
บุกค้นเรือนจำ'เขาบิน'พบมือถือ-บุหรี่อื้อ
ผู้ว่าฯเมืองโอ่งนำกำลังตำรวจ-ปปส.-นปพ.-อส. 300 นาย บุกค้นเรือนจำเขาบินอีกรอบเจอมือถือและบุหรี่อื้อ ขณะที่เจ้าหน้่าที่ราชทัณฑ์สนธิกำลัง ตร.กว่า 600นาย จู่โจมค้นเรือนจำบางบอน
เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 10 ก.พ. 55 นายชนม์ชื่น บุญญานุสาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี พล.ต.ต.นิพนธ์ ภู่พันธ์ศรี ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ราชบุรี นายธนวีร์ ประวัติ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางเขาบิน จ.ราชบุรี ได้ผนึกกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ ปปส. เจ้าหน้าที่หน่วยปฎิบัติการพิเศษ(นปพ.) เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธร จ.ราชบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมือง ราชบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.จอมบึง จ.ราชบุรี เจ้าหน้าที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน จ.ราชบุรี เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ รวมกว่า 300 นาย และสุนัขดมกลิ่นจากกรมการสัตว์ทหารบก จ.นครปฐม จำนวน 3 ตัว จู่โจมเข้าทำการตรวจค้นภายในเรือนนอนของผู้ต้องขังใน แดน 5 เรือนจำกลางเขาบินราชบุรี ซึ่งมีผู้ต้องขังกว่า 900 คน และเป็นแดนที่คุมขังผู้ต้องโทษสูงสุดตั้งแต่ 30 ปี ขึ้นไปจนถึงตลอดชีวิต
จากการตรวจค้นเจ้าหน้าที่พบบุหรี่ยี่ห้อกรองทิพย์ซุกซ่อนอยู่ล๊อกเกอร์ของผู้ต้องขังรวมกว่า 800 ซอง หนังสือโป๊ อุปกรณ์ชาร์ตโทรศัพท์ อุปกรณ์การเล่นการพนันและอุปกรณ์สิ่งเทียมอาวุธที่ผู้ต้องขังผลิตขึ้นมาเองจากช้อน แปรงสีฟันและไฟแช็กจำนวนมากเจ้าหน้าที่ได้ทำการยึดไว้ทั้งหมด และการตรวจค้นครั้งนี้ก็ไม่พบยาเสพติดแต่อย่างใด นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจค้นบริเวณผนังด้านข้างภายในเรือนนอนชั้น 3 เจ้าหน้าที่พบโทรศัพท์ ยี่ห้อ โนเกีย 1 เครื่องพร้อมซิม ที่ผู้ต้องขังได้ทำการเจาะผนังแล้วซุกโทรศัพท์ไว้ ตรวจสอบแล้วพบว่า มีการโทรออก และในบริเวณดังกล่าวนั้นสามารถโทรออกได้ แต่ต้องอยู่ในจุดเดียวกับที่พบโทรศัพท์ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ทำการตรวจสอบเครื่องตัดสัณญาณโทรศัพท์ภายในเรือนจำว่ามีจุดบอดตรงไหน ถึงตัดสัณญาณไม่ครอบคลุม และจะตรวจสอบเบอร์โทรศัพท์ที่มีการโทรออกไปว่าเป็นเบอร์ของใครและเกี่ยวข้องกันอย่างไรต่อไปด้วย
ทั้งนี้ จากการตรวจค้นในครั้งนี้ นายธนวีร์ ประวัติ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางเขาบิน จ.ราชบุรี กล่าวว่า ในแดน 5 นี้ เป็นแดนที่มีผู้ต้องขังที่ต้องโทษสูงสุดในหลายคดี ย้ายออกมาจากแดนอื่นๆภายในเรือนจำกลางเขาบิน มาอยู่รวมกันและจากการตรวจค้นในครั้งนี้พบสิ่งของต้องห้ามน้อยกว่าทุกครั้งที่ตรวจค้นมา ถือว่าเป็นที่น่าพอใจแต่เรื่องของการตัดสัณญาณโทรศัพท์นั้นคงจะต้องมีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
เจ้าหน้่าที่ราชทัณฑ์สนธิกำลัง ตร.กว่า 600นาย จู่โจมค้นเรือนจำบางบอน
เมื่อเวลา 06.00 น.วันที่ 10 ก.พ. พ.ต.อ.รัษฎากร ยิ่งยง รรท.ผบก.น.9 พร้อม ดร.อายุตม์ สินธพพันธุ์ ผอ.เรือนจำพิเศษธนบุรี และ นายนิยม เติมศรีสุข ผอ.ปปส.กทม.สนธิกำลังตำรวจ บก.น.9 ตำรวจ บก.อคฝ. สุนัขตำรวจ บก.สปพ. เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ และเจ้าหน้าที่ ปปส.จำนวน 4 กองร้อย ประมาณ 600 นาย เข้าตรวจค้นตามร่างกายผู้ต้องขังและโรงนอนภายในเรือนจำพิเศษธนบุรี ทั้ง 6 แดน เพื่อตรวจหาสิ่งของต้องห้ามโดยเฉพาะยาเสพติดและโทรศัพท์มือถือตามนโยบายควบคุมการแพร่ระบาดยาเสพติดจากในเรือนจำของรัฐบาล
ทั้งนี้ การปฏิบัติการครั้งนี้เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนได้มีการวางแผนร่วมกันที่ สน.แสมดำ ตั้งแต่ช่วงเช้ามืดก่อนแบ่งกำลังกันเดินทางเข้าไปจู่โจมตรวจค้นโรงนอนทั้ง 6 แดน ในขณะที่ผู้ต้องขังยังไม่ตื่นใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง จึงแล้วเสร็จ ผลการทำงานสามารถตรวจยึดอุปกรณ์ต้องห้ามซุกตามหัวนอนและที่นอนได้หลายประเภท อาทิ มีดโกนหนวด กรรไกร เหล็กแหลม มีดคัคเตอร์ บุหรี่ ยาเส้น ไฟแช๊ค เข็มสัก หนังสือลามก และอุปกรณ์เล่นการพนัน รวมกว่า 150 รายการ นอกจากนี้ยังพบเครื่องเล่น MP 3 และที่ชาร์จโทรศัพท์มือถือไอโฟน อย่างละ 1 รายการอีกด้วย
ดร.อายุตม์ กล่าวว่า การปฏิบัติการเข้าตรวจค้นเรือนจำพิเศษธนบุรีในวันนี้ถือเป็นยุทธการบิ๊กคลีนนิ่งครั้งใหญ่แม้จะไม่สามารถตรวจพบสิ่งของผิดกฎหมายตามร่างกายนักโทษ ทั้ง 5,354 คนได้ แต่สามารถตรวจยึดสิ่งของต้องห้ามได้หลายประเภท โดยเฉพาะเครื่องชาร์จโทรศัพท์มือถือไอโฟนที่ตรวจพบทำให้เชื่อว่าอาจจะมีการลักลอบหรือเคยลักลอบนำโทรศัพท์มือถือเข้ามาใช้ในเรือนจำ ซึ่งหลังจากนี้จะมีการเข้มงวดตรวจสอบญาติที่มาเยี่ยมและตรวจเช็คผู้ต้องขังก่อนขึ้นนอนบนเรือนจำให้มากขึ้นตลอดจนจะต้องสุ่มตรวจแบบไม่ให้ทันตั้งตัวกันอย่างนี้เป็นประจำทุกเดือนเพื่อให้ภายในเรือนจำปลอดยาเสพติดและของต้องห้ามอย่างแท้จริง
ด้าน พ.ต.อ.รัษฎากร เปิดเผยว่า หลังจากนี้จะขอความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่เรือนจำให้ตรวจสอบตามซองบุหรี่ ซองยาเส้น และหนังสือลามกทุกเล่มว่ามีการจดเบอร์โทรศัพท์ซุกซ่อนเอาไว้หรือไม่ ถ้าหากมีการตรวจพบแสดงว่าผู้ต้องขังยังสามารถใช้โทรศัพท์ติดต่อกับบุคคลภายนอกได้ ซึ่งทางตำรวจจะทำการตรวจสอบขยายผลต่อไปว่าเบอร์ที่พบเป็นหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ใดก่อนเรียกตัวเจ้าของหมายเลขดังกล่าวมาสอบสวนเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจหรือหากพบพฤติกรรมเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดก็จะดำเนินการจับกุมมาดำเนินคดีต่อไป