ปากีสถานเจอวิกฤติมนุษยธรรมรุนแรง | คมชัดลึก

เครื่องบินรบและเฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธของรัฐบาลปากีสถาน ระดมโจมตีพื้นที่หุบเขาสวัตและเขตที่อยู่โดยรอบ ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศอย่างหนักในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา หลังจากนักรบตาลีบันถูกขับออกจากหุบเขาสวัต และพยายามเข้าไปยึดพื้นที่อื่นแทน รวมถึงพื้นที่ที่อยู่ห่างจากกรุงอิสลามาบัดไปเพียง 96 กิโลเมตร แถลงการณ์ของกองทัพปากีสถานระบุว่า กองทัพสังหารสมาชิกกลุ่มหัวรุนแรงไปแล้วอย่างน้อย 140 คน ภายในเวลา 24 ชั่วโมง

 อย่างไรก็ตาม ทางการปากีสถานไม่ได้เปิดเผยจำนวนพลเรือนที่บาดเจ็บล้มตาย เพราะเกรงว่าจะเกิดความไม่พอใจในหมู่ประชาชน ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการทำงานของกองทัพ ขณะที่การผ่อนปรนการเคอร์ฟิวเป็นเวลา 9 ชั่วโมง เมื่อวันอาทิตย์ (10 พ.ค.) อาจเป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่า ปฏิบัติการโจมตีอาจหนักหน่วงมากขึ้น เนื่องจากพลเรือนอพยพออกไปแล้ว

 ชาวปากีสถานหลายแสนคนที่อพยพหนีการสู้รบระหว่างทหารรัฐบาลกับนักรบตาลีบันในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ไปพักอยู่ตามค่ายผู้อพยพ มูลนิธิศุภนิมิตร ซึ่งเป็นหน่วยงานบรรเทาทุกข์นานาชาติ เปิดเผยว่า ผู้อพยพต้องอาศัยอยู่อย่างแออัดท่ามกลางอุณหภูมิที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ห้องน้ำมีไม่เพียงพอ และขาดแคลนกระแสไฟฟ้า

 ขณะเดียวกันชาวปากีสถานหลายร้อยคนออกมาเดินขบวนประท้วงตามท้องถนน ในเมืองละฮอร์ ทางภาคตะวันออกของประเทศ เพื่อต่อต้านกลุ่มตาลีบัน รวมถึงแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับรัฐบาลในการปราบปรามกลุ่มหัวรุนแรงในประเทศ แต่ในเวลาเดียวกัน กลุ่มผู้ประท้วงราว 2,000 คน ซึ่งสนับสนุนพรรคจามัต-อี-อิสลามิ เดินขบวนต่อต้านสหรัฐ โดยผู้ประท้วงพากันถือป้ายมีข้อความระบุว่า สหรัฐคือศัตรูของศาสนาอิสลาม และเรียกร้องไม่ให้สหรัฐเข้าแทรกแซงกิจการภายในปากีสถาน

 ทางด้านอัฟกานิสถาน คณะแพทย์แสดงความวิตกกรณีพบรอยไหม้ผิดปกติจากบาดแผลของชาวบ้านในพื้นที่ปะทะเดือดระหว่างกองทัพสหรัฐกับกองกำลังตาลีบัน ขณะที่กลุ่มเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนอยู่ระหว่างการตรวจสอบความเป็นไปได้ว่าจะมีการใช้ฟอสฟอรัสขาว ซึ่งเป็นอาวุธชนิดหนึ่งที่สร้างจากสารเคมีพื้นฐานอย่างฟอสฟอรัส ใช้ในการสร้างม่านไฟ หรือหมอกควัน การที่สารเคมีชนิดนี้เป็นสารติดไฟจึงส่งผลให้ผิวหนังไหม้เกรียม
 กองทัพสหรัฐปฏิเสธว่าไม่ได้ใช้ฟอสฟอรัสขาวในการปะทะที่จังหวัดฟาราห์ แต่ระบุถึงความเป็นไปได้ว่าฝ่ายตาลีบันอาจเป็นผู้ใช้อาวุธร้ายแรงนี้