ข่าว

มิติใหม่'หญิงไทย'ไม่สยบแค่เท้าช้าง

มิติใหม่'หญิงไทย'ไม่สยบแค่เท้าช้าง

10 มี.ค. 2555

มิติใหม่ 'หญิงไทย' ไม่สยบแค่เท้าช้าง

                    ณ วันนี้ถ้าถามถึงบทบาทของสตรีหลายต่อหลายคนต่างยกนิ้วโป้งว่าสุดยอด เก่งกล้า และสามารถ จนนั่งเก้าอี้ใหญ่ในองค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนมากมาย แม้กระทั่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของไทยก็ยังมีผู้หญิงนี้ละครองเก้าอี้อยู่ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ปรากฏการณ์เหล่านี้บอกให้รู้ว่าผู้หญิงยุคนี้ไม่เป็นสองรองชาย ผนวกกับช่วงเดือนนี้คือเดือนของการเฉลิมฉลองสตรีสากลทั่วโลก การเชิดชูความสามารถของผู้หญิงต่างถูกเรียกร้องให้ผู้คนหันมาให้ความสนใจมากขึ้น ลองฟังมุมมองของคนในสังคมว่าบทบาทของผู้หญิงของเขานั้นเป็นอย่างไร

                    เริ่มจากนักบริหารหนุ่ม "กบ" เกรียงศักดิ์ ตันติพิภพ ผู้บริหารอาวุโสสายการตลาด บริษัท สยามพารากอน ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ที่ทำงานกับเจ้านายที่เป็นหนึ่งหญิงเก่งในแวดวงธุรกิจ บอกว่า ส่วนตัวมองว่าผู้หญิงเป็นช้างเท้าหน้าเฉกเช่นเดียวกับผู้ชาย ด้วยมีความแข็งแกร่ง มุ่งมั่น มีความเป็นตัวของตัวเองมากขึ้นกว่ายุคก่อนๆ เยอะมาก ที่สำคัญผู้หญิงยุคนี้มีความเป็นผู้นำในตัวเองสูง โดยที่ไม่ต้องรอพึ่งพาผู้ชาย บวกกับความมุ่งมั่นทะเยอทะยานทำให้ผู้หญิงก้าวขึ้นเป็นผู้นำในองค์กรต่างๆ อย่างมากมายและต่อเนื่อง

                    "ความเป็นผู้หญิงจะมีความอ่อนโยน อ่อนหวานติดมากับตัวอยู่แล้ว เมื่อผสานกับความเข้มแข็งและความสามารถทำให้ผู้หญิงยุคนี้กระโดดก้าวไกลและเก่งกาจเสมอชายหรือจะมากกว่าผู้ชายอีกหลายๆ คนด้วยซ้ำ ตรงกันข้ามเมื่อออกมาโดดเด่นในธุรกิจการงาน ความเรียบร้อย ความเป็นแม่ศรีแม่เรือนก็ดูจะห่างหายไปจากผู้หญิง แต่ด้วยส่วนตัวไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนั้น อยากให้ผู้หญิงเดินก้าวไปข้างๆ ด้วยกันมากกว่า พร้อมๆ กับขอบคุณผู้หญิงในยุคนี้ที่ทำให้ผู้ชายเบาแรง" เกรียงศักดิ์ แสดงความคิดเห็น

                    "อ้อม" พัชรี เจริญสุข แม่ค้าเสื้อผ้าวัย 30 ปีต้นๆ มองว่า สตรีรุ่นคุณพ่อคุณแม่มักเป็นช้างเท้าหลัง พ่อบ้านจะนำไปทางไหนก็ไปทางนั้น แต่ปัจจุบันบางครั้งผู้หญิงไม่จำเป็นต้องมีชีวิตคู่ก็ได้ หรือจะมีผู้นำก็ได้ ซึ่งกรณีที่มีผู้นำส่วนใหญ่เท่าที่เห็นจะเป็นลักษณะก้าวไปพร้อมๆ กัน ไม่ถือว่าใครเป็นช้างเท้าหน้าเท้าหลังอีกแล้ว มีความศรัทธาไว้เนื้อเชื่อใจกัน ให้เกียรติกัน นี่คือความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจน

                    "ผู้หญิงเรามีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น อาจจะด้วยเรื่องการศึกษา เพราะสมัยก่อนอย่างครอบครัวตัวเองคุณแม่ไม่ได้รับการสนับสนุนให้เรียนสูงๆ ต้องทำไร่ทำนา แล้วต้องเป็นแม่บ้านแม่เรือน จะเก่งเรื่องงานครัว ซึ่งสมัยนี้ผู้หญิงบางคน ไม่ได้เก่งงานบ้านเลย แต่สามารถเก่งงานนอกบ้าน อย่างงานเชี่ยวชาญเฉพาะด้านทั่วไปทัดเทียมกับผู้ชาย หรือที่เห็นได้ชัดเจนคือสามารถเป็นผู้นำประเทศได้ด้วย ซึ่งก็บ่งบอกได้เลยว่าแตกต่างจากยุคก่อนแน่นอน ที่ผู้หญิงไม่ได้รับการยอมรับให้เป็นถึงนายกรัฐมนตรี แสดงให้เห็นว่าผู้หญิงเราก้าวไกลมาพอสมควร" แม่ค้าสาว กล่าว

                    ด้านหนุ่มนักบริหาร "ต่อ" ปิยะพงศ์ จิตต์จำนงค์ ผู้จัดการหน่วยธุรกิจทไวนิงส์ บริษัท เอบี ฟู้ด แอนด์ เบฟเวอร์เรจส์ (ประเทศไทย) จำกัด บอกว่า ผู้หญิงสมัยนี้เก่งมากเป็นเพศที่มีความท้าทายสูง โดยเฉพาะในเรื่องของความรับผิดชอบ และบทบาทที่มีมากกว่าผู้ชายหลายเท่า ทั้งการเป็นแม่ของลูก เป็นภรรยา เป็นสาวทำงาน และเป็นลูกที่ดีของแม่ จนบางครั้งบทบาทต่างๆ เหล่านี้ส่งผลให้ผู้หญิงลืมตัวเองไปในบางขณะ

                    "ผู้หญิงปัจจุบันมีความเป็นตัวของตัวเองสูง ผู้หญิงเก่งคือคนที่สามารถบริหารทั้งสองอย่างแบบมืออาชีพ แต่เสน่ห์ของผู้หญิงคือความละมุนละไม สิ่งนี้ขาดไม่ได้เช่นกัน ผู้หญิงที่ถือเป็นไอดอลของผม คือ คุณแม่ เพราะสร้างเราขึ้นมาสอนให้เรามีความรับผิดชอบ กล้าคิดกล้าทำ แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้หญิงละเลยคือเรื่องของสุขภาพตัวเอง บางครั้งพวกเขาทำงานจนลืมใส่ใจตัวเองไป ส่วนที่หลายคนมักจะมองว่าผู้หญิงชอบเรียกร้อง แต่ผมไม่มองแบบนั้น เพราะผู้หญิงเขามีวิธีบอกความต้องการในแบบฉบับของเขาซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี การได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างหญิงชายที่หลายๆ คนคิด ผมกลับมองเป็นเรื่องของการเคารพสิทธิซึ่งกันและกันมากกว่า โดยเฉพาะการทำงานถึงผู้หญิงจะมีตำแหน่งใหญ่กว่า ในกระบวนการทำงานผมจะถือว่าพวกเขาทำงานแบบมืออาชีพ ไม่จำเป็นต้องอ่อนข้อในการทำงาน ขณะเดียวกันผู้หญิงระดับผู้บริหาร ก็ต้องกล้าที่จะรับฟังความคิดเห็นและวิสัยทัศน์ของคนอื่นไปพร้อมๆ กันด้วย" ต่อกล่าว

                    ขณะที่อาจารย์สาว "ดร.อ้อ" กฤษติกา คงสมพงษ์ บอกว่า สมัยก่อนรุ่นแม่ของเราจะเห็นว่าต้องอยู่บ้าน เลี้ยงลูกและทำงานบ้าน แต่ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้ผู้หญิงกลายพันธุ์ สมัยนี้ผู้หญิงออกมาทำงานนอกบ้านมากขึ้น หลายครอบครัวผู้หญิงมีความสามารถมากเกินไป จนไม่สามารถตอบโจทย์ของผู้ชายได้ทำให้เกิดปัญหาหย่าร้างตามมา ผู้หญิงกลุ่มนี้จึงต้องรับภาระหนักทั้งเรื่องการทำงานและเรื่องครอบครัว นอกจากนี้ยังมีผู้หญิงอีกกลุ่มที่ไม่ต้องการแต่งงาน เพราะเชื่อว่ายืนหยัดอยู่ได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งผู้ชาย แต่ไม่ว่าผู้หญิงจะอยู่ในบริบทไหนก็จะต้องพยายามบรรลุเป้าหมายในรูปแบบของตัวเองให้ได้

                    สถานภาพของสตรีนับแต่อดีตไม่เคยย่ำอยู่กับที่ อุษา เลิศศรีสันทัด ผู้อำนวยการมูลนิธิผู้หญิง ให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่า สมัยก่อนผู้หญิงได้รับการศึกษาน้อย โดยถูกมองว่าไม่จำเป็นต้องเรียนเยอะ แต่ปัจจุบันโอกาสทางการศึกษาสำหรับผู้หญิงเปิดกว้างมากขึ้น ทำให้ผู้หญิงได้รับการศึกษาในระดับที่สูงขึ้น และตัวเลขการก้าวขึ้นสู่ทำเนียบผู้บริหารระดับมีเปอร์เซ็นต์สูงขึ้นด้วย

                    "จากการทำงานในมูลนิธิผู้หญิง ในภาพรวมอาจมองว่าผู้หญิงก้าวเข้ามามีบทบาททางสังคมมากขึ้น แต่ยังมีกลุ่มผู้หญิงที่ยากจนและมีปัญหาอีกมาก อาทิ ช่องว่างรายได้ยังมีอยู่มาก ความมั่นคงในชีวิต และการมีส่วนร่วมในสังคมยังน้อยอยู่มาก จากปัญหาเหล่านี้อาจนำไปสู่ปัญหาหนี้นอกระบบที่หลายคนมองว่าเป็นเรื่องส่วนตัว จนทำให้ผู้หญิงหลายคนตัดสินใจไปทำงานต่างประเทศ จนถูกหลอกและกลายเป็นคนผิดกฎหมายในประเทศนั้น ตอนนี้รัฐบาลมีกองทุนด้านสตรีจึงอยากฝากให้เข้ามาตอบสนองผู้หญิงในกลุ่มยากจนที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาเหล่านี้ก่อน" สตรีผู้มีบทบาทเกี่ยวกับสตรี ให้ความเห็น

                    ในความอ่อนโยนของเพศหญิง กลับแฝงไว้ด้วยความเข้มแข็งที่ผู้ชายหลายคนเห็นแล้วต้องทึ่ง จริงเท็จประการใด...ลองสำรวจรอบตัวคุณ