ข่าว

ทุบหัวฆ่าโหด'นทท.ผู้ดี-เมียไทย'คารีสอร์ท

ทุบหัวฆ่าโหด'นทท.ผู้ดี-เมียไทย'คารีสอร์ท

14 มี.ค. 2555

นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ พร้อมภรรยาชาวขอนแก่น ถูกคนร้ายบุกเข้าห้องพักในรีสอร์ทใช้ของแข็งทุบสองสามีภรรยา ชิงทรัพย์ ตายคาห้องต่อมารวบตัวชาวประมงต้องสงสัย-รปภ.สอบ พร้อมออกหมายจับ 3 ผู้ต้องสงสัยฆ่า ควบคุมตัวทำแผนบ่ายวันนี้

               ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 13 มีนาคม 2555 ร.ต.อ. วินัย รายละเอียด พนักงานสอบสวน  สภ. ห้วยยาง อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์  รับแจ้งเหตุมีชาวต่างชาติและภรรยาคนไทยถูกฆ่าตาย ที่แจ๊คบีช  รีสอร์ท เลขที่ 56/4 หมู่ 7 ต.ห้วยยาง อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์

               ต่อมาได้เดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.พิศิษฐ์  โสมินทุ รอง ผบก.ภ. ประจวบคีรีขันธ์   พ.ต.อ.  สมชาย รักเสนาะ  รอง ผบก.ตำรวจภูธรจังหวัดประจวบฯ(ฝ่ายป้องกันและปราบปราม)พ.ต.ท.มนตรี ดีบุกคำ สารวัตรใหญ่ สภ.ห้วยยาง ,พ.ต.ท.สมคิด  ไทรทอง พนักงานสอบสวน สภ.ห้วยยาง พร้อมกำลังตำรวจชุดสืบสวน และเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน พร้อมแพทย์พยาบาลโรงพยาบาลทับสะแก เดินทางไปยังห้องพัก หมายเลข 11 ของแจ๊คบีชรีสอร์ท

                ทั้งนี้ ภายในห้องพักดังกล่าวพบศพ  Mr  michaec  raymand  (ไมเคิล   เรแมน  )  อายุ 68 ปี สัญชาติอังกฤษ  นอนจมกองเลือด  นุ่งกางเกงขาสั้นสีน้ำตาลไม่สวมเสื้อ อยูในห้องโถงใกล้โซฟา  ลักษณะถูกตีด้วยของแข็งที่บริเวณใบหน้า ใกล้กันพบศพ นางสุชาดา  เบ้าคำดี  อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่   234 หมู่  4  ต.ชัยสอ  อ.ชุมแพ  จ.ขอนแก่น  สภาพศพสวมเสื้อชมพู  ท่อนล่างเปลือยเปล่า ใบหน้าถูกตีด้วยของแข็ง นอนเสียชีวิตบนพื้นบริเวณหน้าตู้เย็นในห้องนอน

                เจ้าหน้าที่วิทยาการกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัด เข้าเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุ พบภายในห้องพักเปิดแอร์ทิ้งไว้  ส่วนประตูห้องและหน้าต่างไม่มีร่องรอยการงัดแงะ   จากนั้นได้เก็บลายนิ้วมือแฝง และ ดีเอ็นเอของกลุ่มคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุ

                เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ห้วยยาง กล่าวว่า จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ  นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษพร้อมภรรยา ได้เดินทางด้วยรถยนต์ ยี่ห้อ โตโยต้า  รุ่นอาแวนซ่า สีดำ  หมายเลข  กพ 6606  กทม. จากจังหวัดขอนแก่น มาเช๊คอินเข้าพักเมื่อเวลา  18.00 น. ของวันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมา  ต่อมาในเวลา  02.45  น. ของวันที่ 13 มี.ค.55 มีชาวบ้านซึ่งเป็นชาวประมงชายฝั่งที่ออกหาปลาในบริเวณได้ยินเสียงร้องครวญคราง ซึ่งเสียงดังจากห้องพัก และเข้าใจว่า เป็นนักท่องเที่ยวที่เสพยาเสพติด หรือมีการร่วมเพศอย่างรุนแรงจึงไม่ได้สนใจ

                กระทั่งเมื่อเวลา 15.30  น.วันที่ 13 มี.ค.55 พนักงานทำความสะอาดของรีสอร์ทดังกล่าว ได้เข้าไปเคาะประตูห้องเรียก เพื่อขออนุญาตเข้าไปทำความสะอาดแต่ไม่ได้ยินเสียงตอบ  จึงใช้กุญแจสำรองเปิดประตูเข้าไปดู พบว่า สองสามีภรรยานอนเสียชีวิต  มีร่องรอยการรื้อค้นทรัพย์สิน บนพื้นห้องมีเหรียญเศษสตางค์ตกอยู่เกลื่อนพื้น  แต่ยังไม่สามารถตรวจสอบได้ว่า ทรัพย์สินมีค่าของผู้ตายจำนวนเท่าใด

               เบื้องต้น คาดว่า คนร้ายต้องเป็นบุคคลในพื้นที่ มีไม่ต่ำกว่า 3 คน ที่ลงมือก่อเหตุ เพื่อประสงค์ต่อทรัพย์ แต่เหยื่อขัดขืนและต่อสู้ จึงถูกคนร้ายใช้ของแข็งกระหน่ำตีอย่างทารุณจนสิ้นใจตายทั้งคู่ หลังจากนั้น จึงนำศพไปชันสูตรอีกครั้งที่โรงพยาบาลทับสะแก  ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญตัวผู้ต้องสงสัยหลายราย พร้อมนำเสื้อผ้าของผู้ต้องสงสัยมาทำการสอบปากคำ และเก็บเนื้อเยื่อในกระพุ้งแก้ม เพื่อนำไปตรวจสอบดีเอ็นเอที่เก็บได้ในที่เกิดเหตุ

               อย่างไรก็ตาม พบว่า บริเวณหน้า อบต.ห้วยยาง มีชาวบ้านให้ความสนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมารวมตัวติดตามความคืบหน้าของคดี เนื่องจากเห็นว่าเป็นคดีใหญ่สร้างความเสียหายต่อภาพพจน์การท่องเที่ยว

 

“ผู้การฯประจวบฯ-ผู้ว่าฯ-นายอำเภอทับสะแก ประชุมคลี่คลายคดีกลางดึก”

                ความคืบหน้าต่อมาเมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 14 มี.ค.55 พล.ต.ต.วิเชียร ตันตะวิริยะ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ,นายวีระ ศรีวัฒนตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และนายอำเภอทับสะแกได้เดินทางมายัง อบต.ห้วยยาง ซึ่งใช้เป็นสถานที่ในการประชุมเพื่อติดตามสืบหาตัวผู้กระทำความผิด พร้อมกันนี้ได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งหมด รวมไปถึงนายธวัชชัย แดงฉ่ำ นายก อบต.ทับสะแก พร้อมผู้บริหาร ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่มีแม่บ้านไปพบศพ จนตำรวจเข้ามาไปถึงห้องพักเกิดเหตุ นำมาสู่การเก็บหลักฐาน และตรวจสอบพื้นที่โดยรอบของรีสอร์ทดังกล่าว มีการวิเคราะห์ถึงการที่คนร้ายเข้าไปลงมือภายในห้องพักได้อย่างไร ในขณะที่ประตูรีสอร์ทมีการปิด มีเพียงยามเท่านั้นที่ดูแลรักษาความปลอดภัยในช่วงกลางคืน อย่างไรก็ตามในที่ประชุมมั่นใจว่าส่วนหนึ่ง รปภ.จะต้องมีส่วนรู้เห็นในการเข้ามาของกลุ่มคนร้ายอย่างแน่นอน ตลอดจนผลการสอบสวนชาวประมงใกล้เคียงที่นำมาสอบสวนก่อนหน้านี้

                ทั้งนี้ หลังการประชุมนานกว่า 1 ชม.ทั้ง พล.ต.ต.วิเชียร ตันตะวิริยะ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบฯ และ นายวีระ ศรีวัฒนตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุเป็นแนวทางเดียวกันว่า คนร้ายต้องเป็นคนในพื้นที่และคงเห็นสองสามีภรรยาเข้ามาพัก และต้องเห็นทรัพย์สินของเมียชาวไทยที่ใส่มาไม่ว่าจะเป็นสร้อยคอทองคำและสร้อยข้อ พร้อมนาฬิกา พร้อมมั่นใจว่า คนร้ายทั้งคนลงมือและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างน้อยต้องมีประมาณ 3 คน ซึ่งเมื่อได้ข้อสรุปทั้งหมด  จึงสั่งการให้มีการสอบสวนทั้งผู้จัดการรีสอร์ท ยาม และเจ้าของร้านอาหารริมทะเลที่ติดรีสอร์ท เพิ่มเติมและชาวประมงที่เชิญตัวมาสอบสวนสอบเพิ่มเติมอย่างละเอียด และตรวจดูร่องรอยตามร่างกาย

                  ด้านนายวีระ ศรีวัฒนตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ กล่าวภายกลังประชุมเสร็จเมื่อกลางดึก ยอมรับว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความเสื่อมเสียต่อภาพพจน์ของการท่องเที่ยวอย่างแน่นอน ซึ่งคดีนี้ทางตำรวจมั่นใจว่า จะจับคนร้ายที่ลงมืออย่างเหี้ยมโหดได้อย่างแน่นอน ซึ่งเบื้องต้นมีการสรุปประเด็นและมุ่งไปในทางชิงทรัพย์ของสองสามีภรรยามากกว่าเรื่องอื่นๆ             

                  "ต่อไปคงต้องขอร้องให้ผู้ประกอบการรีสอร์ท ทุกแห่งในแหล่งท่องเที่ยวของอำเภอต่างๆจังหวัดประจวบฯ ติดตั้งกล้องวงจรปิดเพราะหากเกิดเหตุการณ์ขึ้นสามารถตรวจสอบย้อนหลังดูได้ แต่ที่รีสอร์ทแห่งนี้ไม่ได้ติดตั้งกล้องวงจรปิดเอาไว้ แต่อย่างไรก็ตามก็มีความคืบหน้าไปเยอะพอสมควร" นายวีระ กล่าว

                  ขณะเดียวกัน นายธวัชชัย แดงฉ่ำ นายก อบต.ห้วยยาง กล่าวว่า สาเหตุที่ชาวบ้านให้ความสนใจเกี่ยวกับคดีนี้เนื่องจากไม่เคยเกิดขึ้นในพื้นที่ตำบลห้วยยาง ซึ่งพื้นที่นี้มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาพักผ่อนอยู่อาศัยเป็นระยะเวลานาน เนื่องจากมีทั้งรีสอร์ท และหมู่บ้านติดชายทะเล ซึ่งการฆ่าชาวต่างชาติและเมียคนไทยในครั้งนี้ ผมเห็นว่ามันลงมือเหี้ยมโหดมาก แต่อย่างไรก็เชื่อมั่นว่าตำรวจคงจับตัวคนร้ายที่ลงมือได้อย่างแน่นอน

 

“ตำรวจรวบ  3 ผู้ต้องหาลงมือฆ่าชาวอังกฤษพร้อมภรรยาชาวไทย”

                 ต่อมาเมื่อเวลา 02.30 น.พล.ต.ต.วิเชียร ตันตะวิริยะ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบฯ  พร้อมชุดสืบสวนได้นำตัวผู้ต้องสงสัยอาชีพชาวประมงเป็นลูกผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านในพื้น  ที่มีบ้านพักอยู่หลังรีสอร์ท ดังกล่าว  ซึ่งผู้ต้องสงสัยคนดังกล่าวได้เข้าไปที่รีสอร์ท และขอยืมเงิน รปภ.ในช่วงกลางดึกของคืนวันเกิดเหตุ   มาสอบสวนนานจนกระทั่งเวลา 05.00 น. และชุดสืบสวนอีกชุดได้สอบปากคำ รปภ.ในคืนเกิดเหตุอย่างเคร่งเครียดด้วยกัน

                 ผลจากการสอบสวนดังกล่าวจึงนำไปสู่การออกหมายจับ 3 ผู้ต้องหาที่ลงมือฆ่านักท่องเที่ยวชาวอังกฤษและภรรยาชาวไทย คือ1.นายจักรรินทร์(หรือจีน) อยู่เย็น อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 49/10 ม.7 ต.ห้วยยาง อ.ทับสะแก จ.ประจวบฯ,2.นายพงษ์พิทักษ์(หรือพัด) ทัพสว่าง(ทำงานอยู่ในรีสอร์ท เป็น รปภ.) อายุ 29 ปี ต.สามกระทาย อ.กุยบุรี จ.ประจวบฯ และ3.นายประจักร เหมืนจินคา (ทำงานอยู่ในรีสอร์ท เป็นพ่อครัว )อายุ 50 ปี อ.โพธาราม จ.ราชบุรี    ซึ่งนายจักรรินทร์ ยังให้การปฏิเสธ ส่วนอีกสองรายยอมรับสารภาพกับตำรวจว่าประว่าเป็นการลงมือฆ่าเพื่อชิงทรัพย์เท่านั้น และติดตามโทรศัพท์ของนางสุชาดาที่เสียชีวิตมาได้ 1 เครื่อง และเงินสดอีก 200 บาท และในช่วงบ่ายวันนี้จะมีการแถลงข่าวกับสื่อมวลชน ที่ อบต.ห้วยยาง และจะควบคุมผู้ต้องหาทั้งหมดไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังจุดเกิดเหตุทันที