ข่าว

พลังงาน!?จับตา-การปิดช่องแคบฮอร์มุซ

พลังงาน!?จับตา-การปิดช่องแคบฮอร์มุซ

09 มี.ค. 2555

รู้ทันกระแสเศรษฐกิจและพลังงาน : การปิดช่องแคบฮอร์มุซ...สถานการณ์พลังงานโลกที่ต้องจับตามอง (1) : โดย ... ดร.โชติชัย สุวรรณาภรณ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่นโยบายและเศรษฐกิจพลังงาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) [email protected]

          คงเป็นที่ทราบกันดีนะครับ ว่าสถานการณ์ในตะวันออกกลางขณะนี้มีความล่อแหลมอย่างมาก เรียกว่าต้องจับตากันวันต่อวันเลยทีเดียว โดยคู่กรณีใหญ่จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก "สหรัฐอเมริกา" พี่เบิ้มผู้นำเข้าพลังงานมากที่สุดในโลก และ "อิหร่าน" เด็กดื้อในสายตาอเมริกาที่ถูกกล่าวหาว่าแอบซุกซ่อนการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ไว้หลังบ้าน ซึ่งก็ไม่รู้ว่าวันดีคืนดีจะเอามาตีหัวคนข้างบ้านที่เขม่นกันอยู่อย่างอิสราเอลเมื่อไร และก็เผอิญว่าสหรัฐอเมริกาก็ถือหางอิสราเอลอยู่มาก จึงทำให้เรื่องนี้ไม่อาจจะจบลงง่ายๆ 

          จากที่คนสองคนทะเลาะกันในซอยบ้านตัวเอง คนอยู่ต้นซอยก็ออกอาการนักเลง ว่าฉันจะปิดปากซอยไม่ให้ผ่านเข้าออกถ้ามากดดันกันจนเกินไป ก็เลยทำให้เดือดร้อนกันไปทั่ว เพราะเส้นทางที่ว่านั้น ถือเป็นเส้นเลือดใหญ่ในการลำเลียงพลังงานของโลก จากในบริเวณอ่าวเปอร์เซียด้านในออกสู่โลกภายนอก หรือที่เรียกว่า "โชคพอยต์" (choke point) หรือจุดแออัดขนาดความกว้างเพียงแค่ 10 กิโลเมตร อันที่จริงโชคพอยต์อีกที่หนึ่งที่ถือเป็นอันดับ 2 คือช่องแคบมะละกา ซึ่งอยู่ในเอเชีย 

          แต่วันนี้ขอกล่าวถึงโชคพอยต์ "ฮอร์มุซ" ซึ่งมีความสำคัญเหลือขนาด ถึงขนาดเป็นอันดับ 1ในบรรดาโชคพอยต์ของโลก เพราะมีน้ำมันที่ต้องขนส่งผ่านช่องแคบนี้แต่ละวันคิดเป็นตัวเลขคร่าวๆ ก็ประมาณ 18 ล้านบาร์เรล หรือกว่า 40% ของการค้าน้ำมันทางทะเล (20% ของปริมาณการค้าน้ำมันโลก) หากช่องแคบถูกปิดการลำเลียงน้ำมันจากด้านในของอ่าวเปอร์เซีย จากประเทศอิรัก สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ คูเวต กาตาร์ บาห์เรน ออกสู่ทะเลอาหรับและผ่านไปสู่โลกภายนอกก็จะถูกตัดขาดและตลาดน้ำมันโลกก็จะเข้าสู่ความโกลาหลทันที จึงจำเป็นต้องหาเส้นทางอื่นสำรองไว้เพื่อขนถ่ายน้ำมันยามฉุกเฉิน

          การกดดันดังกล่าวของสหรัฐอเมริกาต่ออิหร่านก็ใช่ว่าคนอื่นเขาจะเห็นด้วยนะครับ พี่เบิ้มยักษ์ใหญ่อย่าง "จีน" ซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันมากเป็นอันดับ 2 ของโลก ต้องนำเข้าน้ำมันจากอิหร่านสูงถึง 5.5 แสนบาร์เรลต่อวัน (หรือกว่า 20% ของการส่งออกน้ำมันดิบจากอิหร่านมุ่งไปสู่จีน) ก็ออกมาโวยและไม่เห็นด้วยกับนโยบายคว่ำบาตรทางการค้าต่ออิหร่านที่มีสหรัฐอเมริกาเป็นโต้โผใหญ่ เพราะนั่นหมายถึงพี่เบิ้มอเมริกากำลังกระทบกับเส้นเลือดใหญ่ของจีนเลยทีเดียว 

          ตามมาด้วยอินเดียที่เห็นพ้องต้องกันกับจีน แต่อาจจะออกเสียงไม่ดังเท่าก็ไม่ค่อยอยากจะยอมรับการคว่ำบาตรนี้สักเท่าไร เพราะอินเดียเองก็ต้องนำเข้าน้ำมันดิบในปริมาณสูงมากจากอิหร่าน คิดเป็นประมาณ 11% ของการนำเข้าทั้งหมด เรียกว่าถ้าคว่ำบาตรกันขึ้นมากำลังการผลิตของโรงกลั่นน้ำมันในอินเดียก็ลดฮวบทันที เนื่องจากต้องพึ่งพาน้ำมันดิบจากอิหร่านสูงมาก 

          ในละแวกบ้านเราก็มีญี่ปุ่นที่ต้องนำเข้าจากอิหร่านประมาณ 10% แต่ญี่ปุ่นก็มีนโยบายเดินตามสหรัฐอเมริกาอยู่แล้ว จึงได้ออกมาบอกว่าการยกเลิกการนำเข้าน้ำมันจากอิหร่านจะไม่กระทบต่อญี่ปุ่นมากนัก เพราะยังมีการเก็บสำรองน้ำมันยามฉุกเฉิน (oil stockpiling) ที่เพียงพออยู่ 

          เอาล่ะครับตอนนี้ก็พอจะมองเห็นภาพความเชื่อมโยงและเส้นทางลำเลียงน้ำมันของตลาดโลกกันแล้วนะครับ แต่เป็นส่วนหนึ่งเท่านั้นครับ แต่ด้วยพื้นที่มีจำกัด ในสัปดาห์หน้าค่อยมาติดตามเรื่องราวและผลกระทบจากสถานการณ์ในตะวันออกกลางต่อตลาดน้ำมันโลกกันต่อครับ

 

 

----------

(หมายเหตุ : รู้ทัน กระแสเศรษฐกิจและพลังงาน : การปิดช่องแคบฮอร์มุซ...สถานการณ์พลังงานโลกที่ต้องจับตามอง (1) : โดย ... ดร.โชติชัย สุวรรณาภรณ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่นโยบายและเศรษฐกิจพลังงาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) [email protected])

----------