ข่าว

อุดมการณ์ประชาธิปไตย

อุดมการณ์ประชาธิปไตย

09 ก.พ. 2555

อุดมการณ์ประชาธิปไตย : เสรีภาพและความรับผิดชอบ โดย นายประชา ช้ำชอก

�������������� ถึงเวลานี้ น่าจะยอมรับกันเสียทีว่า ที่บ้านนี้เมืองนี้เกิดวิกฤติ มีปัญหาหนักหนาสาหัสสากรรจ์ ผู้คนแทบจะฆ่าแกงตีกันตายกันอีกครั้งทุกวันนี้ หาได้มีเหตุผลกลใดอื่นเลยไม่ นอกไปเสียจากประเด็นอันเกี่ยวด้วย "ประชาธิปไตย" เป็นพื้นฐานสำคัญ

�������������� แม้จะเป็นที่รับรู้กันว่า ประเทศไทยได้เปลี่ยนแปลงการปกครอง จากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นประชาธิปไตย ซึ่งอีกไม่กี่วันก็จวนจะครบ 80 ปีบริบูรณ์อยู่แล้วก็ตามที แต่ก็ดูจะเป็นแค่เพียงเปลือกเท่านั้น

�������������� เพราะนอกเหนือไปจากบทบัญญัติซึ่งบ่งบอกเอาไว้ในรัฐธรรมนูญว่า ประเทศไทยปกครองในระบอบประชาธิปไตย มีพิธีกรรมเกี่ยวกับการเลือกตั้งสี่ปีครั้ง มีสิทธิเสรีภาพประเภททำอะไรตามใจคือไทยแท้ ฯลฯ เป็นกระสาย พอให้ได้ชื่อว่า ปกครองอยู่ภายใต้ระบอบประชาธิปไตย

�������������� นอกจากนั้นแล้ว หาได้มีเนื้อหาสาระแก่นสารอะไร ที่สอดคล้องต้องด้วยหลักการประชาธิปไตยแท้จริงเลยแม้แต่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับแนวคิดว่าด้วยความเสมอภาคและอิสรภาพ ที่ต้องถือเป็นต้นธาร รากฐานสำคัญอันนำมาสู่หลักคิด ทฤษฎีประชาธิปไตย

�������������� กรณีของชาวบ้านราษฎรทั่วไปที่อาจจะไม่เข้าอกเข้าใจถ่องแท้ว่า ประชาธิปไตยมีนิยามความหมายเป็นเช่นไร คงไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ที่น่าประหลาดกลับเป็นกลุ่มชนชั้นนำ คนที่มีการศึกษา เป็นดอกเตอร์เป็นศาสตราจารย์ เป็นข้าราชการระดับสูง ซึ่งมีโอกาสได้ไปร่ำเรียน ผ่านการดูงานจากเมืองนอกเมืองนา ประเทศต้นแบบประชาธิปไตย แต่คนเหล่านี้มิได้ซึมซาบอุดมการณ์ประชาธิปไตยกลับมาเลยแม้แต่น้อย

�������������� โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นักการเมืองที่มักจะกล่าวอ้างประชาธิปไตยเป็นอาจิณ แต่หัวใจในสำนึก พฤติกรรมการกระทำกลับเป็นเผด็จการ ไม่ได้แยแสไยไพต่อหลักการอันว่าด้วยความเสมอภาคและอิสรภาพของมนุษย์เลย

�������������� ประชาธิปไตยประเทศใดกัน ที่ประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยไม่สามารถใช้อำนาจนั้นได้

�������������� ประชาธิปไตยแบบไหน ที่ประกาศบอกจะลบล้างผลพวงเผด็จการ ยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ขึ้นมาทั้งฉบับ แต่จะไม่ขอแตะต้องมาตรานั้น ประเด็นนี้เอาไว้ล่วงหน้า

�������������� ประชาธิปไตยประสาอะไร ที่กับเพียงแค่กับการเสนอขอแก้ไขตัวบทกฎหมาย แทนที่จะพูดจากันด้วยเหตุด้วยผล อยู่บนหลักการ กลับมีแม่ทัพนายกองออกมารวบรัดตัดบท บอกให้เลิกยุ่ง วุ่นวายได้แล้ว

�������������� ประชาธิปไตยที่ไหนกัน เรียกร้องให้คนอื่นยุติความเกลียดชัง ไม่เห็นด้วยกับลัทธิล่าแม่มด แต่ตัวเองกลับชี้หน้าก่นด่า ประณามหยามเหยียดว่าคนนั้นเป็นสลิ่ม พรรคการเมืองนี้เป็นแมลงสาป ได้หน้าตาเฉย

�������������� เกลียดเจ้าเกลียดอำมาตย์ แต่กลับยกย่องเทิดทูนเศรษฐีนายทุนผูกขาดกันไม่ลืมหูลืมตา ยอมรับได้กับการสืบทอดตำแหน่งนายกรัฐมนตรีภายในครอบครัว

�������������� ที่ด่าทออำมาตย์ นักการเมืองสวมสูทผูกไท สุดท้ายก็ใส่ชุดขาวลอยหน้าลอยตา อยู่ในทำเนียบ-รัฐสภากันสลอน

�������������� อุดมการณ์ประชาธิปไตยเป็นเพียงแค่ลมปากไม่ว่าจะพรรคไหน สีเสื้อใด ไม่ว่าจะเป็นไพร่หรืออำมาตย์