนวยการ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 1 สาขาเชียงราย กล่าวว่า ในปัจจุบันมีเรือสินค้าที่อยู่ในระบบเป็นเรือสัญชาติจีนประมาณ 90 ลำ ส่วนสัญชาติ สปป.ลาว เดิมมีจำนวน 70 ลำ แต่หลังจากเหตุการณ์เรือสินค้าจีนถูกยิงจนเสียชีวิต 13 ศพเมื่อเดือน ต.ค.2554 ทำให้เรือสินค้าลาวถูกนำมาใช้บริการทดแทนเรือจีนที่หายไปมากขึ้นเป็นกว่า 140 ลำแล้ว และเรือพม่ามี 25 ลำ เรือไทย 3 ลำ ซึ่งจากการเฝ้าติดตามระดับน้ำในแม่น้ำโขงพบว่าในช่วง 2 ปีหลังๆ จากจีนก่อสร้างเขื่อนแล้วเสร็จพบว่าน้ำไม่แห้งจนเดินเรือไม่ได้ โดยช่วง 2 เดือนมานี้ตนได้เฝ้าติดตามสถานการณ์พบน้ำตื้นสุด 1.50-2 เมตรซึ่งเรือขนาด 100-150 ตันสามารถเดินเรือได้ โดยเดือน มี.ค.นี้พบมีเรือจีนเข้าใช้บริการที่ท่าเรือเชียงแสนแห่งเดิมกว่า 65 เที่ยว เรือลาว 448 เที่ยว เรือพม่า 33 เที่ยวและเรือไทย 10 เที่ยว

          นายทรงกลด กล่าวอีกว่า หลังจากเที่ยงคืนวันที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยก็ย้ายไปอยู่ท่าเรือแห่งใหม่กันหมด ส่วนท่าเรือแห่งเดิมได้มอบให้กับเทศบาล ต.เวียงเชียงแสน เข้าไปบริหารงานแล้วโดยจะใช้เพื่อการท่องเที่ยว ส่วนท่าเรือใหม่คาดว่าจะมีเรือไปใช้บริการวันละกว่า 20 ลำ โดยท่าเรือจะเป็นระบบ Sigle window ให้บริการจากหน่วยงานต่างๆ พร้อมกันให้แล้วเสร็จ ณ ที่เดียวซึ่งสะดวกสบาย กระนั้นก็จะมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการคาดว่าราวเดือน พ.ค.นี้ต่อไป สำหรับกรณีอาจจะมีร่องแม่น้ำโขงติ้นเขินจนเดินเรือไม่สะดวกเป็นบางช่วงนั้นมีคณะกรรมการประสานการดําเนินการตามความตกลงว่าด้วยการเดินเรือพาณิชย์แม่น้ำโขง 4 ชาติ (The Joint Committee on Coordination of Commercial Navigation on the Lancang-Mekong Riveramong China, Laos, Myanmar and Thailand) คอยแก้ไขปัญหาเป็นจุดๆ ต่อไป ทั้งนี้เชื่อว่าอนาคตในการเดินเรือยังคงเติบโตเพราะมีต้นทุนต่ำกว่าการขนส่งด้านอื่นกว่า 5 เท่า

          ด้านนายบัวสอน ประชามอญ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และอยู่ในผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนมีข้อสงสัยเรื่องน้ำมันเชื้อเพลิงที่ส่งออกในแม่น้ำโขงว่ามีการตรวจสอบกันอย่างถี่ถ้วนหรือไม่ เพราะทราบว่าอาจมีการลักลอบส่งน้ำมันออกอ้างว่าไปจีน แต่กลับนำกลับมาขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มหรือ VAT 7% กัน โดยอยากทราบเรื่องการขอคืนภาษีดังกล่าวว่าแท้ที่จริงมีมากน้อยเพียงใด และระบบตรวจสอบเป็นอย่างไร เนื่องจากทราบว่ามีปัญหาเม็ดเงินที่หายไปกับการกระทำผิดดังกล่าวหลายพันล้านบาท

          นายอรรถภัณฑ์ รังษี ประธานชมรมผู้ค้าชายแดน อ.เชียงแสน กล่าวว่า ท่าเรือแห่งเดิมมีการเก็บค่าธรรมเนียมสินค้าที่เข้าไปใช้บริการท่าเรือเป็นเมกตริกตันๆ ละประมาณ 400 บาทไม่รวมค่าใช้อื่นๆ ทำให้ผู้ประกอบการเสียค่าใช้จ่ายมาก ดังนั้นในโอกาสที่ท่าเรือเปิดให้บริการใหม่และมีสิ่งอำนวยความสะดวกด้านต่างๆ ครบครัน ก็อยากให้มีการลดราคาในช่วงแรกด้วยเพื่อไม่ให้กระทบกับผู้ประกอบการมากเกินไป

          ขณะที่นางเกศสุดา สังขกร รองประธานหอการค้า จ.เชียงราย ฝ่ายการค้าชายแดน อ.เชียงแสน กล่าวว่า ช่วงเดือน ม.ค.เป็นไปจนถึงฤดุฝนของทุกปีจะเป็นช่วงที่แม่น้ำโขงเหือดแห้ง ทำให้ในบางจุดเรือสินค้าไม่สามารถแล่นลงมาได้โดยมักจะไปติดสันดอนทรายตามเขตแดนพม่า-สปป.ลาว แถวป่าแลวหรือเกาะดอนซาว โดยเมื่อวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมามีเรือจะเข้ามาแต่ก็ติดสันดอนทรายดังกล่าวจนเข้ามายังท่าเรือเชียแสนไม่ได้จนถึงปัจจุบัน จึงขอให้มีการประสานกับจีนเพื่อให้มีการปรับร่องน้ำให้ได้อย่างน้อย 2 เมตรด้วย

          รายงานข่าวจากด่านศุลกากรเชียงแสนระบุว่าปี 2554 ที่ผ่านมามีมูลค่าการค้าผ่านท่าเรือแม่น้ำโขงที่ อ.เชีงยแสน เป็นการส่งออก 8,992.65 ล้านบาท ส่งออก 1,100.12 ล้านบาท และปีงบประมาณ 2555 ตั้งแต่เดือน ต.ค.2554-ก.พ.2555 มีการส่งออกแล้ว 4,480.40 ล้านบาท และนำเข้า 180.08 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการค้ากับจีนและ สปป.ลาว โดยสินค้าส่งออกส่วนใหญ่เป็นชิ้นส่วนไก่แช่แข็ง น้ำมันปาล์ม ส่วนน้ำมันดีเซลมีการส่งออก 354.78 ล้านบาท ฯลฯ ส่วนสินค้านำเข้าส่วนใหญ่เป็นผลไม้ เมล็ดทานตะวัน กระเทียม ดอกไม้เพลิง เห็ดหอม ฯลฯ