
สั่งฟ้องคนสกุล'กิจเจริญ'รุกป่าแม่แตง
อธิบดีกรมอุทยานฯ ลุยตรวจรุกป่าแม่แตง พร้อมสั่งดำเนินคดีคนนามสกุลดัง "กิจเจริญ" หลังพบเป็นผู้ซื้อกว่า 713 ไร่ พร้อมแจ้งจับผู้ใหญ่บ้านรวบรวมที่หลวงขาย ส่วนหัวหน้าหน่วยรักษาพันธ์สัตว์ป่าแม่เลา-แม่แสะ และหัวหน้าป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่แตงโดนตั้งกรรมการสอบ
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 24 ก.พ. นายดำรงค์ พิเดช อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) นำกำลังเจ้าหน้าที่จากสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 เจ้าหน้าที่จากกรมป่าไม้ และตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ( ปทส.) กว่า 100 นาย ลงพื้นที่เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าแม่เลา-แม่แสะ และพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่แตง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ เพื่อตรวจสอบหลังรับแจ้งว่ามีนายทุนเข้าบุกรุกครอบครองพื้นที่ป่าอย่างผิดกฏหมายเกือบพันไร่
จากการตรวจสอบพบมีการปักหลักปูนแสดงเขตพร้อมก่อสร้างโรงเรือนเป็นอาคาร 1 ชั้น นอกจากนี้ยังพบมีโค่นต้นไม้ใหญ่และขุดหลุมปรับพื้นที่เพื่อเตรียมปลูกกาแฟ ซึ่งจากการตรวจพิกัดทางดาวเทียม พบว่ามีการบุกรุกจริงเป็นพื้นที่ 713 ไร่
นายดำรงค์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบมีการทำสัญญาซื้อขายที่ดินโดยมีชื่อผู้รับมอบคือ นางกนกวรรณ กิจเจริญ ส่วนจะเป็นภรรยาของนักจัดรายการโทรทัศน์ชื่อดังหรือไม่นักข่าวต้องไปสืบเอาเอง ส่วนผู้ส่งมอบคือ นายอภิรักษ์ ภัทราวราพันธ์ มีพยานลงชื่ออีกสองคน รวมทั้งนายพรชัย ปูอ้าย ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 9 ต.ป่าแป๋ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ในสัญญาระบุการซื้อขายที่ดิน 41 ไร่ อ้างเอกสารสิทธิ์ สค. 1 จำนวน 2 ฉบับ รวม 12 ไร่ ภบท.5 และ ภบท. 6 อีก 19 ฉบับ รวม 415 ไร่
แต่หลังจากเจ้าหน้าที่ช่างรังวัดของกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์พืชได้เข้าตรวจสอบรังวัดแผนที่อย่างละเอียดพบว่ามีพื้นที่ที่ถูกซื้อขายทั้งหมดถึง 713 ไร่ โดยซื้อขายกันถูกมากเพียงไร่ละ 5,000 บาท เท่านั้น
สำหรับพื้นที่ที่มีการบุกรุกมีความอุดมสมบูรณ์เป็นป่าต้นน้ำของแม่น้ำปิงและแม่น้ำแม่แตง การเข้าครอบครองและปรับพื้นที่ทำให้ทรัพยากรป่าไม้เสียหายไปเป็นจำนวนมาก ซึ่งเราจะดำเนินคดีกับ นางกนกวรรณ ซึ่งเป็นผู้ซื้อตาม พรบ.ป่าไม้ , พรบ.ป่าสงวนแห่งชาติ , พรบ.สงวนและคุ้มครอง สัตว์ป่า , พรบ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมและตามกฏหมายที่ดิน
ส่วนนายพรชัยจะถูกดำเนินคดีตามประมวลกฏหมายอาญามาตรา 157 ที่สมรู้ร่วมคิดเอาที่หลวงไปขาย โดยได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบในพื้นที่เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.ป่าแป๋ อ.แม่แตง ในวันนี้ทันที
"นอกจากนี้จะสั่งตั้งคณะกรรมสอบข้อเท็จจริงนายร่มเย็น ธงสิบสอง หัวหน้าเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าแม่เลา-แม่แสะ และนายธนะศักดิ์ วิศิษฏ์ผล หัวหน้าหน่วยป้องกันและรักษาป่าที่ ชม.13 ที่รับผิดชอบป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่แตงว่าปล่อยปละละเลยให้มีการซื่อขายกันได้อย่างไร ทั้งนี้การแจ้งความผู้ใหญ่บ้านที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการขายที่หลวงครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกของประเทศไทย" นายดำรงค์ กล่าวและว่า
หลังจากแจ้งความก็คงจะต้องไปพิสูจน์กันว่า สค.1 จำนวน 12 ไร่ ที่อ้างมานั้นถูกต้องหรือไม่ ส่วน ภบท.5 และ ภบท.6 นำมาอ้างซื้อขายกันเกือบ 700 ไร่ เป็นเพียงเอกสารแสดงการเสียภาษีบำรุงท้องที่ประเภทหนึ่งซึ่งไม่สามารถนำมาอ้างสิทธิการครอบครองได้ การนำ ภบท.5 และ ภบท.6 มาซื้อขายก็เป็นเพียงใบมั่นใจระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขายเท่านั้น
ทั้งนี้ พฤติกรรมการบุกรุกพื้นที่ป่าครั้งนี้เหมือนกับวังน้ำเขียวเพียง แต่ที่นี่ผู้ครอบครองมีรายเดียว อย่างไรก็ตามนอกจากพื้นที่นี้แล้ว ยังพบว่ามีสวนส้มที่อยู่ติดกันมีการบุกรุกป่าอีกราว 250 ไร่ ซึ่งกำลังมีการตรวจสอบ ส่วนพื้นที่นี้หากศาลตัดสินจะเข้าดำเนินการฟื้นฟูให้กลับมาเป็นป่าต้นน้ำที่สมบูรณ์อีกครั้ง