
ควันไฟคลุมแม่ฮ่องสอน'นกแอร์'เลื่อน
ควันไฟปกคลุมบริเวณสนามบินแม่ฮ่องสอนทำให้สายการบินนกแอร์ต้องเลื่อนเวลาทำการบินออกไปอีก 1 ชม. ผู้ว่าฯเชียงใหม่เผยเตรียมแผนรับวิกฤตหมอกควันใช้ฝนหลวง-ซี 130 โปรยน้ำลดฝุ่นควันในอากาศ
17ก.พ.2555 นายประมินทร์ วัฒนนวาธี หัวหน้างานกลุ่มสิ่งแวดล้อมสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดแม่ฮ่องสอน ออกมายอกรับว่าคุณภาพอากาศแม่ฮ่องสอน เมื่อเวลา 13.00 น วันที่ 17 กุมภาพันธ์ ตรวจพบค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กเกินมาตรฐานที่สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดแม่ฮ่องสอนวัดได้ 192.1 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และค่า AOI วัดได้ 131 ข้อมูลการตรวจวัดสภาพอากาศมีปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 10 ค่ามาตรฐานอยู่ที่ 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งคุณภาพอากาศที่เกินมาตรฐานดังกล่าว สาเหตุมาจากไฟไหม้ป่าในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ส่งผลให้เกิดปัญหาค่าฝุ่นละอองดังนั้นขอให้ประชาชนที่จะเดินทางออกจากบ้านพักอาศัยขอให้หาวิธีป้องกันฝุ่นละอองดังกล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า ควันไฟปกคลุมบริเวณสนามบินแม่ฮ่องสอน ทำให้สายการบินนกแอร์ต้องเลื่อนเวลาทำการบินออกไปอีก 1 ชม.
เล็งใช้ฝนหลวง-ซี130โปรยน้ำลดฝุ่นควัน
ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวถึงสถานการณ์หมอกควันมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นว่า แม้ขณะนี้ค่าปริมาณฝุ่นควันขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอนหรือค่า PM10 จะยังไม่เกินมาตรฐาน แต่ทางจังหวัดก็มีความเป็นห่วงเนื่องจากหลายปัจจัยบ่งชี้ถึงแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้น ล่าสุดทางจังหวัดได้สั่งการไปถึง 25 อำเภอ ให้นายอำเภอกำหนดพื้นที่รับผิดชอบให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแต่ละแห่งในการลดการเผาป่าและลดปริมาณฝุ่ยควันทุกชนิด
แต่หากมลพิษทางอากาศเพิ่มสูงถึงขั้นวิกฤตทางจังหวัดก็มีแผนรองรับ โดยจะได้ประสานไปยังกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อขอสนับสนุนการทำฝนหลวง รวมทั้งประสานไปยังกองทัพอากาศเพื่อสนับสนุนเครื่องบินซี 130 ขึ้นบินโปรยละอองน้ำชะล้างฝุ่นควันในอากาศในพื้นที่วิกฤตโดยเฉพาะในเขตเมืองเชียงใหม่ซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญ ซึ่งแผนที่เตรียมไว้แม้จะไม่สามารถกำจัดฝุ่นควันได้ทั้งหมดแต่ก็หวังจะลดลงให้ได้มากที่สุด
สธ.เชียงใหม่.เผยยอดผู้ป่วยเพิ่มขึ้น10%
นายแพทย์วัฒนา กาญจนกมล นายแพทย์สาธารณสุข จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผย ตัวเลขยอดผู้ป่วยตั้งแต่ต้นเดือน กุมภาพันธ์ที่ผ่าน จนถึงวันนี้ (17 ก.พ.) มียอดผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้นถึง 10 % มีผู้ป่วยแล้วกว่า 2,500 คน โดยเฉพาะโรคระบบทางเดินหายใจ ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์หมอกควัน ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ถึงแม้ว่าค่าฝุ่นละอองในพื้นที่ จะยังไม่เกินค่ามาตฐาน ที่ 120 ไมโครกรัม /ลูกบาศก์เมตร แต่สถานการณ์ยังคงน่าเป็นห่วง และมีแนวโน้มว่า ค่าฝุ่นละออง จะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ
ล่าสุดเมื่อช่วงเวลา 13.00 น. วันที่ 17 ก.พ. ที่ผ่านมา บริเวณศาลากลาง จังหวัดเชียงใหม่ สามารถวัดค่าฝุ่นละออง ได้ 109.58 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย วัดได้ 91.20 ไมโครกรัม /ลูกบาศก์เมตร ซึ่งอาจส่งผลให้ประชาชน ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะผู้ที่ป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจ โรคหัวใจ โรคผิวหนัง โรคตา ต้องดูแลตัวเองเป็นพิเศษ หลีกเลี่ยงการอยู่ในพื้นที่โล่งแจ้ง หรืองดการออกกำลังกายในช่วงระยะนี้ หรือถ้าออกมาอยู่ภายใน ควรสวมหน้ากาก เพื่อป้องกันฝุ่นละอองที่อาจจะเข้าไปทางระบบทางเดินหายใจ ตลอดจนจะต้องเตรียมยาให้พร้อม หากเกิดอาการฉุกเฉิน ก็จะสามารถช่วยเหลือตนเองได้ และถ้าหากคุณภาพอากาศในจังหวัดเชียงใหม่ ยังคงเป็นแบบนี้ อีก 3 วัน คาดว่า จะมียอดผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น
นายแพทย์วัฒนา กล่าวต่อว่า จะเร่งให้ทางโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพทุกตำบล เร่งสร้างความรู้ให้กับคนในชุมชน ในการป้องกันตนเอง รวมทั้งประชาสัมพันธ์ให้คนในชุมชนลดการเผาในพื้นที่ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดหมอกควัน และประสานงานให้หน่วยสถานพยาบาลทุกแห่งเตรียมหน้ากากอนามัยสำรองไว้ หากมีประชาชนในพื้น ที่ต้องการร้องขอ หรือได้รับผลกระทบ ตลอดจนให้ทุกหน่วยงานเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อหาแนวทางในการแก้ไข หากค่าฝุ่นละอองเกินค่ามาตฐานที่กำหนด
ผู้ว่าฯลำพูนห่วงประชาชน
นายสุรชัย ขันอาสา ผู้ว่าราชการ จ.ลำพูน เปิดเผยว่าว่า จ.ลำพูนตรวจพบค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กเกินมาตรฐานที่สถานีตรวจวัดคุณภาพ อากาศสนามกีฬาองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน ข้อมูลการตรวจวัดสภาพอากาศมีปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กหรือที่เรียกว่า PM 10 ค่ามาตรฐานอยู่ที่ 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เมื่อวันที่ 17 ก.พ. ค่าที่วัดได้ 194.17 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เป็นอันดับสามรองจาก จ.ลำปาง ค่าที่วัดได้ 235.33 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และ จ.แพร่ ค่าที่วัดได้ 218.08 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร โดยมีพื้นที่ที่ต้องดูแลเป็นพิเศษคือชุมชนเมือง และมีความเป็นห่วงประชาชน
ขณะนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบพื้นที่ จัดชุดเคลื่อนที่เร็วและเจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์และเฝ้าระวังอย่างใกล้ ชิด พร้อมทั้งขอความร่วมมือสื่อทุกประเภทในพื้นที่เพิ่มความถี่ในการรณรงค์ประชา สัมพันธ์ และสั่งการให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ ประชาชนเพิ่มความระมัดระวังในการประกอบกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัย เช่น การใช้วัตถุไวไฟ การเผาขยะ เศษใบไม้และหญ้าแห้ง ตลอดจนชี้แจงเกษตรกรในการเตรียมพื้นที่เพาะปลูกด้วยวิธีไถกลบวัชพืชแทนการเผา
การประชุมหัวหน้าส่วนราชการประจำเดือน ก.พ.ในวันที่ 28 ก.พ.ที่จะถึงนี้ ได้มอบหมายให้ สนง.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.ลำพูนรวบรวม รายงานผลการประเมินสถานการณ์ว่าอำเภอใดยังประสบปัญหาหมอกควันและไฟป่า จะได้มอบหมายให้นายอำเภอบูรณาการการทำงานในพื้นที่รณรงค์ ขอความร่วมมือ และควบคุมการเผาในพื้นที่ชุมชนและเขตเกษตรกรรม ทั้งนี้ จ.ลำพูนได้ประกาศกำหนดเขตควบคุมไฟป่าในเขตอนุรักษ์ 287 หมู่บ้าน ครอบคลุมทั้ง 8 อำเภอ เนื่องจากจังหวัดลำพูนเป็นพื้นที่หนึ่งที่เกิดสถานการณ์ไฟป่าเป็นประจำทุกปี และสร้างความเสียหายให้กับพื้นที่ป่าเป็นบริเวณกว้าง