
เวิล์ดวาไรตี้:10เขื่อนอื้อฉาวของโลก
เวิล์ดวาไรตี้ : 10 เขื่อนอื้อฉาวของโลก : โดย ... อุไรวรรณ นอร์มา
พุธที่ 14 มีนาคม ที่ผ่านมา ถือเป็นวันสากลแห่งการปฏิบัติการเพื่อแม่น้ำ ที่อาจไม่ได้เป็นที่รับรู้กันในวงกว้างมากนัก 14 มีนาคม เป็นวันที่นักกิจกรรมพิทักษ์แม่น้ำทั่วโลก ใช้เป็นวันนึกถึงการต่อสู้เพื่อปกป้องแม่น้ำจากการสร้างเขื่อน สิ่งปลูกสร้างบังคับธรรมชาติที่เป็นทั้งพระเอกและผู้ร้าย และเป็นข้อถกเถียงกันไม่รู้จบถึงผลดีผลเสีย ขณะที่การต่อสู้ระหว่างความต้องการพลังงานไร้ขีดจำกัด กับการปกป้องแม่น้ำและผืนป่าที่เหลือน้อยลงยังคงดำเนินต่อไป เวิล์ดวาไรตี้ถือโอกาสนี้รวบรวมเขื่อนอย่างน้อย 10 แห่งที่เรียกได้ว่าเป็นการก่อสร้างหรือแผนก่อสร้างที่เต็มไปด้วยข้อถกเถียง เริ่มจาก
เขื่อนสามผา ในจีน
เขื่อนยักษ์กั้นแม่น้ำแยงซีที่ก่อสร้างจากคอนกรีต 16 ล้านตัน กลายเป็นอ่างเก็บน้ำความยาวเกือบเท่ากับอังกฤษ เป็นเขื่อนผลิตไฟฟ้าใหญ่สุดของโลกด้วยกำลังการผลิตไฟฟ้า 18,200 เมกะวัตต์ ช่วยบรรเทาน้ำท่วมในบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำแยงซีในฤดูร้อน แต่การถือกำเนิดของเขื่อนมาพร้อมกับต้นทุนสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ไม่อาจคำนวณได้ รวมถึงการที่ชาวบ้านต้องโยกย้ายที่อยู่ 1.4 ล้านคน น้ำท่วมหมู่บ้านกว่า 1,400 แห่ง
รัฐบาลจีนยอมรับเมื่อปีที่แล้วว่า เขื่อนสามผา ก่อปัญหาด้านธรณีวิทยา คน และระบบ ทั้งยังพูดเป็นครั้งแรกเกี่ยวกับผลกระทบทางลบต่อปริมาณน้ำและการเดินเรือท้ายน้ำอีกด้วย
เขื่อนอิไตปู ในบราซิล
เขื่อนกั้นแม่น้ำปาราญา ระหว่างบราซิลกับปารากวัย เป็นเขื่อนใหญ่อันดับสองของโลกรองจากเขื่อนไตรผาของจีน ผลิตกระแสไฟฟ้าป้อนปารากวัยร้อยละ 80 จึงกลายเป็นเขื่อนส่งออกไฟฟ้าใหญ่สุดของโลก แม้เขื่อนอิไตปู เป็นแหล่งจัดหาพลังงานสะอาดและส่งเสริมเศรษฐกิจของสองประเทศ แต่การก่อสร้างเขื่อนทำให้น้ำท่วมแนวน้ำตกขนาดใหญ่ "เซเต เกดาส" ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นคู่แข่งของน้ำตกชื่อก้องโลก "อิกัวซู" อย่างสิ้นเชิง ทำลายป่าฝนกินพื้นที่กว่า 700 ตารางกิโลเมตร และชาวบ้านต้องอพยพย้ายถิ่นฐานกว่า 4 หมื่นคน
เขื่อนแกรนด์ อินคา ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก
กลุ่ม 8 ประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ และรัฐบาลประเทศแอฟริกา คาดหวังว่า ในอนาคต เขื่อนแกรนด์ อินคา มูลค่า 8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก จะผลิตไฟฟ้าได้สองเท่าของเขื่อนหมายเลขหนึ่งของโลกอย่างไตรผาของจีน และพัฒนาอุตสาหกรรมในระยะแรกเริ่มบนกาฬทวีป ส่งออกไฟฟ้าไปไกลถึงแอฟริกาใต้ ไนจีเรีย และอียิปต์ กระทั่งในยุโรปและอิสราเอล แต่กลุ่มสิ่งแวดล้อมและชาวบ้านในพื้นที่มั่นใจว่า คนจนจะไม่ได้รับประโยชน์
เขื่อนซาดาร์ ซาโรวาร์ ในอินเดีย
เป็นเขื่อนอื้อฉาวที่สุดในโครงการพัฒนาหุบเขาแม่น้ำนาร์มาดา ในรัฐคุชราต ที่ประกอบด้วยเขื่อนสามขนาด เป็นเขื่อนขนาดใหญ่ 30 แห่ง กลาง 135 แห่ง และเล็ก 3,000 แห่ง ทุกแห่งออกแบบมาเพื่อการชลประทานและน้ำดื่ม การสร้างเขื่อนทำให้ประชาชนหลายแสนต้องโยกย้ายถิ่นฐาน และสภาพแวดล้อมเสื่อมโทรมกินวงกว้าง ธนาคารโลกที่เคยสนับสนุนโครงการในตอนแรก ตัดสินใจถอนตัว ท่ามกลางกระแสประท้วงเมื่อปี 2537 แต่รัฐบาลอินเดียเดินหน้าก่อสร้างเขื่อนต่อโดยใช้งบประมาณของตนเอง
เขื่อนอิลิซู ในตุรกี
เป็นที่รู้จักในตุรกีว่า แก๊ป เป็นโครงการเขื่อนที่จุดกระแสถกเถียงอย่างมากในระดับนานาชาตินับจากเริ่มมีข้อเสนอสร้างตั้งแต่ปี 2497 เขื่อนกั้นแม่น้ำไทกริสเริ่มสร้างเมื่อปี 2549 ซึ่งหากแล้วเสร็จ จะผลิตไฟฟ้าได้ 1,200 เมกะวัตต์ แต่จะทำให้ชาวบ้านไร้ที่อยู่ 7 หมื่นคน กับทำให้เมือง ฮาซานคีนฟ์ เมืองโบราณอายุ 1 หมื่นปีจมหายไปทั้งเมือง พร้อมความหลากหลายทางชีวภาพอันมีค่า กระแสคัดค้านหนักหน่วงจากภาคประชาชน ทำให้ยุโรปถอนการสนับสนุนในเวลาต่อมา แต่รัฐบาลตุรกีมีแผนเดินหน้าสร้างต่อ
เขื่อนอัสวาน ในอียิปต์
เขื่อนอัสวาน สร้างขึ้นเพื่อแก้ภัยแล้งและอุทกภัย เป็นแหล่งชลประทานครอบคลุมพื้นที่หลายล้านไร่ ผลิตไฟฟ้าได้ 2.1 กิกะวัตต์ และสนับสนุนอุตสาหกรรมประมง แต่ผลกระทบทางลบก็มากมายมหาศาล พื้นที่ทำการเกษตรแถบลุ่มน้ำไนล์ ในอียิปต์ เสื่อมทรามลงอย่างช้าๆ เพราะน้ำและดินตะกอนอันอุดมด้วยแร่ธาตุที่เคยมากับกระแสน้ำไนล์ยามเพิ่มระดับขึ้นสูง ถูกกักเก็บไว้ในอ่างเก็บน้ำ ไม่ได้ไหลลงมาตามธรรมชาติ รัฐบาลอียิปต์จัดหาโคลนปุ๋ยเทียมแก่เกษตรกรราว 1 ล้านตันต่อปี แต่ก็ไม่อาจชดเชยกับโคลนปุ๋ยที่แม่น้ำไนล์พัดพามา 40 ตันต่อปีเหมือนเมื่อก่อน
เขื่อนเอลวา และไกลน์ส แคนยอน ในสหรัฐอเมริกา
เอลวา สร้างเสร็จเมื่อปี 2456 ห่างจากปากแม่น้ำเอลวาประมาณ 6.43 เมตร เหนือขึ้นประมาณ 16 กิโลเมตร เป็นที่ตั้งของเขื่อนไกลน์ส แคนยอน ที่สร้างเสร็จเมื่อปี 2470 ทั้งสองเขื่อนก่อสร้างขึ้นเพื่อผลิตไฟฟ้าป้อนโรงงานเยื่อกระดาษในเมืองพอร์ต แองเจิลส์ และไม่มีบันไดปลา ทำให้ปลาแซลมอนไม่อาจว่ายผ่านเขื่อนขึ้นไปยังต้นน้ำได้ เขื่อนทั้งสองมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาคาบสมุทรโอลิมปิกในรัฐวอชิงตันช่วงเปลี่ยนผ่านศตวรรษที่แล้ว แต่ในวันนี้ ไม่มีประโยชน์อีกต่อไป เพราะพลังงานส่วนใหญ่ในพื้นที่ นำเข้ามาจากเมืองพอร์ตแลน์ รัฐโอเรกอน จึงถูกทุบทิ้ง นับเป็นการรื้อถอนเขื่อนใหญ่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ
เขื่อนกิเบ 3 ในเอธิโอเปีย
การพัฒนาทางการเกษตรริมฝั่งแม่น้ำโอโม เกิดขึ้นพร้อมๆ กับการมีเขื่อนกิเบ 3 สูง 243 เมตร ความยาวกว่า 200 กิโลเมตร นับเป็นการลงทุนใหญ่สุดของเอธิโอเปียและเป็นโรงไฟฟ้าใหญ่สุดในทวีปแอฟริกา แต่การก่อสร้างเขื่อนนี้ เต็มไปด้วยข้อครหาละเมิดสิทธิมนุษยชน และถูกมองว่ามีวัตถุประสงค์เพื่อการชลประทานแก่การทำเกษตรขนาดอุตสาหกรรม อีกทั้งเมื่อแล้วเสร็จและน้ำเต็มอ่างเก็บภายใน 2558 ทะเลสาบทูร์คานา ปลายทางแม่น้ำโอโม จะหดลงเหลือแค่หนึ่งในสามของขนาดปัจจุบัน และกระทบความเป็นอยู่ของชาวบ้าน 3 แสนคน
เขื่อนกั้นแม่น้ำโขง
ลาวมีแผนสร้างเขื่อนไซยะบุรี ที่มีกำลังผลิตไฟฟ้า 1,285 เมกะวัตต์ ขายไฟฟ้าให้ไทย และจะเป็นการเบิกทางสู่การก่อสร้างเขื่อนอีกหลายสิบแห่งในแม่น้ำโขง แต่แผนการยังถูกคัดค้านอย่างหนักจากกัมพูชาและเวียดนาม สองประเทศท้ายน้ำที่เกรงว่าเขื่อนจะกระทบการไหลของน้ำ ที่จำเป็นต่อการทำประมงและชลประทาน รัฐบาลที่เกี่ยวข้องได้แก่กัมพูชา เวียดนาม ลาว และไทย จึงเห็นพ้องระงับโครงการไว้ก่อน เพื่อรอการประเมินผลกระทบอย่างสมบูรณ์
เขื่อนเบโล มอนเต ในบราซิล
เขื่อนกั้นแม่น้ำซิงกู ในรัฐปารา รัฐในแถบลุ่มน้ำอะเมซอนที่ใช้งบประมาณก่อสร้าง 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์ คาดว่าจะเริ่มผลิตไฟฟ้าในปี 2558 ท่ามกลางการคัดค้านจากนักสิ่งแวดล้อมและผู้นำชนเผ่า เพราะแผนสร้างเขื่อน หมายถึงการทำให้ที่ดินจมใต้บาดาลประมาณ 500 ตารางกิโลเมตร คนไร้ที่อยู่อาศัยหลายหมื่น เขื่อนเบโล มอนเต เป็นส่วนหนึ่งในแผนผลักดันการลงทุนและตอบสนองความต้องการพลังงาน จากการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว โดยที่บราซิลยังสามารถควบคุมปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้
----------
ที่มา เดอะ การ์เดี้ยน
(หมายเหตุ : เวิล์ดวาไรตี้ : 10 เขื่อนอื้อฉาวของโลก : โดย ... อุไรวรรณ นอร์มา)
----------