ข่าว

จำคุกตลอดชีวิตนศ.ปทุมวันฆ่าอริดับ

จำคุกตลอดชีวิตนศ.ปทุมวันฆ่าอริดับ

01 ก.พ. 2555

ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนจำคุกตลอดชีวิตช่างกลปทุมวัน ร่วมพวกกระหน่ำยิง นศ.อุเทนฯ ปี 2 ตาย ลาดพร้าว 124 ปี 49 พร้อมให้ชดใช้แม่เหยื่อ 4.2 ล้าน

                     เมื่อเวลา 09.30 น. ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำ อ.1088/2552 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 6 และ นางเตือนจิตร วิริยารัมภะ มารดาของ นายเบญพล หรือโต้ง วิริยะรัมภะ อายุ 20 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย ปี 2 ที่ถูกยิงเสียชีวิต เป็นโจทก์ร่วมกัน ยื่นฟ้อง นายอนุชา หรือหนึ่ง เชิดชู อายุ 25 ปี อดีตนักเรียนสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 และความผิด พรบ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ 72 ,72 ทวิ

                     ทั้งนี้ คดีนี้โจทก์ ระบุพฤติการณ์ความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 26 ส.ค.49 เวลากลางคืน จำเลยกับพวกที่แยกดำเนินคดีไปแล้ว ร่วมกันใช้อาวุธปืนพกสั้นรีวอลเวอร์ ขนาด .38 สเปเชียล ยิงประทุษร้าย และร่วมกันใช้มีดแทง นายเบญพล หรือโต้ง วิริยะรัมภะ อายุ 20 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย ปี 2 เสียชีวิตภายใน ซ.ลาดพร้าว 124 แขวงและเขตวังทองหลาง กระสุนปืนถูกผู้ตายที่บริเวณศีรษะและลำตัว จำเลยร่วมกันมีอาวุธปืนรีวอลเวอร์ ขนาด .38 สเปเชียล จำนวน 1 กระบอก เครื่องกระสุนปืน ขนาด .38 สเปเชียล จำนวน 6 นัด โดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน เป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย

                      ขณะที่ ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 24 พ.ย.53 ว่า จำเลยมีความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ให้ประหารชีวิต แต่คำให้การเป็นประโยชน์อยู่บ้างลดโทษให้ 1 ใน 4 เหลือจำคุกตลอดชีวิต , ให้จำคุก 1 ปี 6 เดือน ฐานร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและ จำคุกฐานร่วมกันพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับใบอนุญาต เป็นเวลา 9 เดือน แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วให้จำคุกไว้ตลอดชีวิตสถานเดียว และให้จำเลยร่วมกันใช้ค่าสินไหมทดแทนให้กับ นางเตือนจิตร จำนวน 4,250,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตรา ร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ผู้ร้องยื่นคำร้อง 28 ก.ค.52 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ

                     อย่างไรก็ดีเนื่องจากจำเลยหลบหนีไปตั้งแต่เมื่อครั้งอ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้น วันนี้ศาลอาญาจึงได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ลับหลังจำเลย โดยวันนี้มีเพียงนายอารมณ์ เชิดชู บิดาของจำเลย มาร่วมฟังคำพิพากษาเท่านั้น

                    ศาลอุทธรณ์ประชุมตรวจสำนวนแล้ว เห็นว่า โจทก์มีประจักษ์พยานที่ร่วมอยู่ในเหตุการณ์ เบิกความยืนยันโดยไม่มีข้อพิรุธสงสัยว่า จำเลยเป็นผู้โทรศัพท์แจ้งแก่เพื่อนร่วมสถาบันที่ร่วมก่อเหตุ ให้ไปฆ่านายเบญพล ภายใน ซ.ลาดพร้าว 124 โดยเพื่อนของจำเลยรุมยิงและแทงกระทั่งนายเบญพล เสียชีวิต จากนั้นพยานเห็นจำเลยเข้าไปหยิบปืนที่เอวของผู้ตายก่อนซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของเพื่อนหลบหนี

                     อีกทั้ง จึงเชื่อว่า จำเลยเป็นผู้โทรศัพท์แจ้งกับพวก และเป็นผู้หยิบเอาปืนของผู้ตายไป ตามที่ประจักษ์พยานเบิกความ การกระทำผิดมีลักษณ์แบ่งหน้าที่กันทำ จำเลยมีความผิดตามฟ้อง ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย จึงพิพากษายืนให้จำคุกไว้ตลอดชีวิต และให้จำเลยร่วมกันใช้ค่าสินไหมทดแทนให้กับผู้ร้องจำนวน 4,250,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี และให้ริบของกลางหัวกระสุนปืน โดยให้ออกหมายจับจำเลยและปรับนายประกัน 500,000 บาทด้วย