
เผยปี52'พ.ต.พันยา'ถูกยึดทรัพย์3ล.
ตร.เค้นหนัก "พ.ต.ปิยะณัฐ"พันยาบ้าพันล้านคายข้อมูลสำคัญ เผยปี 52 เคยถูก ปปส.ยึดทรัพย์ 3 ล้าน จ่อหมายจับร่วมแก๊งอีก 3 "เพรียวพันธ์" เล็งเสนอสร้างคุกเกาะคุมนักโทษ
วันที่ 27 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากตำรวจปราบปรามยาเสพติด (ปส.) ควบคุมตัว พ.ต.ปิยะณัฐ เจตน์จำรัส นายทหารสังกัดหน่วยทหารช่าง กองทัพภาคที่ 3 เดินทางไปที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ล่าสุดเมื่อเวลา 11.00 น. นายทหารพระธรรมนูญ 6 นาย ได้เข้าร่วมสอบปากคำพ.ต.ปิยะณัฐกับตำรวจด้วย
พล.ต.ต.ชาญเวช เสสะเวช รองผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติพ กล่าวว่า พ.ต.ปิยะณัฐให้การรับสารภาพซึ่งให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับรูปคดีเป็นอย่างมาก ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานเตรียมที่จะออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องอีก 2-3 คนด้วยกัน ซึ่งเป็นผู้ที่เข้าร่วมขบวนการรับส่งยาเสพติดอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือและภาคกลาง ขณะนี้ตำรวจมีข้อมูลอยู่แล้วแต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้
"ผู้ต้องหาได้ให้การสอดคล้องกับข้อมูลของนายนิพนธ์ กันชาติ ผู้ต้องหาคดียาเสพติดเครื่อข่ายขุนส่า ซึ่งมีการเชื่อมโยงเกี่ยวข้องไปถึงผู้ต้องหาที่อยู่ในเรือนจำ และผู้ที่ถูกจับกุมทั้งหมด ส่วน จ.ส.อ.วีนัส สีใจ นายทหารสังกัดกองพันทหารช่างที่ 302 กองทัพภาคที่ 3 นั้น ล่าสุดพบว่ายังหลบหนีอยู่ในประเทศไทย ยังไม่ได้ออกนอกประเทศ" พล.ต.ต.ชาญเวช กล่าว
สำหรับพ.ต.ปิยะณัฐจะมีการนำตัวไปฝากขังที่ศาลอาญาฯในข้อหามียาเสพติดไว้ในครอบครอง สำหรับนายทหารพระธรรมนูญที่เดินทางมาร่วมสอบปากคำกับทางตำรวจนั้น ทางผู้ต้องหาได้ร้องขอจึงได้มีการประสานงานให้มาดำเนินการร่วมกันสอบสวน รวมถึงจะมีการตรวจสอบรถยนต์ที่มีตรากงจักรติดอยู่ด้วย อย่างไรก็ตามทางพนักงานสอบสวนจะได้รวบรวมพยานหลักฐานที่มีอยู่ทั้งหมดเพื่อที่จะนำไปเป็นข้อมูลสอบสวนผู้ต้องหาที่อยู่ในเรือนจำ
แม่ทัพภาพที่3รับผิดพลาดเรื่องประสานงานกรณีพ.ต.ปิยะณัฐ
พล.ท.วรรณทิพย์ ว่องไว แม่ทัพภาคที่ 3 เปิดเผยว่า การที่ทหารในสังกัดกองทัพภาคที่ 3 มีส่วนพัวพันคดียาเสพติด ได้มอบหมายให้ผู้บัญชาการกองพลพัฒนาที่ 3 ควบคุมตัวพ.ต.ปิยะณัฐ แต่สำหรับ จ.ส.อ.วีนัส ศรีใจ สังกัดหน่วยกองพันทหารช่างที่ 3 ค่ายสมเด็จพระบรมไตรโลกนารถ จ.พิษณุโลก เป็นไปได้ว่าจะมีการหลบหนีไปแล้วนั้น ทั้งนี้จากการตรวจสอบพบว่า พ.ต.ปิยะณัฐเคยถูกตำรวจ ปส.จับกุมในคดียาเสพติดและได้อายัดทรัพย์ไว้กว่า 3 ล้านบาท มาแล้วในปี 2552 ซึ่งทางต้นสังกัดคือกรมทหารช่างที่ 3 รายงานว่า ทาง ตำรวจ ปส.ไม่ได้แจ้งมาที่หน่วยทำให้ พ.ต.ปิยะณัฐยังสามารถมาทำได้ตามปกติ จนกระทั่งมาก่อคดีร่วมกันลำเลียงยาบ้าล็อตใหญ่ดังกล่าว ส่วนจะปลดออกจากราชการหรือไม่นั้น ขณะนี้ต้องรอระบบราชการ คือดำเนินคดีทางกฎหมายจนสิ้นสุด ก็จะต้องปลดให้ออกตามสถานภาพในที่สุด
"ส่วนการติดป้าย กอ.รมน. หน้ารถของผู้กองณัฐ ก็ถือว่าเป็นกระบวนการออกบัตรปลอม ที่ผู้ออกป้ายก็ได้เกษียณไปแล้ว คงต้องมีการตรวจสอบในเรื่องนี้อีกครั้ง เพราะถือว่าเป็นการอาศัยช่องทางอำนาจหน้าที่อำนวยความสะดวกในการกระทำผิดกฏหมายยาเสพติด การจับได้ครั้งนี้ผมรู้สึกดีใจ ใครว่าจะเสียชื่อเสียงแต่ผมดีใจ การที่จับทหารมีส่วนพัวพันเป็นเรื่องที่ดี เพราะที่ผ่านมาลูกหลานในค่ายทหารและเยาวชนจากนอกค่าย ติดยาเสพติดจำนวนมาก อยากให้ทุกส่วนที่เกี่ยวข้องต้องจับตาช่วยกันจับกุมผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดมาลงโทษให้ได้" แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าว
ค้นคุกบางขวางพบสมุดบันทึกโยงขุนส่า
พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ รักษาการเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ( ปปง.) เปิดเผยว่า ปปง.ได้รับการประสานจากตำรวจให้เข้าตรวจสอบทรัพย์สินของนายนิพนธ์ที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ พร้อมผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดรวมถึงพ.ต.ปิยะณัฐ อย่างไรก็ตาม การตรวจสอบเส้นทางการเงินของปปง.ต้องใช้เวลาสักระยะ ทำให้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าการตรวจสอบได้ข้อมูลและหลักฐานใดบ้าง
นายวิษณุ ประจงกิจ ผบ.เรือนจำกลางบางขวาง เปิดเผยถึงผลการเข้าตรวจค้นเรือนนอนนช.พีรยุทธ แพทย์สกล หรือตี๋ ผู้ต้องขังคดียาเสพติดที่ถูกซัดทอดจากนายนิพนธ์ว่า จากการซักถามนช.พีรยุทธยอมรับว่ารู้จักกับนายนิพนธ์และพ.ต.ปิยะณัฐจริง โดยพ.ต.ปิยะณัฐเคยเป็นลูกน้องเก่า แต่ปฏิเสธไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจับกุมยาเสพติดครั้งล่าสุด ซึ่งเรือนจำยังไม่ปักใจเชื่อตามคำบอกเล่าและอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม นอกจากนี้ยังเร่งตรวจสอบบันทึกการเข้าเยี่ยมนช.พีรยุทธอย่างละเอียด เนื่องจากในช่วงก่อนเกิดเหตุได้มีญาตินช.พีรยุทธเข้าเยี่ยมหลายครั้ง เช่น เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 2554 มีญาติจากอ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ วันที่ 30 ส.ค. 2554 มีญาติอ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี และอ.บางน้ำเปรี้ยว และอ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา วันที่ 20 มิ.ย.2554 เป็นญาติจากเขต สะพานสูง กทม. และล่าสุดวันที่ 6 ม.ค. ญาติจากจ.สงขลา
นช.พีรยุทธมีคู่คดีซึ่งถูกจับกุมคดีเดียวกันและถูกขังอยู่ในเรือนจำบางขวางอีก 2 คน คือนช.มนัส ศรีสุพรรณ และนช.ชาญณรงค์ หรือมูเซอ เกษมทัศน์ โดยก่อนหน้านี้ทั้ง 3 คนเคยถูกคุมขังอยู่ในทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง และย้ายมาคุมขังที่เรือนจำกลางบางขวางเมื่อวันที่ 20 ส.ค. 2553 โดยแยกแดนขัง สำหรับผลการจู่โจมเรือนนอนของนช.พีรยุทธ ครั้งแรกไม่พบสิ่งผิดปกติ แต่เมื่อตรวจค้นซ้ำอีกครั้งช่วงกลางจึงพบโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่องอยู่ในเรือนนอน จากนั้นได้นำกำลังเข้าตรวจค้นเรือนนอนของนช.มนัสจึงพบโทรศัพท์มือถืออีก 1 เครื่อง แต่ไม่มีใครรับเป็นเจ้าของ ตนจึงสั่งการให้แยกนช.มนัสไปขังเดี่ยวในแดนความมั่นคงสูง และได้ส่งซิมการ์ดพร้อมโทรศัพท์มือถือทั้ง 2 เครื่องให้กรมราชทัณฑ์นำไปตรวจสอบรายละเอียดการใช้งานเพื่อส่งให้ตำรวจนำไปขยายผลต่อ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันที่ 27 ม.ค.นี้ เจ้าหน้าที่เรือนจำกลางบางขวางสามารถตรวจยึดสมุดบันทึกจากในเรือนนอนของนช.พีรยุทธได้ 1 เล่ม โดยเนื้อหาในสมุดบันทึกมีรายละเอียดของเบอร์โทรศัพท์ติดต่อบุคคลภายนอกที่จะสามารถเชื่อมโยงไปถึงเครือข่ายได้ ซึ่งผบ.เรือนจำกลางบางขวางได้มอบหลักฐานดังกล่าวให้กรมราชทัณฑ์นำไปตรวจสอบแล้ว
สำหรับนายชาญณรงค์ มูเซอ เป็นนักค้ายาเสพติดรายใหญ่เป็นเครือญาติของขุนส่า ราชายาเสพติดระดับโลก ก่อนหน้าที่จะถูกดีเอสไอจับกุมในคดียาเสพติด เคยถูกดีอีเอ ประเทศสหรัฐอเมริกา จับกุมและดำเนินคดีในสหรัฐฯมาแล้ว
“เพรียวพันธ์”เตรียมเสนอสร้างคุกเกาะขังนักโทษค้ายา
ที่บช.ปส. พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร) กล่าวว่า มีแนวคิดที่จะสร้างคุกพิเศษกักขังนักโทษคดียาเสพติดไว้ที่เกาะแห่งใดแห่งหนึ่ง ซึ่งขณะนี้ได้ปรึกษากับทางผู้ใหญ่เพื่อจะเป็นการแยกคดียาเสพติดให้ง่ายต่อการควบคุม เพราะถ้าหากไม่แยกออกกลุ่มพ่อค้ายาเสพติดก็จะค้ายาเสพติดได้ง่าย ดังนั้นถ้าหากมีการจัดทำคุกก็จะติดตั้งระบบตัดสัญญาณโทรศัพท์ก็จะสามารถแก้ปัญหาและควบคุมคดียาเสพติดได้
ทั้งนี้พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ร่วมกับพล.ต.ท.ชัยวัฒน์ โชติมา ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด(ผบช.ปส.) พล.ต.ต.ชินภัทร สารสิน ผบก.ปส.3 พ.ต.อ.พรชัย เจริญวงศ์ รอง ผบก.ปส.3 แถลงจับนายมะยะเอะ นิสาแย อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 67 หมู่ที่ 3 ต.มะนังตาลำ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี นายมะดีจัง หะยีดาราวี อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 38 หมู่ที่ 4 ต.ตะบิ้ง อ.สายบุรี จ.ปัตตานี นางดารุณี หะยีดาราวี อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 67 หมู่ที่ 3 ต.มะนังตาลำ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 373,800 เม็ด ยาไอซ์หนัก 5 กิโลกรัม ใบกระท่อมจำนวน 120 ใบ รถยนต์เก๋ง ฮอนด้า สีนำเงิน หมายเลขทะเบียน กข-9967 ยะลา และรถยนต์เก๋ง ฮอนด้า แอคคอร์ท สีนำเงิน หมายเลขทะเบียน 7ธ-2512 ยะลา โทรศัพท์มือถือจำนวน 7 เครื่อง และวัตถุต้องสงสัยว่าอาจใช้ผลิตยาเสพติดจำนวน 8 รายการ รวมมูลค่ากว่าหนึ่งร้อยล้านบาท พร้อมตรวจยึดทรัพย์สิน 2รายการได้แก่ เงินสด 24,000 บาท รถยนต์มิตซูบิชิ จีวากอนซ์ วล-3836 กรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจจับได้บริเวณปั้มน้ำมันไข่มุกด์ ถนนพระราม 2 ต.บางกระเจ้า อ.เมือง จ.สมุทรสาคร
พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ กล่าวว่า ตำรวจได้รับแจ้งว่ามีกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดในเครือข่ายภาคใต้ จะมาลำเลียงยาเสพติดจากภาคกลางไป ทางภาคใต้โดยกลุ่มผู้ต้องหานี้มารับยาเสพติดที่บริเวณปั้มน้ำมันไข่มุกด์ โดยวิธีขนยาเสพติดจะใช้รถยนต์บรรทุกรับจ้างกลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ติดตามรถยนต์บรรทุกยาเสพติดไปยังปลายทางภาคใต้ ซึ่งวันเกิดเหตุพบเห็นผู้ต้องหาทั้ง 3 คนพบนายมะยะเอะและนายมะดีจัง ได้เข้าไปติดต่อที่บริษัท ขนส่งเพื่อจะหารถยนต์ที่ใช้ลำเลียงนาเสพติด ต่อมาชุดสืบสวนได้ติดตามผู้ต้องหาทั้งสองไปถึงบริเวณปั้มไข่มุกด์ ซึ่งเป็นจุดที่กลุ่มผู้ต้องหาจะนำยาเสพติดขึ้นรถบรรทุกที่ได้ติดต่อว่าจ้างไว้ ผู้ต้องหาทั้ง 3 คนได้ขนยาเสพติดเปลี่ยนถ่ายขึ้นรถยนต์เก๋ง ฮอนด้า แอคคอร์ทสีขาว เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุม
จากการสอบสวนนายมะยะเอะรับสารภาพว่า จะนำยาเสพติดไปส่งที่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไปถึงจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยได้รับค่าจ้าง 50,000 บาท โดยแบ่งเงินค่าจ้างให้กับนายมะดีจังและนางดารุณีคนละ 10,000บาท จึงตั้งข้อหาร่วมกันมียาเสพติดประเภท1 (ยาบ้าและยาไอซ์)ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตและตั้งข้อหานายมะยะเอะ เพิ่มเติมว่า มียาเสพติดให้โทษประเภท 5(พืชกระท่อม) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ไปดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป
พ่อตร.ปส.ชุมพรภูมิใจลูกชายตายในหน้าที่
ที่บ้านเลขที่ 26 ม.7 บ้านเขาวยาว อ.สวี จ.ชุมพร พล.ต.ท.สันติ เพ็ญสูตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 8 พร้อม พล.ต.ต.สมชาย อ่วมถนอม ผบก.จว.ชุมพร และพ.ต.อ.นรินทร์ บุษยวิทย์ รอง ผบก.ภ.ชุมพร ได้เดินทางมาเคารพศพ ส.ต.ท.สุรินทร์ เมืองทิพย์ ตร.ชุด ปปส.ภ.จังหวัด โดยมีนายภิรมย์ เมืองทิพย์ พ่อของ ส.ต.ท.สุรินทร์ เมืองทิพย์ ให้การต้อนรับและยอมรับกับความสูญเสียในครั้งนี้
นายภิรมย์ กล่าวว่า ญาติทุกคนก็ทำใจได้แล้ว ที่จะต้องสูญเสียคนอันที่รักของตระกูล แต่ก็ภูมิใจในการปฏิบัติหน้าที่ของลูกชาย แต่ขอให้ลูกไปอย่างสงบ จะขอให้ลูกอยู่กับญาติคืนนี้ก่อนคือขอให้ระบบการช่วยหายใจของเครื่อง ค่อยๆเบาลง เพื่อจะได้ไม่ลูกต้องทนทุกข์ทรมานมากนัก
พล.ต.ท.สันติ เพ็ญสูตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 8 กล่าวว่า การกวาดล้างขบวนการค้ายาเสพติดในพื้นที่ภาคใต้ นั้นในภาพรวมแล้วถือว่ามีการแพร่ระบาดน้อยกว่าภาคอื่นๆ จากสถิติการจับกุมทางภาคใต้ จะจับได้ไม่มากนัก แต่ในขณะเดียวกันทางภาคอื่นจะจับได้เป็นแสนเป็นล้านเม็ด แต่ทั้งนี้ก็ไม่เป็นผลดีในเรื่องของยาเสพติด ดังนั้นการกวาดล้างของภาคใต้ จะใช้มาตรการที่เข้มข้น เพื่อให้ยาเสพติดทุกประเภทได้ลดลงและหมดไปในที่สุด
ตร.ปากน้ำโพปะทะแก๊งยาไอซ์ดับ1
ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครสวรรค์ พล.ต.ต.ฉันทวิทย์ รามสูตร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครสวรรค์ พ.ต.ท.จิรศักดิ์ มหึเมือง รอง ผกก.ป.สภ.เมืองนครสวรรค์ แถลงผลการจับกุมนายวสุศักดิ์ หรือไอซ์ พาชอบ อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 675/5 หมู่ 9 ตำบลนครสวรรค์ตก อ.เมือง จ.นครสวรรค์ และนายสุพัฒน์ชัย หรือ ติ๊ก ท่วมนิ่ม อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 176 หมู่ 5 ตำบลนครสวรรค์ตก อ.เมือง จ.นครสวรรค์ 2 ผู้ต้องหา ที่ร่วมกับนายพงษ์ศักดิ์ ชัยฤทธิ์ อายุ 19 ปี แก๊งยาไอซ์ที่ยิงต่อสู้กับตำรวจ จนถูกตำรวจวิสามัญดับเมื่อเช้านี้ พร้อมด้วยของกลาง ยาบ้าจำนวน 500 เม็ด ยาไอซ์ 16 กรัม ปืนลูกซอง 1 กระบอก กระสุน 2 นัด ที่เหตุบริเวณซอยบางเรารักกันจริง เขตเทศบาลนครนครสวรรค์
รวบสองโจ๋เลียนแบบทีวีจี้ชิงทรัพย์หาเงินเที่ยว-เสพยา
พ.ต.อ.ปรัชญ์ชัย ใจชาญสุกิจ รองผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ราชบุรี พ.ต.ต.ศักราช สาครไพศาล สารวัตรสืบสวนสอบสวนสภ.เมืองราชบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ได้นำตัวนายตูน(นามสมมุติ) อายุ 16 ปี และนายอาร์ม(นามสมมุติ) อายุ 17 ปี มาแถลงข่าวที่หน้ากองกำกับการตำรวจภูธร จ.ราชบุรี พร้อมของกลางมีดยาว 1 เล่ม เงินสดจำนวน 160 บาท สืบเนื่องมาจากเมื่อช่วงกลางดึกของวันที่ 25 ม.ค. ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่เก็บเงินปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งใน ต.เกาะพลับพลา อ.เมือง จ.ราชบุรี ถูกคนร้ายเป็นชายสองคนนำอาวุธปืนและอาวุธมีดเข้ามาจี้ชิงเงินสดจำนวน 7,400 บาทไป หลังรับแจ้งจึงได้ไปตรวจสอบและดูภาพจากกล้องวงจรปิดของปั๊มน้ำมัน และออกทำการสืบสวนหาเบาะแสคนร้าย และสามารถติดตามไปจับกุมคนร้ายที่จี้ชิงทรัพย์ปั๊มน้ำมันได้
ตร.ภ.4 รวบหนุ่มวัย30ปีนำยาบ้า2,400เม็ดเตรียมส่งให้ลูกค้า
เมื่อเวลา 02.30 น. พ.ต.อ.อิทธิพล วัฒนะสุวรรณ ผกก. 3 บก.สส.ภ.4 ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าทำการจับกุม นายคงกพัน คุณแสน อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 33/2 ม.8 ต.พระลับ อ.เมือง จ.ขอนแก่น ขณะขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นโซนิค สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน มาตามถนนเลี่ยงเมืองสายขอนแก่น-กาฬสินธุ์ เพื่อส่งมอบยาบ้าให้กับลูกค้าบริเวณริมถนน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งสายลับว่าผู้ต้องหาคนดังกล่าวเป็นผู้ค้ายาบ้ารายใหญ่ในเขตพื้นที่ อ.เมืองขอนแก่น มานาน
พ.ต.อ.อิทธิพล เปิดเผยว่า หลังจากได้รับแจ้งจากสายลับ จึงวางแผนจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการจับกุม จนกระทั่งพบผู้ต้องหาขี่รถจักรยานยนต์มาและจอดริมถนนด้วยอาการมีพิรุธ จึงแสดงตัวเข้าทำการจับกุม และขอตรวจค้น พบยาบ้า จำนวน 12 ถุง นับรวม 2,400 เม็ด ซึ่งซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋ากางเกง จึงควบคุมตัวมาทำการสอบสวน พร้อมทั้งตั้งข้อกล่าวหาว่า มียาเสพติดประเที่ 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อเสพและจำหน่าย พร้อมทั้งควบคุมตัวและนำของกลางทั้งหมดนำส่ง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
ตร.ปส.น่านบุกรวบพระ-เณรกำลังร่วมพียาบ้าคากุฏิ
เมื่อเวลา13.30 น. ตำรวจปส.สภ.ภูเพียง จ.น่าน นำโดย พ.ต.ท.ณัฐกร ดาวนันท์ สารวัตรสืบสวน สภ.ภูเพียง รองหัวหน้าชุดป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัดน่าน นำกำลังเจ้าหน้าที่จู่โจมเข้าตรวจค้นที่วัดโป่งคำ บ้านน้ำเกี๋ยน ตำบลน้ำเกี๋ยน อ.ภูเพียง จ.น่าน หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าที่วัดดังกล่าวมีวัยรุ่นเข้าออกมั่วสุมเสพยาเป็นประจำ
ขณะที่ตำรวจชุดจับกุมได้จู่โจมเข้าไปเข้าไปพวกวัยรุ่นที่กำลังจับกลุ่มมั่วสุมอยู่ภายในวัดและเมื่อเห็นตำรวจได้แตกฮือแยกย้ายวิ่งหนีกันออกนอกวัดทันที เหลือเพียงพระและสามเณรจำนวน 5 รูปจนมุมอยู่ภายในกุฏิทำใจดีสู้เสือกล่าวว่าไม่รู้ไม่เห็น พวกวัยรุ่นเข้ามาคุยเล่นตามปกติ หลังจากตำรวจได้ตรวจค้นภายในกุฎิพบอุปกรณ์เสพยาบ้าซุกซ่อนในกุฏิ พร้อมซองบุหรี่จำนวนมากแต่ไม่พบยาบ้าหรือสิ่งของผิดกฎหมาย ตำรวจจึงได้ได้นิมนต์พระลูกวัดทั้งหมดมาทำการ ตรวจปัสสาวะ จากผลการตรวจ พบสารเสพติดเบื้องต้นปัสสาวะ พระเณรทั้ง 5 รูป มีสีม่วง ประกอบด้วยพระธีรพัฒน์ ดีกัลป์ลา อายุ 22 ปี พระพจณ บุญเกียง อายุ 30 ปี พระวัชเรศ จาวะนา อายุ 20 ปี และสามเณรอีก 2 รูป จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานพร้อมควบคุมตัว พระและสามเณรทั้ง 5 รูป ไปทำการสึกทันที
พ.ต.ท.ณัฐกร กล่าวว่า จากการสอบสวนทั้ง 5 คน ต่างก็ให้การรับสารภาพเพราะจนมุมต่อหลักฐาน ว่าหลังจากเมื่อได้บวชเข้ามาอยู่ที่วัดก็ไม่ค่อยมีอะไรทำอยู่ว่างๆจึงได้ชักชวนกันชวนกันลงขันไปให้พวกวัยรุ่นไปซื้อยาบ้ามาลองเสพกระทั่งถูกจับ จึงนำทั้ง 5 คน ส่งให้ ร.ต.อ.พัฒนเลิศ อินแสง พนักงานสอบสวน สภ.ภูเพียง ดำเนินคดีข้อหาเสพยาเสพติดโดยผิดกฎหมายต่อไป